Skip to content

พลิกปฐพี 932

ตอนที่ 932

หนึ่งร่างสองชีวิต!

‘สงครามดุเดือด’ ครั้งนี้ลากยาวไปจนถึงเช้า

ตอนที่สิ้นสุดลง ไม่เพียงแต่คนสองคนบนเตียงที่หมดเรี่ยวหมดแรง คนทั้งสองที่แอบฟังอยู่ที่มุมกำแพงก็หมดเรี่ยวหมดแรงเช่นกัน มู่ชิงเกอละสายตามองซือมั่ว ตอนนี้เขาไม่ได้ดูผิดปกติแล้ว แต่ว่า นางกลับรู้ว่า เสื้อผ้าคนทั้งสองต่างก็เปียกชุ่มเล็กน้อยเพราะว่าเหงื่อออก

โชคดืที่ในที่สุดสงครามฝั่งนั้นก็สิ้นสุดลง มู่ชิงเกอแอบถอนหายใจ อย่างผ่อนคลายในใจ

นางเหลือบตาขึ้น แต่สิ่งที่สะท้อนในดวงตาใสสะอาดทั้งคู่ กลับเป็นดวงตาที่อมยิ้มของซือมั่ว ความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในตา มองปราดเดียวก็เข้าใจ

มู่ชิงเกอถลึงตามองเขาอย่างกล่าวเตือน เก็บอารมณ์ไว้ดึงความสนใจไปบนเตียงที่ยับยู่ยี่หลังจากเพิ่งผ่านสงครามดุเดือดนั้น

“พี่ชาย ท่านอึดจริงๆ” พักหายใจครู่หนึ่ง หญิงผู้นั้นก็เอ่ยปากกล่าว เมื่อนางเอ่ยปากเช่นนี้กลับทำให้มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว

พี่ชาย?

น้องสาว?

หนึ่งร่างสองวิญญาณ?

ไม่ใช่ สองคนในร่างเดียว?

ก็ไม่ใช่ แท้จริงแล้วเผ่าฝูนี้เป็นอย่างไรกันแน่

‘เสี่ยวเกอเอ๋อร์เจ้าสังเกตหรือไม่ว่า พวกเรามาที่นี่นานเพียงนี้ แต่กลับไม่เคยเห็นผู้หญิงเลย’ เสียงของซือมั่ว พลันปรากฏอยู่ในสมองมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอตาลุกวาว

ใช่แล้ว! พวกเขามาถึงโลกของเผ่าฝู คนทุกคนที่พบเห็นล้วนแต่เป็นเพศชาย ไม่เคยเห็นผู้หญิงปรากฎตัว

แม้แต่เด็กน้อย ผู้รนหาที่ตาย ผู้นั้นก็ยังเป็น เด็กผู้ชาย

เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้

หรือว่า

สายตาของมู่ชิงเกอตกลงบนเงาร่างที่พร่าเลือนนั้น กล่าวอุทานในใจ ‘หรือว่าสตรีของเผ่าฝู จะมีชีวิตอยู่ในร่างเพศชายทั้งหมด’

น่าตกใจ! เกินไปแล้ว!

มู่ชิงเกอสูดหายใจเข้าลึก

‘ฟังต่อ’ ซือมั่วถ่ายทอดเสียงกล่าวอีกครั้ง

มู่ชิงเกอพยักหน้า ริมฝีปากทั้งคู่เม้มแน่นเป็นเส้นตรง

“จู่ๆ ข้าก็อยากลิ้มลองรสชาติหญิงของเจ้าแห่งมารผู้นั้น” ทันใดนั้น ชายอักขระสีทองผู้นั้นก็กล่าวอย่างมีเลศนัย

ประโยคนี้ ดังมาถึงหูของมู่ชิงเกอกับซือมั่ว ดวงตาตาซือมั่วดิ่งลึก เจตนาสังหารดุดันกำลังจะพุ่งขึ้นมา

ทว่า มู่ชิงเกอกลับคว้ามือของเขาไว้ทัน ส่ายหน้าให้เขา ความสงบนิ่งในดวงตา ทำให้ซือมั่วค่อยๆ สงบลง

“ท่านจะทิ้งข้าแล้วหรือ” เสียงหญิงสาวกล่าวอย่างออดอ้อน

ชายอักขระสีทองกล่าว “จะทิ้งเจ้าได้อย่างไร พวกเราอยู่ด้วยกันตั้งแต่เกิด ทั้งชีวิตไม่อาจแยกจาก ข้าจะทิ้งใครก็ได้ แต่ไม่มีทางทิ้งเจ้าเป็นอันขาด”

“เผ่าฝูของพวกเราเกิดมาก็เป็นคู่ๆ หนึ่งร่างสองชีวิต พรสวรรค์ที่ฟ้าประทาน เผ่าที่สูงส่งเช่นนี้ท่านกลับชอบใจเผ่าตํ่าต้อยควรค่าแต่เพียงเป็นอาหารของพวกเราเผ่านั้นงั้นหรือ”ในนํ้าเสียงที่หยอกล้อของหญิงสาวมีความ เย็นเยียบหลายส่วน

“หึ ข้าก็แค่อยากเห็นสีหน้าเจ็บปวดของชายผู้นั้น” ชายอักขระสีทองกล่าว

ขณะที่ทั้งสองพูดคุยเรื่อยเฉื่อย กลับไม่รู้ว่าบทสนทนาของพวกเขาที่เข้าไปในหูของมู่ชิงเกอและซือมั่ว นำมาซึ่งความสั่นสะเทือนเพียงใด

เผ่าฝู คาดไม่ถึงว่ามีหนึ่งร่างสองชีวิต พูดได้หากอยากจะฆ่าพวกเขาให้ตายจริงๆ ก็ต้องฆ่าถึงสองครั้ง

‘เด็กคนนั้น’ ดวงตาทั้งคู่ของมู่ชิงเกอหดลงอย่างรวดเร็ว หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย

แววตาซือมั่วดิ่งลึก เข้าใจความกังวลของนางทันที

หากเด็กคนนั้นก็มีสองชีวิตเหมือนกัน พวกเขาฆ่าเพียงครั้งเดียว เช่นนั้นตอนนี้ใช่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ซํ้ายังจะปรากฎตัวอีกครั้งหรือไม่

ความแปลกประหลาดของเผ่าฝูเกินความคาดหมายของพวกเขาไปแล้ว

‘หากเผ่าฝูแต่ละคนมีสองชีวิตจริงๆ ก็เท่ากับว่าจำนวนคนของพวกเขามีสองเท่า’ ซือมั่วถ่ายทอดเสียงกล่าวกับมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอพยักหน้าแทบจะไม่ต้องคิด

ความลับนี้ เกรงว่าจะเป็นผลสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่สุดที่แฝงตัวเข้ามาในเผ่าฝูจนถึงตอนนี้

‘หากคิดจะปะทะ เกรงว่าจะต้องต่อสู้กันอย่างดุเดือด’ มู่ชิงเกอมองซือมั่ว ถ่ายทอดเสียงกล่าว

ซือมั่วพยักหน้า ‘ความแปลประหลาดของเผ่าฝูก็คือจุดที่พวกเขาสามารถจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัวได้ แต่ว่า พวกเรากลับยังไม่มั่นใจ แท้จริงแล้ว พวกเขามีหนึ่งร่างสองชีวิตอย่างที่พวกเราคิดจริงๆ หรือไม่ หากใช่ เมื่อทำลายร่างแล้ว จะยังมีชีวิตได้อยู่หรือไม่’

มู่ชิงเกอสบตาซือมั่วปราดหนึ่ง ความนัยในแววตาทั้งคู่ต่างก็ชัดเจนอย่างถึงที่สุด

สำหรับเผ่าฝูแล้ว พวกเขารู้ข้อมูลน้อยอย่างยิ่ง

‘เช่นนั้นก็ทำได้เพียงลองฆ่าดู’ ดวงตาที่ใสสะอาดของมู่ชิงเกอปรากฎแสงเย็นเยียบแวบหนึ่ง

การสื่อสารของคนทั้งสองใช้เวลาเพียงชั่วพริบตา ส่วนอีกฝั่งก็ยังคงสนทนากันต่อไป

“ท่านตั้งใจจะยกกำลังทั้งเผ่า ไปรบกับแผ่นดินเทพมารอะไรนั้นจริงๆ หรือ” หญิงสาวถาม

“ตรงนั้นเป็นสถานที่ยอดเยี่ยม”ในนํ้าเสียงของชายอักขระสีทองมีความโลภเล็กน้อย

ความโลภชนิดนั้น เป็นความทะเยอทะยาน เป็นความปรารถนา เป็นความบ้าคลั่งที่ลึกลํ้าชนิดหนึ่ง

ประโยคนี้ของเขา ดึงดูดความเย็นเยียบของซือมั่วและมู่ชิงเกอ

“แต่ว่า ท่านจะนำทัพใหญ่ของเผ่าเราเข้าไปที่ฝั่งนั้นได้อย่างไร” หญิงสาวถาม

คำถามนี้ดึงดูดความสนใจของมู่ชิงเกอกับซือมั่วทันที

ชายอักขระสีทองหัวเราะเบาๆ “ตอนนี้ร่างกายมีข้าเป็นตัวหลัก มีหลายเรื่องที่เจ้าไม่รู้จริงๆ แต่ว่า ในเมื่อเจ้าสงสัยข้าก็จะบอกเจ้า ข้าใช้เวลาหลายปี ในที่สุดก็หาประตูใหญ่ที่เปิดออกเจอแล้ว

“ประตูใหญ่หรือ” หญิงสาวกล่าวอย่างประหลาดใจ

มู่ชิงเกอสบตากับซือมั่วปราดหนึ่ง ดวงตาเป็นประกาย

ชายอักขระกล่าวอย่างภูมิใจ “ตรงนั้น มีจักรวาลขนาดเล็กหนึ่งใบ มีจุดที่เชื่อมต่อกับจักรวาลขนาดเล็กของฝั่งพวกเรา ขอเพียงแค่ทะลุสิ่งกั้นขวางได้ เผ่าเราก็สามารถเข้าไปที่นั้นได้อย่างไม่ต้องเกรงกลัว ถึงตอนนั้น ฝั่งนั้นก็จะเป็นสนามล่าสัตว์ของพวกเรา คนที่อยู่ตรงนั้น ทุกสิ่งทุกทุกอย่างตรงนั้นก็จะ กลายเป็นยาบำรุงของพวกเรา”

ดวงตาทั้งคู่ของมู่ชิงเกอหรี่ลงเล็กน้อย

ข้อมูลนี้มาได้ทันกาลอย่างยิ่งจริงๆ!

หากนางกับซือมั่วไม่มา หรือว่าพลาดฉากฉากนี้ไป เกรงว่าพวกเขาคงยากที่จะรู้ว่าต้องรับมือกับแผนร้ายของเผ่าฝูอย่างไร

นึกไม่ถึงว่าพวกเขาหาวิธีเข้าแผ่นดินเทพมารได้แล้ว ชั่วร้ายทะเยอทะยาน เจตนาร้ายยากแท้หยั่งถึงจริงๆ!

“องค์ราชา!”

ทันใดนั้น ข้างนอกก็มีเสียงดังเข้ามา

มู่ชิงเกอสบตากับซือมั่วปราดหนึ่ง ซือมั่วพานางหลบเข้าไปลึกกว่าเดิม

ส่วนคนทั้งสองที่นอนอยู่บนเตียง หลังจากกระซิบกระซาบกันพักหนึ่งแล้วก็ลุกขึ้นยืนหญิงผู้นั้นก็หลอมรวมเข้าไปในร่างของชายอักขระสีทองอีกครั้ง ภาพนั้นแปลกประหลาดอย่างถึงที่สุด

หลังจากสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ชายอักขระเดินออกมาจากห้องด้านใน ผู้ที่ยืนอยู่ข้างนอกก็คือราชองครักษ์อักขระสีดำสองคน

มู่ชิงเกอกับซือมั่วอยูในห้องด้านในไม่ได้ออกไป แอบฟังบทสนทนาข้างนอกได้พอดี

“องค์ราชา ตอนนี้รวบรวมกำลังทหารได้ครึ่งหนึ่งของเผ่าแล้ว กว่าจะรวบรวมส่วนที่เหลือเสร็จ น่าจะยังต้องใช้เวลาอีกสิบวัน” ราชองครักษ์ อักขระสีดำเอ่ยปากกล่าว

“สิบวันหรือ ข้าจะรอไม่ไหวอยู่แล้ว” เสียงของชายอักขระสีทองดังขึ้นมา

เงียบสงัดอยู่พักหนึ่งกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ไส้ศึกที่อยู่ฝังนั้นมีข่าวใหม่ๆ บ้างหรือไม่”

“มีขอรับ” ราชองครักษ์อักขระสีดำอีกคนหนึ่งกล่าว “ที่แผ่นดินเทพมาร ยังคงค้นหาสายลับของพวกเราอยู่ แต่กลับไม่มีเงื่อนงำแม้แต่นิดเดียว แต่ว่า เจ้าแห่งมารรวมถึงราชาเทวะมู่บนเก้าชั้นฟ้าที่องค์ราชาหมายตา คล้ายกำลังรวบรวมพลังของแผ่นดินเทพมารสุดแรง เพื่อที่จะต่อต้านเผ่าของเรา”

“เฮอะ” ชายอักขระสีทองแค่นเสียงอย่างเหยียดหยาม “ก็แค่เผ่าตํ่าต้อยเหล่านั้น ควรค่าจะเป็นศัตรูของเผ่าข้าหรือ กินเนื้อเทพมารเข้าไป คนของเผ่าข้าก็ปลอมตัวเป็นเทพมารได้แล้ว หากพวกเขาคิดจะหาสายลับ ก็มีเพียงตรวจเลือดเท่านั้น”

ตรวจเลือด

มุมปากมู่ชิงเกอกับซือมั่วยกขึ้นพร้อมกัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!