Skip to content

พลิกปฐพี 752

ตอนที่ 752

นิพพานกลายเป็นหวง

ชูเนี่ยนมองราชาเฟิ่งอย่างสงสัย เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งต่อคำรับประกันของเขา

ราชาเฟิ่งรีบยกสองมือเลยศีรษะสาบานว่า “ข้าขอรับรองว่าจะไม่ยุ่งกับเขา”

ชูเนี่ยนเม้มปากจ้องดูราชาเฟิ่งสักครู่ด้วยแววตาสับสน ผู้ชายเบื้องหน้านี้นางเพิ่งพบครั้งแรก อีกทั้งพอพบหน้าก็พูดแต่เรื่องที่นางยอมรับได้ยาก

แต่นางกลับมีความรู้สึกสนิทสนมใกล้ชิดกับคนผู้นี้มาก

ต่อหน้าราชาเทวะอู๋หวา นางรู้สึกว่าเป็นความเคารพ แต่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้นางกลับสามารถปลดปล่อยอารมณ์ได้ตามใจ

เพราะอะไรกัน

เหตุผลนั้นชูเนี่ยนไม่กล้าคิดไปมากกว่านี้

เห็นชูเนี่ยนไม่พูด ราชาเฟิ่งก็เข้าไปใกล้นางอีก แล้วถามว่า “ลูกรัก เจ้าเป็นองค์หญิงของเผ่าเฟิ่งหวงข้า ไม่สามารถแต่งงานกับเผ่ามนุษย์ได้ เจ้ารู้ไหม”

คำพูดนี้ของเขาเอ่ยอย่างจริงจัง สีหน้าผุดความหมายลึกซึ้งของคำพูดนั้น

มุมปากชูเนี่ยนกระตุกไปครั้งหนึ่ง พูดด้วยใบหน้าเย็นเฉียบว่า “ท่านวางใจเถอะ เขามีภรรยาแล้ว ข้าไม่แต่งงานกับเขาแน่นอน”

“มีภรรยาแล้ว?” ราชาส่งตกตะลึง ใบหน้าที่สุดแสนโศกสลดเปลี่ยนเป็นยิ้มอย่างเบิกบานใจ “มีภรรยาก็ดีแล้ว! มีภรรยาก็ดีแล้ว! แค่กๆ ในเมื่อคนเขามีภรรยาแล้ว เราก็ไม่ต้องลดตัวไปแต่งงานกับเขาหรอก”

ชูเนี่ยนมองเขาแล้วละสายตากลับ

ความจริงความรู้สึกที่นางมีต่อมู่ชิงเกอ ยังไม่ถึงขั้นรักสึกซึ้งจนถอนตัวไม่ขึ้น สำหรับนาง เมื่อรู้ว่ามู่ชิงเกอมีภรรยาแล้วยังสามารถรักษาความเป็นเพื่อนดื่มสุรา หรือเพื่อนธรรมดาได้ก็เป็นเรื่องที่น่าพอใจที่สุดแล้ว

อย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่พิเศษกว่าคนทั่วไปไม่ใช่หรือ

จบเรื่องที่เกี่ยวกับมู่ชิงเกอ ราชาเฟิ่งแอบชำเลือง มองชูเนี่ยนหลายครั้งแล้วพูดด้วยใจเต้นตึกตักว่า “ลูกรัก นิพพานแรกของเจ้า หากนิพพานสำเร็จแล้วก็จะ

สามารถเป็นหวงที่แท้จริงได้พ่อหวังให้เจ้าสามารถจำเรื่องแต่ก่อนได้ สามารถบอกพ่อได้ว่าแม่เจ้าอยู่ที่ไหนกันแน่”

ชูเนี่ยนมองราชาเฟิ่ง ใบหน้าที่แข็งเกร็งไม่ได้ผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย

พ่อลูกจ้องหน้ากันพักหนึ่ง ชูเนี่ยนจึงถามว่า “ครั้งนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”

พูดถึงครั้งนั้น ราชาเฟิ่งก็ถอนใจ “ครั้งนั้นข้าเพิ่งขึ้นครองราชย์ภายในเผ่าไม่มั่นคงไม่สามารถดูแลแม่เจ้าได้ดี แม่เจ้าก็เป็นคนใจแข็ง เมื่อรู้ว่าข้าไม่สามารถดูแลได้ ก็เลยไม่ยอมบอกว่ากำลังใกล้จะนิพพานครั้งที่สอง เวลานั้นนางมีเจ้าในครรภ์พวกเราต่างเฝ้ารอการเกิดมาของเจ้า ยังพูดด้วยซํ้าว่าไม่ว่าเจ้าจะเป็นเฟิ่งหรือหวงล้วน เรียกเจ้าว่าชูเนี่ยน”

“ชื่อของข้า!” ชูเนี่ยนพึมพำ ดูเกินคาดอยู่บ้าง

นางเข้าใจมาตลอดว่าชื่อชูเนี่ยนนั้นราชาเทวะอู๋หวาเป็นคนตั้ง ควรพูดว่าตั้งแต่นางจำความได้ทุกคนต่างเรียกขานนางเช่นนี้

นัยน์ตาราชาเฟิ่งมีแววเจ็บปวด “แต่ภายหลัง เหตุเหนือความคาดหมายก็ได้เกิดขึ้น ขณะที่แม่เจ้าเดินทางกลับจากเผ่ามังกรได้นิพพานในที่สุด นางไม่ทันกลับถึงป่าอสูร ทำได้เพียงส่งข่าวให้ข้า แต่พอข้าพาคนไปถึง นางก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว ตั้งแต่นั้นมาข้าก็ไม่รู้ว่าพวกเจ้าอยู่ที่ใด”

“เผ่าเฟิ่งหวงนิพพาน ต้องใช้เวลาเท่าไรหรือ” ชู เนี่ยนถามทันใด

ราชาเฟิ่งกล่าว “นิพพานครั้งแรกต้องใช้เวลามากกว่า อย่างสั้นก็หกเจ็ดปี อย่างยาวก็ร่วมร้อยปี แต่เจ้าไม่ต้องกังวล ในป่าหวูถงไม่ว่าเจ้าต้องการเวลาเท่าใดล้วนปลอดภัยทั้งสิ้น หลังนิพพานครั้งแรกแล้ว หากนิพพานอีกครั้งก็จะไวขึ้นมาก ไม่กี่วันหรือหนึ่งเดือนก็เสร็จสิ้นแล้ว”

ชูเนี่ยนนิ่งเงียบ ไม่รู้ว่านางคิดอะไรอยู่

ราชาเฟิ่งถอนใจว่า “เวลานี้เจ้าไม่ต้องคิดมาก ตั้งใจรอรับการนิพพานครั้งแรก สำหรับพวกเราเผ่าเฟิ่งหวง นิพพานครั้งแรกมีอันตรายมาก”

พูดแล้วเขาพึมพำคนเดียวว่า “จริงๆ แล้วนิพพานครั้งแรก ควรต้องหาเฟิ่งในเผ่าคนหนึ่งคอยคุ้มกันเจ้า ช่วยเจ้าแบ่งเบาเภทภัย แต่เจ้าเพิ่งกลับมา พ่อไม่อาจวางใจหาเฟิ่งมาให้อย่างลวกๆ ได้”

คำรำพันของเขา ชูเนี่ยนได้ยินแล้วก็เก็บงำสิ่งที่คิดในใจ ถามขึ้นว่า “คุ้มกันอย่างไร”

“อ๋อ ไม่…ไม่มีอะไร” ราชาเฟิ่งพูดอย่างมีพิรุธ

แต่สายตาชูเนี่ยนกลับเครียดขึ้นมา บอกเขาให้ ‘สารภาพ’ มาเสียดีๆ

“แค่ก คือเช่นนี้ เผ่าพวกเรามีวิธีที่สามารถลดอันตรายจากนิพพานครั้งแรกได้คือขณะที่หวงนิพพานก็ให้เฟิ่งคอยคุ้มกัน เช่นนี้แล้วไฟนิพพานจะเผาผลาญเฟิ่ง หวงพร้อมกัน ไม่เพียงสามารถแบ่งเบาอันตราย ยังทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับประโยชน์เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพียงแต่…เช่นนี้แล้ว เฟิ่งหวงคู่นี้จะต้องถูกลิขิตให้คู่กัน หากเจ้าเติบโตในเผ่า มีเฟิ่งที่คบหากันมาแต่เล็กพ่อจะไม่ลำบากใจเลย แต่ว่า เจ้าไม่ได้เติบโตในเผ่า พ่อไม่อยากจะหาเฟิ่งมาอย่างลวกๆ ทำให้เขาได้เปรียบ” ราชาเฟิ่งมองชูเนี่ยนอย่างน่าสงสาร ความจริงภายในจิตใจนึกอาลัยบุตรสาวที่เพิ่งตามกลับมาได้ไม่อยากให้นางมีใจให้ฟิ่งอีกคนหนึ่ง

ใบหน้าชูเนี่ยนเกร็งขึ้นมา ขัดขืนโดยสัญชาตญาณ “ต่อให้ท่านเห็นด้วย ข้าก็ไม่เห็นด้วย”

“ใช่ๆๆ ไม่เห็นด้วย แต่ไฟนิพพานไม่ใช่ของธรรมดา หากเจ้ารับไว้เพียงคนเดียว พ่อต้องเตรียมของไว้ให้เจ้าก่อน” ราชาเฟิ่งพูดแล้วหลุบตาขบคิด

แต่ความสนใจของชูเนี่ยนไม่ได้อยู่ที่นี่

นัยน์ตานางเกิดประกายถามว่า “ท่านว่าไฟนิพพานมีประโยชน์หรือ?”

“อืม ไฟนิพพานเป็นของวิเศษที่เผ่าเฟิ่งหวงได้รับมาเพียงเผ่าเดียว ทุกอย่างที่ผ่านการหล่อหลอมจากไฟนิพพาน ไม่ว่าร่างกาย จิตวิญญาณกระทั่งปัญญาเทวะ ต่างจะได้รับการเลื่อนชั้นชนิดก้าวกระโดด ไฟนิพพานถูกเรียกว่าเป็นไฟเกิดใหม่ ระหว่างความเป็นความตาย หากรับรู้ได้สูง ผลการบำเพ็ญจะทำให้ได้รับการเลื่อนชั้นอย่างสูงยิ่ง” ราชาเฟิ่งกำลังขบคิดปัญหาตัวเอง เกี่ยวกับคำถามชูเนี่ยนนั้นก็เป็นการตอบโดยจิตใต้สำนึก

แววตาชูเนี่ยนเคร่งขรึมลงไปอีก ถามว่า “จะต้องเป็นเผ่าเดียวกันจึงสามารถร่วมอาบไฟนิพพานหรือไม่”

ราชาเฟิ่งยังคงดื่มดํ่าอยู่ในความคิดของตัวเอง ไม่ได้สังเกตถึงความอ่อนไหวของคำถามชูเนี่ยน ตอบโดยทันทีว่า “ไม่จำเป็นต้องเป็นเผ่าตัวเอง เผ่ามนุษย์ก็ได้ เพียงแต่ หากมีเผ่ามนุษย์ร่วมอาบไฟนิพพาน จะเกิดพันธสัญญาร่วมเป็นร่วมตายกับเขาด้วย”

“พันธสัญญาร่วมเป็นร่วมตาย?” ชูเนี่ยนประหลาดใจ

ราชาเฟิ่งผงกศีรษะ “อืม พันธสัญญาร่วมเป็นร่วมตายต่างกับพันธสัญญานายบ่าวทั่วไป เสมอภาคกัน แต่ถึงแม้จะเสมอภาคกัน เผ่ามนุษย์ก็ยังได้เปรียบกว่าพวกเราเผ่าเฟิ่งหวงที่อายุขัยยืนยาวมาก เผ่ามนุษย์จะมาเทียบเคียงได้อย่างไร ป่าหวูถงพวกเรา หาเฟิ่งหวงเล็กๆ ที่ไหนมาสักตัวก็ล้วนมีอายุขัยมากกว่าเผ่ามนุษย์ เหล่านั้นทั้งสิ้น นอกจากพวกราชาเทวะขั้นศักดิ์สิทธิ์จึงจะสามารถเทียบเคียงพวกเราได้”

นํ้าเสียงราชาเฟิ่งออกจะดูถูก ราวกับดูถูกอายุขัยเผ่ามนุษย์อย่างมาก

ชูเนี่ยนนิ่งสงบลง พิจารณาแผนการอยู่ในใจ

ท่าทางผิดปกติของนางราชาเฟิ่งไม่ทันสังเกตเห็น เขาขบคิดอยู่ตลอดเวลาว่าต้องเตรียมของวิเศษอะไรให้ชูเนี่ยนใช้ป้องกันตัวเองขณะนิพพาน

ทันใดนั้นชูเนี่ยนก็มองราชาเฟิ่งและบอกว่า “พรุ่งนี้ข้าจะออกจากป่าหวูถง”

“อืม…” ราชาเฟิ่งผงกศีรษะแต่ก็รู้ตัวในทันที ตาดำหดลงมองชูเนี่ยนแล้วถามว่า “เจ้าพูดอะไร”

ชูเนี่ยนมองเขาด้วยสายตาตรงไปตรงมาแล้วตอบอย่างจริงจังว่า “พรุ่งนี้ข้าจะออกจากป่าหวูถง”

นางทวนคำพูดเมื่อครู่นี้อีกครั้งหนึ่ง

ราชาเฟิ่งเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ “เจ้าจะออกไปทำอะไร”

แต่ทันใดนั้นเขาก็พูดว่า “เจ้าจะไปหาเผ่ามนุษย์ผู้นั้นหรือ”

ชูเนี่ยนพูดเรียบๆ ว่า “หากข้าไม่เห็นกับตาจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านทำตามคำพูด ไม่ได้ทำร้ายพวกเขาจริงๆ”

“เจ้า เจ้ายังไม่เชื่อข้าอีกหรือ” ราชาเฟิ่งพูดอย่างเหลือทน

ชูเนี่ยนไม่ตอบ แต่ใบหน้าที่บึ้งตึงบอกอย่างชัดเจนแล้ว

ราชาเฟิ่งสุดจะทนได้เพียงถอนหายใจเอ่ยว่า “เอาเถอะ เจ้าจะไปก็ไป แต่ต้องนำทหารนกหลวนไปด้วย นิพพานเจ้าจะเริ่มเมื่อไรนั้นยังไม่แน่ชัด ไปไกลไม่

ได้ต้องกลับมาให้เร็วที่สุด”

พูดจบเขาพูดเพิ่มเดิมอีกด้วยความไม่วางใจว่า “ดีที่สุดคือพบแล้วกลับมาเลยอย่าอยู่นานนัก”

“ข้ารู้แล้ว” ชูเนี่ยนตอบ

ราชาเฟิ่งมองนางแล้วผงกศีรษะ แม้สงสัยอยู่ในใจแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ออกปากถาม

“เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ” ราชาเฟิ่งพูด

ชูเนี่ยนพยักหน้านิดๆ ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงตามสาวใช้ที่นำทางออกจากวังหวูถง

คืนนี้ ทั้งภายในภายนอกป่าหวูถงผ่านไปด้วยความสงบ

ชูเนี่ยนไม่ได้หลับทั้งคืน พอฟ้าสางก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้อง เนื่องจากได้รับอนุญาตจากราชาเฟิ่งแล้ว ชูเนี่ยนจึงนำทหารนกหลวนออกจากวังหวูถง เดินออก จากป่าหวูถง

ในป่าหวูถง เผ่าเฟิ่งหวงที่อาศัยอยู่บนต้นหวูถง ต่างแอบเฝ้ามองความเคลื่อนไหวทุกอย่างของชูเนี่ยน กลิ่นอายเผ่าเฟิ่งหวงบนตัวนาง เป็นเผ่าพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งกลิ่นอายนั้นก็สูงศักดิ์มาก มีสายเลือดที่สูงส่ง

เพียงแต่พวกเขาไม่เคยพบนางในป่าหวูถงมาก่อน ดังนั้นฐานะของนางจึงทำให้เหล่าเฟิ่งหวงต่างสนใจใคร่รู้กันมาก

แต่เมื่อพวกเขาเห็นทหารนกหลวนที่เดินตามหลังนางมาก็คาดเดาทิศทางของเรื่องได้แล้ว

ทหารนกหลวนมีเพียงราชาเฟิ่งจึงจะเรียกใช้ได้ เวลานี้กลับตามหลังหวงน้อยแปลกหน้านี้หรือว่า…หวงน้อยตนนี้ก็คือบุตรสาวราชาเฟิ่งที่หายไปเมื่อหลายปี

ก่อนนั้น

ในป่าหวูถงมีการคาดเดาไม่จบสิ้น

เฟิ่งหวงอาวุโสบางส่วนถึงกับไปสอบถามที่วังหวูถง

แต่ทั้งหมดนี้ชูเนี่ยนไม่สนใจ นางรีบร้อนออกจากป่าหวูถง มองหาเงาร่างมู่ชิงเกอ

แต่ว่านอกป่าหวูถง นางกลับมองไม่เห็นว่ามู่ชิงเกออยู่ที่ไหนกันแน่

‘ชิงเกอ เจ้าอยู่ที่ไหนนะ’ ชูเนี่ยนคิดในใจ

“ชูเนี่ยน” ขณะที่ชูเนี่ยนกำลังวิ่งวุ่นในป่าก็ได้ยินเสียงประหลาดใจของมู่ชิงเกอดังขึ้นมาจากด้านหน้าทางขวามือ

ใบหน้านางผุดความดีใจออกมา หันกายมองไปทางเสียงนั้นก็เห็นมู่ชิงเกอมีท่าทางสง่างาม พิงร่างบนกิ่งต้นไม้ใหญ่ด้านหน้าขวามือไม่ไกลนัก

ข้างกายเขามีจิ้งจอกหิมะนอนหมอบอยู่ ขณะที่ชูเนี่ยนมองไป จิ้งจอกหิมะที่นอนขดอยู่ก็ลืมตาสีเลือดมองมาอย่างเย็นชา

ชูเนี่ยนตกใจ นางคิดไม่ถึงว่าร่างเดิมของหยินเฉินจะสวยงามขนาดนี้

มู่ชิงเกอลอยตัวลงมาจากต้นไม้ หยินเฉินเองก็โดดลงมาด้วย ขณะถึงพื้นก็ได้แปลงร่างเป็นมนุษย์เรียบร้อยแล้ว

“ชิงเกอ” ชูเนี่ยนได้สติ วิ่งไปหามู่ชิงเกอกับหยินเฉินด้วยความตื่นเต้น

ทหารนกหลวนตั้งใจวิ่งตามไปแต่ถูกชูเนี่ยนห้ามไว้ “พวกเจ้าไม่ต้องตามมา รออยู่ที่นี่”

พวกทหารนกหลวนสบตากัน ทำได้เพียงถอนเท้าที่ก้าวออกไปคืนกลับมา

ชูเนี่ยนพุ่งไปถึงเบื้องหน้ามู่ชิงเกอ ใบหน้าที่เคร่งเครียดตลอดเวลาขณะอยู่ในป่าหวูถงผุดรอยยิ้มออกมาในที่สุด

“ชูเนี่ยน เจ้าไม่ใช่อยู่ในป่าหวูถงหรือ เหตุใดจึงออกมาเล่า” มู่ชิงเกอถามด้วยความสงสัย

ชูเนี่ยนเก็บงำความตื่นเต้น หางตากวาดไปยังเหล่าทหารนกหลวนที่ยืนอยู่ไกลๆ เห็นพวกเขาไม่ได้แอบฟังพวกนาง นางจึงบอกว่า “ข้าออกมาเพราะอยากบอก อะไรเจ้าเรื่องหนึ่ง”

นัยน์ตามู่ชิงเกอเปล่งประกายวูบหนึ่ง ชูเนี่ยนไม่ใช่คนที่ชอบตีโพยตีพาย หากไม่ใช่เรื่องที่สำคัญยิ่ง นางคงจะไม่รีบมาหาตนด้วยความร้อนรนเช่นนี้

มู่ชิงเกอยกมือ เตรียมสร้างกำแพงกันเสียงด้านนอกของทั้งสอง

แต่มือนางเพิ่งยกขึ้นก็ถูกชูเนี่ยนกดลงไป “สร้างเขตผนึกไม่ได้ จะทำให้พวกเขาสงสัย”

พวกเขาที่นางเอ่ยถึงก็คือพวกทหารนกหลวนนั่นเอง

มู่ชิงเกอได้ยินแล้วก็วางมือลง

ส่วนหยินเฉินก็เดินขึ้นหน้ามาก้าวหนึ่ง ปล่อยหมอกจางๆ จากตัวเขากระจายไปรอบๆ

“ข้าสร้างภาพลวงขึ้น ในสายตาพวกเขา พวกเจ้าพูดอะไรทำอะไรล้วนไม่เปลี่ยนแปลง จะพูดอะไรก็พูดได้ตามสบาย” หยินเฉินบอกชูเนี่ยน

ชูเนี่ยนมองเขาด้วยความซาบซึ้ง “ขอบใจมากหยินเฉิน”

จากนั้นนางก็มองมู่ชิงเกอแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “เมื่อวานได้ยินราชาเฟิ่งพูดว่า ขณะนิพพานครั้งแรกจะมีอันตรายใหญ่หลวง แต่อันตรายนี้สามารถแบ่งเบาได้ คนที่แบ่งเบาอันตรายนี้หากผ่านการเผาผลาญจากไฟนิพพานแล้วจะสามารถหล่อหลอมเอ็นกระดูก เพิ่มพูนพลังเทพ ควบแน่นปัญญาเทวะ ทั้งยังรับรู้หลักธรรม เป็นตาย ทะลวงขอบเขตบำเพ็ญได้”

ตาดำมู่ชิงเกอหดลงด้วยความตื่นตะลึง

ราวกับนางคิดไม่ถึงเลยว่า ไฟนิพพานจะมีคุณประโยชน์มากมายเช่นนี้

“ขณะที่พบโห่ว เขาได้พูดถึงป่าอสูรนี้ว่าไฟเฟิ่งหวงกับเลือดมังกรแท้นั้นล้วนเป็นของวิเศษ ทั้งยังให้ข้าบอกกับเจ้าว่า การฝึกซ้อมหาประสบการณ์ในป่าอสูรนี้ หากมีโอกาสได้พบเจอก็อย่าได้ละทิ้งไป” หยินเฉินพูดเสริมขึ้น

มู่ชิงเกอมองเขาแล้วมองไปที่ชูเนี่ยน

ชูเนี่ยนว่า “ข้าอยากให้เจ้าช่วยข้า พวกเราอาบไฟนิพพานด้วยกัน”

“ได้” มู่ชิงเกอรับปากโดยไม่ลังเลแม้แต่นิด

อย่าว่าแต่อาบไฟนิพพานมีคุณประโยชน์มากมายเช่นนี้เลย ถึงแม้ไม่มี แต่เมื่อชูเนี่ยนขอร้องนางแล้ว หากนางสามารถทำได้ย่อมไม่ปฏิเสธ

“เจ้าตกลงเลยหรือ” ชูเนี่ยนถามด้วยความแปลกใจ

มู่ชิงเกอตอบอย่างสบายอารมณ์ว่า “ยังต้องห่วงอะไรอีกหรือ”

“เจ้ายังไม่รู้เลยว่าไฟนิพพานอันตรายเพียงไร เจ้ายังไม่รู้เลยว่านิพพานต้องใช้เวลาเท่าไร ทั้งยังไม่รู้เลยว่านิพพานหมายความว่าอะไร” ชูเนี่ยนพูด

มู่ชิงเกอกลับหัวเราะแล้วพูดว่า “เจ้าบอก ข้าก็รู้ไม่ใช่หรือ”

ชูเนี่ยนเม้มปากบอกนางว่า “ราชาเฟิ่งว่านิพพานครั้งแรกอันตรายมาก แต่อันตรายเท่าไหร่ หากล้มเหลวจะเป็นอย่างไรนั้นเขาไม่ได้บอก แต่เวลานิพพานครั้งแรก อย่างตํ่าก็หลายปี อย่างมากก็ถึงร่วมร้อยปี ธุระเจ้ารอนานได้ขนาดนี้หรือ ยังมีอีกหากพวกเราร่วมอาบไฟนิพพานก็เท่ากับมีพันธสัญญาร่วมเป็นร่วมตาย ต่อนี้ไป เป็นตายร่วมกัน”

มู่ชิงเกอนิ่งสงบลง นางไม่ห่วงอันตรายไม่ห่วงเวลา เพราะเมื่อคิดเลื่อนชั้นแล้วการเสียเวลาล้วนเป็นสิ่งจำเป็น แต่ที่นางใส่ใจคือคำพูดชูเนี่ยนที่ว่าเป็นตายร่วม กันต่างหาก

นางนิ่งเงียบแล้วพูดว่า “ชูเนี่ยน ชีวิตข้ามีอันตรายมาก ถึงแม้ข้าจะบอกตัวเองว่าข้าไม่ตาย แต่อนาคตมีอุปสรรคซับซ้อน ไม่แน่ว่าวันไหนข้าอาจตายได้ ถึงเวลานั้นแล้วข้าจะมิทำให้เจ้าต้องมีอันเป็นไปไปกับข้าด้วยหรือ”

“ข้าไม่กลัว” ชูเนี่ยนตอบโดยไม่ลังเลแม้สักนิดเดียว

ความแน่วแน่ของนางกลับทำให้มู่ชิงเกอชะงัก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!