Skip to content

พลิกปฐพี 885

ตอนที่ 885

ชนแก้วพบเพื่อนเก่า

มู่ชิงเกอมองคนตรงหน้า เลิกคิ้วขึ้น “ดูท่าแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”

“ข้ารู้ว่าหากเจ้ากลับมา จะต้องมาลั่วซิงเฉิงแน่นอน” บนพื้นหิมะ มีรถสัตว์อสูรวิญญาณที่งดงามหรูหราหนึ่งคันจอดอยู่ แต่ข้างหน้ารถ กลับมีชายผู้แต่งกายงด งามอย่างถึงที่สุดผู้หนึ่งยืนอยู่

เขามีดวงตาที่แคบยาวหนึ่งคู่ และใบหน้าที่งามจนแม้แต่หญิงยังต้องอิจฉา

แม้ว่าเป็นฤดูหนาว ใต้หิมะที่ปลิดปลิวทั่วฟ้า ปกเสื้อของเขาก็ยังคงหลวมโคร่ง เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าและร่องอกวับๆ แวมๆ

“ดังนั้น เจ้าเลยส่งคนมาคอยจับตาลั่วซิงเฉิงอยู่ตลอดหรือ” มู่ชิงเกอเอ่ยคำตอบของเขาออกมา

มุมปากหานฉายไฉ่ยกขึ้นน้อยๆ มองความเศร้าโศกดีใจในรอยยิ้มนั้นไม่ออก “ดูแล้ว ครั้งนี้เจ้ากลับมาคงไม่อยากทำให้คนจำนวนมากแตกตื่น”

มู่ชิงเกอเม้มปากไม่พูด

นางกลับมาครั้งนี้ก็เพื่อมารับญาติขึ้นไปยังเก้าชั้นฟ้า บนแผ่นดินเทพมาร รอเข้าร่วมพิธีสมรสของนาง

นำความสำเร็จกลับมาช่วยญาติอะไร กลับบ้านเกิดอย่างยิ่งใหญ่อะไร จัดงานประกาศให้รู้ทั่วกัน ไม่สอดคล้องกันนิสัยของนาง ดังนั้น นางจึงไม่ต้องการให้มี ผู้ใดแตกตื่น

“ข้าทายถูกสินะ” หานฉายไฉ่กล่าว

มู่ชิงเกอเอามือไพล่หลังก้าวเท้าเดินเข้าไป กล่าวถาม “ทายถูกแล้วอย่างไร”

หานฉายไฉ่หลุบตาลง มุมปากปรากฎรอยยิ้มขมขื่น “ไม่ได้ดื่มสุราด้วยกันนานแล้ว สนใจหรือไม่”

ดื่มสุราหรือ ดวงตาทั้งคู่ของมู่ชิงเกอหรี่ลงเล็กน้อย

คล้ายกับว่า มีเพียงช่วงเวลาที่ทำเรี่องเช่นนี้เท่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างนางและหานฉายไฉ่จึงจะสามารถกลับไปเป็นอย่างเมื่อก่อนได้

มู่ชิงเกอไม่ได้ปฏิเสธ ตามเขาเข้าไปในรถสัตว์อสูรวิญญาณ

รถสัตว์อสูรวิญญาณของหานฉายไฉ่ใหญ่อย่างยิ่ง ข้างในหรูหราอย่างถึงที่สุด แม้แต่เชื้อเพลิงในเตาถ่าน ยังไม่ใช่ของธรรมดา แต่ว่า ด้วยนิสัยของหานฉายไฉ่ ทั้งหมดนี้ต่างก็เป็นเรื่องปกติที่สุดแล้ว

หากวันไหนเขาไม่พิถีพิถันกับสิ่งเหล่านี้กลับจะทำให้คนรู้สึกแปลกใจ

มู่ชิงเกอและหานฉายไฉ่นั่งหันหน้าเข้าหากัน นอกหน้าต่างรถสัตว์อสูรวิญญาณ สามารถมองเห็นทิวทัศน์หิมะได้ในตู้รถอบอุ่นอย่างถึงที่สุด ข้างเตาไฟ มีสุราจำนวนไม่น้อยวางอยู่เรียบร้อยแล้ว

หานฉายไฉ่รู้ว่ามู่ชิงเกอไม่ชอบใช้ภาชนะดื่มสุรา จึงไม่ได้เตรียมไว้เช่นกัน

“สุราของแผ่นดินเทพมาร เลิศรสเท่าโลกแห่งยุคกลางหรือไม่” หานฉายไฉ่เคาะดินที่ปิดอยู่บนไหสุราหนึ่งไหแตกออก ยื่นไหสุราให้มู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอรับเข้ามา ก้มหน้าดมเล็กน้อย สุราเป็นสุราดี เพียงแต่…

นางดื่มหนึ่งอึก สุราร้อนเข้าไปในลำคอ แต่ว่าที่ดื่มกลับไม่ใช่รสชาติอย่างเช่นเมื่อก่อนนั้น

หานฉายไฉ่คล้ายมองความหมายแฝงในสีหน้าของนางออก ยิ้มเจื่อนกล่าว “สุราชั้นยอดอันดับหนึ่ง ถูกข้าทำลายไปหมดแล้ว หากตอนแรกข้าไม่ได้หลงใหลงม งาย บางทีในใจเจ้า ข้าอาจจะยังเป็นเพื่อนที่เจ้าสามารถเปิดใจพูดคุยได้ผู้นั้น”

มู่ชิงเกอวางไหสุราลง กล่าวกับเขา “เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ไม่ต้องเอ่ยอีก”

หานฉายไฉ่ยกมุมปากเบาๆ กล่าวถามต่อ “เจ้า ยังเกลียดข้ามากหรือ”

มู่ชิงเกอสูดหายใจ กล่าวกับเขา “หานฉายไฉ่ ความรู้สึกในการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์อาจเป็นเพราะว่าทางเลือกแตกต่างกัน ข้ายอมรับ ตอนแรกเริ่ม ข้าคิดว่าเจ้าคือคู่ต่อสู้ที่มีศักยภาพอย่างยิ่ง และยังเป็นเพื่อนที่คบหาได้คนหนึ่ง แต่สุดท้าย…แม้ว่าพวกเราจะปรับความเข้าใจ แต่ปมปัญหาบางปมก็ไม่ใช่พูดว่าลบทิ้งก็จะลบทิ้งได้”

“ข้าเข้าใจ” หานฉายไฉ่หลุบตากล่าว

มู่ชิงเกอไม่ได้พูดต่อไปอีก ยกไหสุราอีกครั้ง ยื่นไปหาเขา “หมดไห”

พูดจบ นางก็ชูไหสุราแหงนหน้าดื่มลงไป

หานฉายไฉ่มองนาง ยิ้มอย่างปล่อยวาง ยกไหสุราของตนขึ้นมาดื่มเช่นกัน

ทั้งสองดื่มสุรา ดื่มอย่างเต็มที่ ซํ้ายังไม่ต้องการกับแกล้มใดๆ ไม่ต้องการอารมณ์ใดๆ ดื่มสุราก็คือดื่มสุรา ทั้งหมดชัดเจนจนไม่จำเป็นต้องพูด

ดื่มหมดหนึ่งไห ดื่มต่ออีกหนึ่งไห…

กระทั่งทั้งสองดื่มสุราที่หานฉายไฉ่เตรียมไว้ในตู้รถจนหมดเกลี้ยงแล้ว ระหว่างทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรอีกแม้แต่ประโยคเดียว

มู่ชิงเกอวางไหสุราที่ว่างเปล่าลงอย่างหนักหน่วง ยกมือเช็ดคราบสุราที่มุมปาก กล่าวกับเขา “สุราก็ดื่มหมดแล้ว ขอตัว”

หานฉายไฉ่เหลือบตาขึ้น มองมู่ชิงเกอลุกขึ้นยืน เอ่ยปากกล่าว “ให้ข้าไปส่งเจ้าระยะหนึ่งเถอะ”

“ไม่ต้องหรอก” มู่ชิงเกอปฏิเสธอย่างเด็ดขาด นางหายไปต่อหน้าหานฉายไฉ่อย่างรวดเร็ว

หานฉายไฉ่ขมวดคิ้ว แววตาหมดอาลัยตายอยาก จ้องมองที่ที่มู่ชิงเกอยืนอยู่ก่อนหน้านี้ เขาพึมพำกับตัวเอง “เหตุใดเจ้าต้องสง่างามเด็ดขาดกว่าผู้อื่นด้วย เจ้ารู้หรือไม่ว่า ความสง่างามเด็ดขาดของเจ้าบางครั้งก็ไร้ความปรานีจริงๆ”

เขาฝืนยิ้ม “มิหนำซํ้า ข้ายังไม่เจียมตัว รู้อยู่แล้ว ว่าเจ้าต้องปฏิบัติไม่ดีต่อข้า แต่ก็ยังหวังจะได้มองเจ้าให้นานขึ้นอีกหน่อย”

เขาถอนหายใจยาว ยกกาสุราอีกสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่เดินซวนเซออกมาจากตู้รถ มือข้างหนึ่งของเขาจับเสารถไว้ร่างกายพิงไปด้านบน ในมือชูกาสุราขึ้นสูง ไปยังขอบฟ้าที่ไกลออกไป คล้ายเมาคล้ายไม่เมายิ้ม กล่าว “ความปรารถนาของข้าคือความสุขของเจ้า!”

การจากไปของมู่ชิงเกอ สง่างามจนไม่ทำให้กลุ่มเมฆแตกกระจายสักผืนเดียว

บอกลาหานฉายไฉ่แล้ว นางก็มุ่งตรงมาถึงเมืองฝูซา ปรากฎตัวอยู่ในเรือนเล็กที่นางเคยอาศัยอยู่ในตระกูลซาง เช่นเดียวกัน นางไม่หวังให้การกลับมาของตนสร้างความแตกตื่นที่มากเกินไป

มู่ชิงเกอมองไปรอบๆ เรือนหลังเล็ก ทุกอย่างยังเป็นเหมือนกับตอนที่นางจากไปครั้งสุดท้าย ยังมีต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น ด้านบนและด้านล่างต้นไม้นั้น นางมักจะมองพระจันทร์คุยเรื่องในใจกับเจียงหลี ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนเมื่อวาน ทว่าสิ่งของยังอยู่แต่คนกลับไม่อยู่แล้ว

เก็บความรู้สึกไว้ในใจ ปัญญาเทวะของมู่ชิงเกอส่งออกไปหาซางซุ่นหวางและมู่เสวี่ยอู่จนเจอ

‘ท่านตา เสวี่ยอู่ ข้ากลับมาแล้ว อยู่ในเรือนเล็ก…’

คำพูดของมู่ชิงเกอปรากฎอยู่ในสมองของซาง ซุนหวางและมู่เสวี่ยอู่ฉับพลัน

ทั้งสองต่างตกตะลึงดีใจเป็นล้นพ้นขึ้นมาในชั่วพริบตา

ตามคำกำชับของมู่ชิงเกอ อย่าทำให้ผู้ใดแตกตื่น ตาหลานสองคนแยกออกมาจากคนละที่ในตระกูลซาง มุ่งหน้าไปยังเรือนเล็กหลังนั้น

เมื่อพวกเขาสองคนมาถึงเรือนเล็ก ก็มองเห็นว่า บนเก้าอี้โยกใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น มีสาวงามล่มเมืองสวมชุดเกราะกระโปรงแดงผู้หนึ่งนอนอยู่

หลายสิบปีที่ไม่ได้เจอ นางยังคงมีรูปโฉมเช่นนั้นเหมือนตอนที่จากไป

หากไม่ใช่ว่าพวกเขาใช้ชีวิตผ่านไปสิบกว่าปี รอมาสิบกว่าปีจริงๆ เกรงว่าตอนนี้ คงจะคิดว่านางไม่เคยจากไปเลย

“ลูกพี่!” มู่เสวี่ยอู่ตื่นเต้นจนวิ่งไปใต้ต้นไม้

มู่ชิงเกอที่หลับตาพักเหนื่อยบนเก้าอี้โยกก็ลืมตาขึ้น มองเห็นมู่เสวี่ยอู่ที่วิ่งมาหานาง และมองเห็นซางซุนหวางที่ยืนอยู่ไม่ไกล มองนางอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์สะเทือนใจ

นางลุกขึ้น ยิ้มน้อยๆ ให้คนทั้งสอง “ท่านตา เสวี่ยอู่ ไม่เจอกันนานเลย”

“กลับมาแล้ว! กลับมาก็ดีแล้ว!” ซางซุนหวางกล่าวพึมพำ เดินเข้ามาหามู่ชิงเกอ ในดวงตาเขาเปียกชื้นเล็กน้อยและแดงกํ่า แต่เขากลับกลั้นเอาไว้

ทว่ามู่เสวี่ยอู่กลับร้องไห้ด้วยความดีใจแล้ว นางจับมือของมู่ชิงเกอ สะอื้นกล่าว “ลูกพี่ ท่านไม่กลับมา นานเพียงนี้ไม่รู้ว่าพวกเราเป็นห่วงท่านมากเพียงใด”

มู่ชิงเกอยิ้มกล่าว “มีอะไรให้เป็นห่วง ตลอดมาข้าสบายดียิ่ง”

“พวกข้ารู้ แต่ก็ยังเป็นห่วง” มู่เสวี่ยอู่กล่าว

“เด็กน้อย ลำบากเจ้าแล้ว” ซางซุนหวางเดินมาข้างหน้ามู่ชิงเกอ หลังจากมองประเมินอย่างละเอียดหนึ่งรอบก็กล่าวอย่างตื้นตัน

“ลูกพี่ ครั้งนี้ท่านอยู่ได้นานเพียงใด” มู่เสวี่ยอู่กล่าวอย่างเป็นกังวล

แต่มู่ชิงเกอกลับยิ้มกล่าว “ข้ามารับพวกเจ้าไปด้วยกัน”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!