ตอนที่ 770
หนึ่งผลหนึ่งหมื่นปี
ผลภูติก็คือภูติภูเขา!
ภูติภูเขาก็คือผลภูติ!
มู่ชิงเกอตกใจจนเบิกตากว้าง โห่วเองก็เช่นเดียวกัน
อินเล่อกับอินเจวี๋ยมองดูพวกเขา แววตาผุดอารมณ์คลุมเครือราวกับความลับที่ยิ่งใหญ่ของเผ่าภูติภูเขาถูกเปิดเผยออกมาต่อหน้าคนทั้งคู่โดยที่ไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้าแม้แต่น้อย
ใต้ต้นไม้โบราณเงียบสงัดลงในทันที
ครู่ใหญ่มู่ชิงเกอจึงสูดลมหายใจลึกๆ สะกดอารมณ์สั่นสะท้านลงไปได้
แต่แววตาโห่วกลับปกปิดอาการตกใจไว้ได้ยาก สายตามองสลับไปมาระหว่างอินเล่อกับอินเจวี๋ย
“พวกเจ้า…แปลงร่างมาจากผลไม้?” โห่วพูดเสียงหลง
คำพูดเขาตรงจนเกินไปแต่ความหมายถูกต้อง ตามที่อินเจวี๋ยบอกไว้ ภูติภูเขาก็คือผลภูติ แล้วไม่ใช่ล้วนเป็นผลไม้จากต้นไม้โบราณนี้หรือ
สีหน้าอินเล่อเปลี่ยนเป็นพิลึกไปทันที สายตาที่มองโห่วนั้นดูสับสนเข้าใจยาก
อินเจวี๋ยมองโห่วแล้วพูดด้วยสีหน้าปกติว่า “ถูกต้องแล้ว ภูติภูเขาเป็นผลไม้ชุดแรกที่ออกมาจากต้นไม้ต้นนี้”
มู่ชิงเกอว่า “ท่าทางนี่คงเป็นเรื่องที่เก่าแก่นานมากแล้ว”
อินเจวี๋ยพยักหน้า “ใช่แล้ว นานมาก นานมากถึงขั้นที่ป่าอสูรยังไม่เกิด เหล่าอสูรก็ยังไม่ปรากฎ”
“เจ้ากำลังหลอกพวกข้าหรือเปล่า” โห่วคิ้วขมวดแน่นถามด้วยความสงสัย
อินเจวี๋ยมองเขาแต่ไม่พูดอะไร
อินเล่อกลับรีบบอกว่า “ท่านพี่ข่ง หรือว่า ท่านยังไม่เชื่อข้าหรือ”
คำพูดของนางทำให้สีหน้าโห่วเปลี่ยนไป เพียงแต่ใบหน้าหนึ่งในสามของเขาถูกสักไปแล้ว ดังนั้นสีหน้าของเขาจึงยากที่ทำจะให้คนเห็นแล้วเข้าใจได้
“ที่ท่านอาบอกความลับให้พวกท่านรู้ ก็เพราะเห็นพวกท่านเป็นเพื่อนจึงไม่อยากโกหก ยิ่งไม่อยากโรมรันกับพวกท่าน” อินเล่อพูดอีก
“ท่านอา?” มู่ชิงเกอเลิกคิ้วมองไปที่อินเจวี๋ย
โห่วก็กะพริบตาอย่างงงๆ “พวกเจ้าเป็นอาหลานกันหรือ”
อินเล่อผงกศีรษะว่า “พวกเราภูติภูเขามีรากเดียวกัน ต้นกำเนิดเดียวกัน ท่านอาเกิดก่อนข้าหลายหมื่นปีจึงย่อมเป็นอาของข้า”
มู่ชิงเกอมุมปากกระตุกพลางหลุบตาลง
เรื่องนี้… ความสัมพันธ์ทางสายเลือดของการกำเนิดจากครรภ์กับกำเนิดจากต้นไม้นั้นต่างกันมากมายนัก
นึกถึงจุดนี้แล้ว มู่ชิงเกอก็มองโห่วอย่างเห็นใจนิดๆ เดิมนางนึกว่าวันคืนหวานชื่นของโห่วได้มาถึงแล้ว ไม่นึกว่าราชินีภูติภูเขาจะแปลงกายมาจากผลไม้
หากโห่วอยู่กินกับนาง…
มู่ชิงเกอรีบส่ายหน้าเก็บงำความคิดร้อยแปดของตัวเอง เวลานี้ที่สำคัญไม่ใช่เรื่องซุบซิบเหล่านี้ นางแอบเตือนตัวเอง
“องค์ราชินี ข้าทำเพราะท่าน” เวลานี้อินเจวี๋ยก็เอ่ยปากขึ้น
คำพูดของเขาราวกับอธิบายให้มู่ชิงเกอกับโห่วฟัง “ในเมื่อเขามีบุญคุณช่วยชีวิตท่าน พวกเราย่อมต้องต้อนรับอย่างจริงใจ”
ความหมายนั้นคือ การที่เขาบอกเรื่องราวทั้งหมดนี้ออกมาเพราะไม่อยากให้อินเล่อลำบากใจเท่านั้น
อินเล่อเม้มปากนิ่ง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองโห่วอย่างลุ้นระทึก
แต่ความสนใจของโห่วนั้นอยู่ที่เรื่องผลภูติกับต้นไม้โบราณทั้งหมดจึงไม่ได้สนใจแววตาของอินเล่อแม้แต่นิด
“ในเมื่อเปิดใจกันแล้วก็ขอให้องค์ชายพูดเรื่องเกี่ยวกับเผ่าภูติภูเขาสักหน่อยเถอะ” มู่ชิงเกอพูด
อินเจวี๋ยเงยหน้ามองต้นไม้โบราณแล้วพูดช้าๆ ว่า “ภูติภูเขากำเนิดจากต้นไม้ต้นนี้ ตำนานนี้เป็นเรื่องจริง ภูติภูเขาที่พวกเจ้าเห็นเวลานี้ แทบจะทั้งหมดล้วนแปลงกายมาจากผลไม้ชุดแรกของต้นไม้ต้นนี้ ผลของต้นไม้รับพลังแสงอาทิตย์และแสงจันทร์ ขณะที่สุกงอมและตกลงบนพื้น สัมผัสเข้ากับพลังพื้นดินจึงแปลงเป็นภูติ พวกเราเป็นเผ่าพันธุ์ต้นไม้ แต่ก็เป็นเผ่ามนุษย์ คล้ายมนุษย์แต่ไม่ใช่มนุษย์ คล้ายต้นไม้แต่ไม่ใช่ต้นไม้”
มู่ชิงเกอกับโห่วฟังอยู่นิ่งๆ ไม่ได้พูดแทรก
อินเจวี๋ยละลายตามองมู่ชิงเกอกับโห่วแล้วพูดต่อว่า “ผลภูติชุดแรกเกือบทั้งหมดได้แปลงเป็นภูติเป็นเผ่าภูติภูเขา หลังจากนั้นทุกหนึ่งพันปีก็จะมีผลภูติใหม่เกิดขึ้น ที่แปลงเป็นภูติได้นั้นมีน้อยลงเรื่อยๆ กระทั่ง ครั้งที่ผ่านมานี้ขณะที่ผลภูติสุกงอมหล่นลงมา ที่แปลงเป็นภูติได้นั้นกลับมีเพียงหนึ่งเดียว อีกทั้งผลภูติที่ได้จากต้นไม้นี้ก็มีน้อยลงเรื่อยๆ ออกผลครั้งแรกมีร่วมพันผล ออกผลปัจจุบันมีเพียงแค่ไม่กี่ผล ประมาณสิบกว่าผลเท่านั้น”
”ภายนอกลือกันว่าต้นไม้นี้มีผลหนึ่งพันปีครั้ง ครั้งละสิบผล” มู่ชิงเกอพูดเรียบๆ
อินเจวี๋ยพยักหน้า “การที่แกล้งปล่อยข่าวออกไปเช่นนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ภายนอกรู้ความจริงเรื่องผลภูติ หลายปีมานี้ข้าจึงประกาศต่อภายนอกว่าต้นไม้โบราณไม่มีผลภูติอีกแล้ว นานไปคนก็จะลืมเรื่องการมีอยู่ของผลภูติไปเอง เช่นนี้ไม่ดีหรือ”
“หากภูติภูเขาเกิดจากการแปลงร่างจากผลภูติ แล้วเหตุใดยังมีเรื่องพันปีมีผล ได้ตบะบำเพ็ญหมื่นปีกันอีก” มู่ชิงเกอถามอีก
อินเจวี๋ยบอกว่า “นี่เป็นเรื่องจริง”
คำตอบของเขาทำให้ตาดำมู่ชิงเกอหดลง สองตาค่อยๆ หรี่ลง
อินเจวี๋ยพูดว่า “ข้าเคยบอกแล้วว่า ผลภูติปัจจุบันมีน้อยลงเรื่อยๆ อีกทั้งผลที่ร่วงลงพื้นแล้วก็ไม่ได้แปลงเป็นภูติภูเขาแต่ยังคงเป็นผลไม้ ถึงแม้มันแปลงเป็นภูติภูเขาไม่ได้ แต่ก็สะสมพลังฟ้าดินมานับพันปี เมื่อกินแล้วสามารถเพิ่มพลังบำเพ็ญหมื่นปีได้จริง เพียงแต่…ถึงแม้ผลไม้ที่ไม่สามารถแปลงเป็นภูติได้ ในสายตาพวกเรายังคงเป็นสายเลือดเดียวกับพวกเรา จะเอาไปให้คนอื่นกินได้อย่างไร”
มู่ชิงเกอเม้มปากคิดในใจว่า ‘หากเป็นเรื่องจริง ผลภูติที่ลือกันภายนอกก็คือทารกที่ตายในครรภ์ของภูตินั่นเองสินะ’
“ผลภูติที่แท้แล้วคืออะไร หากแพร่ออกไปจะเกิดอะไรขึ้น พวกเจ้ารู้ไหม” อินเจวี๋ยมองมู่ชิงเกอกับโห่วอย่างจริงจัง
สีหน้าโห่วเย็นเฉียบลง ไม่พูดไม่จา
มู่ชิงเกอมีสีหน้าเรียบเฉยพูดช้าๆ ว่า “หากเรื่องจริงแพร่ออกไป คนภายนอกจะคิดกันว่ากระทั่งผลภูติที่แปลงเป็นภูติไม่ได้ยังสามารถเพิ่มตบะบำเพ็ญได้ถึงหมื่นปี หากได้กินภูติที่แปลงกายจากผลภูติแล้วเล่า”
คำพูดของนางทำให้โห่วสะอึก ทำให้สีหน้าอินเล่อกับอินเจวี๋ยดูน่าเกลียดทันที
สักครู่อินเจวี๋ยจึงผงกศีรษะว่า “ถูกต้อง ความโลภบดบังทุกอย่าง ต่อให้พวกเราประกาศต่อภายนอกว่า ภูติภูเขาไม่มีความวิเศษของผลภูติอยู่ พวกเขาก็ยังคงไม่เชื่อ จะเชื่อแต่ความนึกฝันที่เกิดจากความโลภนั้นเท่านั้น”
ปากโห่วอ้าออกแต่ก็หุบลงโดยไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมา
เนื่องจากเขาต้องยอมรับว่าสิ่งที่อินเจวี๋ยพูดนั้นเป็นเรื่องจริง แม้แต่ตัวเขาเองขณะที่ได้ยินความจริงนั้นยังอดไม่ได้คิดว่าหากกินภูติภูเขาเข้าไป จะร้ายกาจยิ่งกว่ากินผลภูติอีกหรือไม่
ยังดีที่เขาเป็นอสูรร้ายตั้งแต่ยุคกำเนิดฟ้าดิน ไม่ต้องการผลภูติ ความคิดนี้จึงเพียงแวบผ่านเข้ามาในสมองเท่านั้นแต่ไม่ได้คิดต่อ
คำพูดของอินเจวี๋ยทำให้มู่ชิงเกอเข้าใจถึงเหตุผลของภูติภูเขา
อินเจวี๋ยมองอินเล่อ แล้วบอกมู่ชิงเกอกับโห่วว่า “องค์ราชินีเป็นผลที่อยู่สูงที่สุดในรุ่นที่สาม และเป็นผลแรกที่หล่นลงพื้นแล้วแปลงเป็นภูติ ดังนั้นนางจึงเป็นราชินีของรุ่นที่สาม”
มู่ชิงเกอมองอินเจวี๋ย “เช่นนั้นแล้วท่านก็เป็นรุ่นที่สอง”
อินเจวี๋ยผงกศีรษะ “ปัจจุบันภูติภูเขารุ่นแรกยังคงเหลือไม่มาก เผ่าภูติภูเขาทั้งหมดแพร่พันธุ์มานานปีเช่นนี้ก็ยังมีไม่ถึงพันคนเท่านั้น”