Skip to content

พลิกปฐพี 887

ตอนที่ 887

ลั่วตู ข้ากลับมาแล้ว!

“แค่นี้เอง ตอนข้าจะไปแล้วค่อยมาเอาคืน” มู่ชิงเกอส่ายหน้ายิ้มบางๆ ไม่ใช่ว่านางไม่อยากให้พวกเขาเข้าร่วมพิธีสมรสของตน แต่เพราะว่าพวกเขาไม่เหมือนคนอื่น คนในตระกูลของนาง ไม่อยากไล่ตามวิถีใหญ่ขั้นสูงสุดหรือการบำเพ็ญตบะขั้นสูงใดๆ พวกเขาชอบความเงียบสงบของหลินชวน ชอบความธรรมดาของโลกแห่งยุคกลาง ดังนั้น การพาพวกเขาเข้าไปยังแผ่นดินเทพมาร ไม่อาจส่งผลกระทบอะไรได้

แต่ว่าพวกเหมยจื่อจ้งสี่คนไม่เหมือนกัน ทั้งใจพวกเขาอยากเข้าไปในแผ่นดินเทพมาร หากเข้าไปก่อนเวลา เกรงว่าจะต้องโดนแรงสะท้อนกลับเหมือนกับเหยาชิงไห่และซีเซียนเสวี่ย

ภายหลังเข้าบำเพ็ญในแผ่นดินเทพมาร เรื่องที่พบเจอก่อนหน้านี้จะส่งผลกระทบต่อการบำเพ็ญของพวกเขา

นี่เองก็เป็นเหตุผลว่าเหตุใดซือมั่วรู้จักนางมานานเพียงนั้น แต่กลับไม่เคยพานางเข้าไปในแผ่นดินเทพมารเลย และครั้งนั้นที่ซือมั่วหายตัวไป กู่หยาและกู่เย่ถูกบีบ บังคับจนหมดหนทางต้องเชิญนางไปยังแดนมารก็ยังเตรียมการไว้มากมาย ทั้งยังจัดระเบียบทุกสิ่งทุกอย่างในแดนมารไว้เรียบร้อย บวกกับจิตใจนางที่แข็งกล้าจึง ไม่ได้ส่งผลกระทบร้ายแรงอย่างนั้น

พิธีสมรสเป็นเรื่องเล็ก นางไม่อาจนำมาพัวพันกับเพื่อนพ้องเพราะเรื่องนี้ได้

ดังนั้น นางจึงไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่ตนจะแต่งงาน พวกเขาห้าคนได้รวมตัวกัน เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

มู่ชิงเกอค้างอยู่ที่สำนักวิถีโอสถหนึ่งวัน วันที่สอง นางก็ฉีกช่องว่างออกโดยตรงกลับไปยังหลินชวน ตอนที่นางปรากฎตัวอีกครั้งก็อยู่ในจวนตระกูลมู่ที่ลั่วตูเรียบ ร้อยแล้ว

รีบไปรีบมา รีบมารีบไป

มู่ชิงเกอยืนอยู่ในสวนสระเมฆา ในใจมีความรู้สึกสะเทือนใจไร้ขีดจำกัดปรากฎขึ้นมา

สวนสระเมฆา ก่อนหน้านี้ก็คือที่พักพิงของนางกับโย่วเหอฮวาเยวี่ยสามคน ตอนนี้ สาวใช้ทั้งสองตามนางขึ้นไปที่แผ่นดินเทพมารแล้ว ที่นี่กลับเงียบสงัดอย่างสิ้นเชิง

เพียงแต่ เงียบสงัดก็ส่วนเงียบสงัด แต่กลับไม่มีสภาพของหญ้ารกเรื้อแม้แต่นิดเดียว

มู่ชิงเกอมองออกว่าทุกสิ่งในสวนสระเมฆาต่างก็ถูกจัดระเบียบอย่างรอบคอบและตั้งอกตั้งใจ

ทันใดนั้น ที่ไกลออกไปพลันมีเสียงพูดคุยดังเข้ามา

ความจริงแล้วผู้พูดอยู่ไกลอย่างยิ่ง แต่ว่ากลับหนีไม่พ้นหูของมู่ชิงเกอ

“นี่ นั่นก็คือสวนสระเมฆาที่คุณชายของพวกเราอยู่ เจ้าเพิ่งเข้าจวนมาได้ไม่นานจะต้องไม่รู้เป็นแน่”

“เช่นนั้นเจ้าเคยพบคุณชายแล้วหรือ เจ้าเข้าจวนมาได้หลายปีแล้วนี่”

“ไม่เคย ข้าไหนเลยจะมีวาสนาเพียงนั้น ฟังว่าคุณชายไม่กลับมาหลายสิบปีแล้ว ตอนนี้ นายท่านผู้เฒ่าต่างก็ไม่ให้ทุกคนพูดวิพากษ์วิจารณ์”

“เหตุใดเล่า คุณชายเป็นความภาคภูมิใจของแคว้นฉินพวกเรานี่”

“เฮ้อ! ข้าได้ยินพวกบ่าวพูดว่า คุณชายไปยังที่ที่ร้ายกาจแห่งหนึ่ง นานเพียงนี้ยังไม่มีข่าวคราว ไม่รู้ว่า…”

“ไม่รู้ว่าอะไร!”

“พวกเจ้า เด็กรับใช้สองคนนินทามั่วซั่วอะไรอยู่ตรงนี้” เสียงเสียงหนึ่งที่มู่ชิงเกอคุ้นเคยพลันแทรกเข้ามา ตัดบทสนทนาของเด็กรับใช้สองคนนั้นลง

‘ท่านแม่!’ มู่ชิงเกอร้องเรียกในใจ

นางฟังเสียงที่เอ่ยคำสุดท้ายนั้นออก เป็นเสียงของซางหลันรั่ว

“ฮูหยิน!”

“ฮูหยิน!”

เสียงที่หวาดกลัวของเด็กรับใช้ทั้งสอง ยืนยันว่ามู่ชิงเกอไม่ได้ทายผิด

มู่ชิงเกอคิดครู่หนึ่ง เดินออกไปตามที่มาของเสียง

“หากพวกเจ้ากล้าพูดจาไม่ดีถึงคุณชายอีก ข้าจะไล่พวกเจ้าออกไปจากจวน ลูกสาวข้ายังสุขสบายดี ยังไม่ตาย!” ซางหลันรั่วกล่าวเสียงเด็ดขาด

นางโมโหเช่นนี้ มู่ชิงเกอกลับรู้สึกได้เป็นครั้งแรก

ขณะเดียวกัน ในใจนางก็เข้าใจกระจ่าง

ตนไม่ได้กลับมานาน สำหรับคนที่โลกแห่งยุคกลางแล้ว ไม่นับว่าเป็นอะไร แต่สำหรับผู้คนในหลินชวนที่มีระดับต่ำกว่าก็อาจจะเกิดการคาดเดาไปมากมาย

คิดถึงจุดนี้ มู่ชิงเกอก็ตำหนิตัวเองในใจ

ที่แผ่นดินเทพมารมักจะยุ่งอยู่กับการบำเพ็ญตบะ แม้ว่าในใจจะห่วงหาแต่ก็คิดเพียงแค่ว่าหลังจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่อยกลับบ้านไปเยี่ยมเยียน แต่กลับลืมฝากจดหมายแจ้งว่าเป็นสุขดีกลับมา เลี่ยงไม่ให้คนในบ้านเป็นกังวล

ตอนนี้นอกจากเด็กรับใช้ที่ถูกตำหนิจนสะอื้นไห้ แล้วก็ยังมีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา โน้มน้าวด้วยเสียงอ่อนนุ่ม “ฮูหยิน ท่านอย่าได้โมโหเลย สองคนนี้เพิ่งเข้ามาใหม่ไม่รู้กฎระเบียบ พวกเรายังต้องไปสวนสระเมฆาเก็บกวาดห้องให้คุณชายอยู่มิใช่หรือ อย่าเสียเวลากับเด็กรับใช้ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวสองคนนี้เลยเจ้าค่ะ”

‘ที่แท้แล้ว ท่านแม่ก็มาปัดกวาดที่นี่ด้วยตัวเอง’ มู่ชิงเกอจำแนกข้อมูลหนึ่งออกมาจากเนื้อหาในคำพูดของหญิงผู้นี้ได้

“พวกเจ้าสองคนจำไว้หากมีครั้งต่อไปอีก ใครก็ช่วยพวกเจ้าไม่ได้!” ซางหลันรั่วสะกดกลั้นไฟโกรธไว้ในใจพลางกล่าวตำหนิ

มู่ชิงเกอเดินออกมาแล้ว อ้อมผ่านหินผา มองเห็นเด็กรับใช้สองคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นกับซางหลันรั่วและคนอื่นๆ

นางตะโกนเรียก “ท่านแม่!”

เสียงเสียงนี้ตะโกนได้ชัดเจนอย่างถึงที่สุด สั่นสะเทือนจนแผ่นหลังซางหลันรั่วแข็งทื่อ ส่วนเด็กรับใช้สองคนที่คุกเข่าอยู่ รวมถึงสาวใช้สามคนที่ตามอยู่ข้างหลังซางหลันรั่วต่างก็เบนสายตาไปตามเสียงมู่ชิงเกอ มองตรงมา

“คุณชาย!” สาวใช้ที่พูดกับซางหลันรั่วก่อนหน้านี้ จำมู่ชิงเกอได้จึงคุกเข่าลงกับพื้นทันที

ส่วนสาวใช้สองคนข้างหลังนางก็คุกเข่าลงพร้อมกัน

เด็กรับใช้สองคนที่วิจารณ์มู่ชิงเกอแต่แรกเริ่มก็มีสีหน้านิ่งงัน มองมู่ชิงเกออย่างตกตะลึง พวกนางเคยได้ยินข่าวลือที่เกี่ยวกับคุณชายมู่ชิงเกอหลายครั้ง แต่กลับ ไม่เคยได้พบมาก่อน

ตอนนี้ได้เห็น รู้สึกเพียงเมฆแดงงดงามแพรวพราวหนึ่งก้อนลอยเข้ามาจากขอบฟ้า เจิดจรัสละลานตา

“เกอเอ๋อร์! ใช่ลูกจริงๆ ด้วย!” ในที่สุดซางหลันรั่วก็ตื่นขึ้นมาจากความประหลาดใจ เงาร่างนางกะพริบวาบ มาปรากฎตัวอยู่ตรงหน้ามู่ชิงเกอ ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น

ก็โอบมู่งชิงเกอเข้ามาในอ้อมอกตัวเองทันที

มู่ชิงเกอถูกซางหลันรั่วคว้าเข้ามากอดไว้ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ในดวงตามีความละอายใจต่อครอบครัวปรากฎออกมา

“เกอเอ๋อร์ให้แม่ดูหน้าเจ้าหน่อย” ซางหลันรั่วใช้สองมือประคองแก้มของมู่ชิงเกอขึ้นในดวงตามีน้ำตา แต่มุมปากกลับอมยิ้มมองประเมินอย่างละเอียด

ทว่าสายตาของมู่ชิงเกอกลับตกลงบนผมสีเงินของซางหลันรั่ว “ท่านแม่ ตอนนี้ข้ามีวิธีจัดการเส้นผมของท่านแล้ว”

ซางหลันรั่วชะงัก แต่กลับยิ้มและส่ายหน้า “ไม่เป็นไร แม่ชินแล้ว พ่อเจ้าก็ชินแล้วเช่นกัน หากจู่ๆ เปลี่ยนกลับไปเป็นผมดำ เกรงว่าทุกคนจะไม่คุ้นชิน”

“ท่านพ่อ ท่านปู่ แล้วก็อี้เฉินเล่า” มู่ชิงเกอกล่าวถาม

ซางหลันรั่ววางมือของตนลงอย่างอาลัย หันมากุมมือของมู่ชิงเกอ กล่าวกับนาง “ปู่เจ้าอยู่ในบ้าน พ่อกับน้องชายเจ้าอยู่ที่ค่ายทหาร”

พูดพลาง นางก็หมุนตัวกำชับสาวใช้ที่คุกเข่าอยู่ “เจ้ารีบไปตามท่านแม่ทัพกับแม่ทัพน้อยที่ค่ายทหารกลับมา พวกเจ้าสองคนรีบเข้าไปทำความสะอาดสวนสระเมฆา”

“เจ้าค่ะ!” หลังจากสาวใช้ทั้งสามได้ยินแล้วก็ลุกขึ้นไปทำงานของตนทันที

แต่เด็กรับใช้ที่เพิ่งเข้าจวนมาใหม่สองคนกลับยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น มองมู่ชิงเกอด้วยสีหน้าทึมทื่อ

“ไป แม่จะพาเจ้าไปเยี่ยมปู่เจ้า ตอนนี้เขาคิดถึงเจ้าจนทุกข์ใจไปหมดแล้ว” ซางหลันรั่วจูงมู่ชิงเกอไปยังเรือนที่มู่ซงอยู่ เหมือนจะลืมเด็กรับใช้สองคนที่คุกเข่าไป แล้ว

เมื่อนางเดินออกไป เด็กรับใช้สองคนก็ยังคงคุกเข่าด้วยใบหน้าลุ่มหลงอยู่นานอย่างยิ่งจึงกล่าวพึมพำ

“ที่แท้แล้วคุณชายก็หน้าตาเช่นนี้งามยิ่งนัก”
“งามจริงๆ ข้าไม่เคยเห็นผู้ใดงดงามเท่านี้มาก่อน”

ซางหลันรั่วพามู่ชิงเกอเดินอยู่ในจวนตระกูลมู่ คนที่เห็นมู่ชิงเกอต่างก็สะดุ้งตกใจ ส่งสายตาแห่งความดีใจออกมาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อมาถึงหน้าประตูเรือนของมู่ซง ซางหลันรั่วก็ตะโกนกล่าว “ท่านพ่อ ท่านทายซิว่าใครมาหาท่าน”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!