ตอนที่ 953
ผนึกแล้วหรือยัง
ในโลกของเผ่าฝู กองทัพใหญ่หยุดทัพอยู่ที่เดิม สงครามครั้งนี้ยากกว่าที่พวกเขาคิดไว้
เดิมทีพวกเขาคิดว่า ขอเพียงทำลายทางออก พวกเขาก็สามารถเข้ามาในโลกที่มี ‘อาทารรสเลิศ’ ใบนั้น เปิดฉากการสังหารอันบ้าคลั่งได้อย่างง่ายดาย
สำทรับพวกเขาแล้ว นี่ไม่ใช่สงคราม แต่คืองานเลี้ยงอาหารรสเลิศ
ทว่า ความโหดร้ายในความเป็นจริงกลับตบหน้าพวกเขาอย่างแรง โลกที่ถูกพวกเขามองเป็นอาหารใบนั้นคาดไม่ถึงว่าจะทำการตอบโต้ที่รุนแรงเช่นนี้ไม่เพียงแต่ขัดขวางแผนการบุกรุกของเขา แต่ยังผนึกทางเข้าได้อีกด้วย
กระทั่ง ยังทำร้ายองค์ราชาของพวกเขา
ยักษ์ที่แบกราชรถทองเหนือศีรษะตัวนั้น นั่งลงบนพื้นนิ่งๆ ราชินีเผ่าฝู ถูกส่งกลับไปในม่านทองเรียบร้อยแล้ว และข้างนอกม่านทอง ผู้บัญชาการอักขระสีดำจำนวนไม่น้อยต่างก็นั่งคุกเข่าอยู่เงียบๆ
พวกเขารออยู่อย่างสงบนิ่ง กระทั่งในม่านทองมีเสียงไอที่รุนแรงดังขึ้น พวกเขาจึงเงยหน้าขึ้น
“องค์ราชา”
พวกเขากล่าวด้วยความเป็นห่วง
“ข้ายังไม่ตาย” ในม่านทอง มีเสียงของราชินีเผ่าฝูดังขึ้น
จากเสียงนาง ไม่อาจคาดเดาอาการบาดเจ็บของนางได้ ความสงบนิ่งเช่นนั้นไม่สั่นเครือเลยแม้แต่น้อย
“องค์ราชา ตอนนี้ทางเข้าถูกผนึก พวกเรา…” ผู้บัญชาการอักขระสีดำผู้หนึ่งกล่าวอย่างลังเล
“ผนึกหรือ เหอะ” ราชินีเผ่าฝูหัวเราะเยาะอย่างเหยียดหยัน “แค่ผนึก ก็คิดว่าจะหยุดยั้งฝีเท้าเผ่าข้าได้หรือ เหลวไหลเสียจริง”
เหล่าผู้บัญชาการเผ่าฝูนอกม่านนอกต่างก็สบสายตากันไม่เข้าใจความหมายของราชินีเผ่าฝู
“ไม่ว่าพวกเจ้าจะใช้วิธีใดก็ต้องทำลายการผนึกออกให้เร็วที่สุด’’ ราชินีเผ่าฝูออกคำสั่ง
ในแววตาผู้บัญชาการทั้งหมดเผยความลำบากใจออกมา ทว่าพวกเขาไม่อาจขัดขืนคำสั่งของราชินีได้ ทำได้เพียงกล่ำกลืนฝืนทนหาวิธี
หลินชวน ก้นสมุทรทะเลแห่งความจริง
นํ้าทะเลที่นี่ ถูกสูบจนแห้งกลายเป็นแอ่งกระทะแล้ว
บางที ผ่านไปอีกพันปีร้อยปี ที่นี่ก็อาจจะกักเก็บนํ้าฝนจนเต็ม กลายเป็นทะเลที่โอบล้อมด้วยแผ่นดินอีกครั้ง แต่ก็เป็นไปได้ว่า มันจะไม่กักเก็บนํ้าอีก แต่มีพืชพรรณงอกขึ้นกลายเป็นป่าทึบผืนหนึ่ง
การเปลี่ยนแปลงที่พลิกฟ้าพลิกดินไม่มีอะไรที่คงอยู่เหมือนเดิม สงครามที่นี่สิ้นสุดลงแล้ว เผ่าฝูที่บุกรุกถูกกวาดล้างจนหมดแล้ว เพียงแต่น่าเสียดาย ลักษณะเฉพาะตัวของเผ่าฝูทำให้หลังจากที่พวกเขาตายไปแล้วต่างก็กลายเป็นฝุ่นผง แม้แต่โอกาสในการเฆี่ยนตีศพ ระบายความโกรธก็ยังไม่หลงเหลือให้เผ่าเทพมาร
ทว่า ที่นี่ก็ยังคงเป็นสนามรบ
ศพของเผ่าฝูหายไปแล้ว แต่ศพของทหารหลินชวน นักรบเทพมารก็ยังคงเรียงรายเต็มก้นสมุทรทะเลแห่งความจริง
หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือด สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือโศกนาฏกรรม
คนที่มีชีวิตรอดต่างก็ยืนอยู่ในทะเลเลือดภูเขาศพแห่งนี้เงียบๆ พูดไม่ออก ทั้งยังไม่อยากพูด
เหล่าทหารต่างแคว้นของหลินชวนที่ถูกโยนออกจากทะเลแห่งความจริงเหล่านั้น หลังจากสงครามสิ้นสุดแล้วต่างก็ลากร่างที่อ่อนแรง บ้างก็คลาน บ้างก็เดินเข้าไปยังก้นสมุทรทะเลแห่งความจริงใหม่อีกครั้งช้าๆ
สงครามสิ้นสุดแล้ว แต่ภารกิจที่หนักอึ้งของพวกเขายังไม่จบ
พวกเขายังต้องเก็บศพเพื่อนร่วมรบของตนกลับไป
ตะวันลับฟ้า กลับคืนสู่ท้องฟ้าที่เงียบสงบแล้ว แสงอาทิตย์ตกดินสีส้ม สาดส่องบนผืนดินแผ่นนี้ เคลือบสีงดงามหนึ่งชั้นแก่สนามรบแห่งนี้
มู่ชิงเกอยืนอยู่ในกองศพมือกุมทวนหลิงหลงสายลมที่พัดผ่าน พัดชุดนักรบของนางส่งเสียงหวีดหวิว ข้างหูนางมีเสียงร้องไห้ที่อัดอั้น กลํ้ากลืนดังเข้ามาเป็นพักๆ
นางไม่ได้ทันมอง แต่ก็รู้ว่า นั้นคือผู้รอดชีวิตที่หาศพของคนบ้านเดียวกัน ชุดเดียวกัน กระทั้งพี่น้องญาติมิตรของตนเจอจึงแสดงความโศกเศร้าออกมา
แผ่นหลังของนางยังคงยืดตรง แม้ฟ้าถล่ม แผ่นดินสะเทือนก็ไม่หวั่นเกรง
เพียงแต่ ในภาพเหตุการณ์นี้กลับมีความเงียบเหงารวมถึงอ้างว้าง เพิ่มขึ้นหลายส่วน
ซือมั่วยืนอยู่ข้างนาง ไม่ได้รบกวน เพียงแค่ยืนเป็นเพื่อนเงียบๆ เขาสัมผัสได้ว่ามู่ชิงเกอในตอนนี้ความรู้สึกในใจซับซ้อนอย่างยิ่ง แต่กลับไม่รู้ว่า เหตุใดนางจึงเป็นเช่นนี้
ใช่เพราะว่าเหล่าทหารที่ตายในสงครามเหล่านี้หรือไม่
เหล่าทหารของหลินชวนกำลังเก็บศพเพื่อนร่วมรบตนเอง คนของแผ่นดินเทพมารก็กำลังทำเช่นนี้อยู่เหมือนกัน
คล้ายกับว่า นี่เป็นสิ่งที่เดียวที่พวกเขาจะทำได้ในตอนนี้ และเป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาอยากทำ
นานอย่างยิ่ง สายตาของมู่ชิงเกอหลุบลงช้าๆ ตกลงบนศพที่ถูกคลุมไว้หนึ่งร่างตรงหน้าตน
ศพร่างนั้นไม่มีลักษณะพิเศษใดๆ เพียงแต่ตายอย่างน่าเวทนา ที่ทำให้สายตาของมู่ชิงเกอหยุดอยู่บนร่างเขา เพียงเพราะว่าบนเสื้อเกราะที่ขาดวิ่นของเขามีป้ายขนาดเท่าหัวแม่มือปรากฎออกมา
ป้ายแผ่นนี้ มู่ชิงเกอคุ้นตาอย่างยิ่ง
นางก้มตัวลง หยิบป้ายออกมาจากศพ วางไว้ในฝ่ามือ ด้านหน้าป้าย สลักอักษรมู่หนึ่งตัว ด้านหลัง สลักชื่อแซ่ รวมถึงบ้านเกิดของเขาไว้
นี่คือป้ายทหารของกองทัพตระกูลมู่ และประโยชน์เพียงหนึ่งเดียวของมันก็คือ สามารถแยกฐานะฝ่ายศัตรูกับฝ่ายเราตอนที่เก็บกวาดสนามรบ ช่วยผู้เสียสละเก็บศพส่งกลับไปที่บ้านพวกเขา
ข้างหลัง มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามา หยุดอยู่ข้างหลังมู่ชิงเกอ
“กองทัพตระกูลมู่ตายไปเท่าไร” นางไม่หันไปมองผู้ที่เดินมาก็รู้ฐานะของเขา นั้นคือปู่ของนาง ท่านแม่ทัพกองทัพตระกูลมู่ มู่ซง
บนเสื้อเกราะของมู่ซง เต็มไปด้วยบาดแผล รอยเลือดปะปนกับคราบสกปรก หมวกของเขาหายไปแล้ว เกราะบ่าก็ขาดวิ่นเป็นรูใหญ่
สภาพเขาที่จนตรอกเช่นนี้ในมือกลับกำเชือกนับสิบเส้นไว้แน่น ตรงปลายเชือกแต่ละเส้นต่างก็แขวนป้ายที่เหมือนกับป้ายทหารในมือมู่ชิงเกอ
บนป้ายเหล่านี้ต่างก็เปื้อนคราบเลือด คราบเลือดเหล่านี้แห้งกรังแล้ว จะเช็ดอย่างไรก็เช็ดไม่ออก
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่ชิงเกอ มู่ซงก็กล่าว “พ่อกับน้องเจ้ายังตรวจสอบอยู่ กองทัพตระกูลมู่หนึ่งหมื่นนายที่ตั้งทัพอยู่ในลั่วตูลงสนามรบเต็มจำนวน ตอนนี้ศพที่เก็บแล้วมี 3,762 ศพ”
สายตาของเขา ตกลงบนมือมู่ชิงเกอ น้ำตาในดวงตาสั่นไหว กล่าวเสียงแข็ง “รวมป้ายนี้ในมือเจ้า ก็น่าจะเป็น 3,763 ศพ”
หัวใจมู่ชิงเกอเจ็บปวด ดวงตาทั้งคู่แดงกํ่าทันที นางกัดฟันกรอด เม้มปากแน่น เส้นเลือดดำกลางหน้าผากปูดขึ้น
นางไม่รู้ว่ากองทัพตระกูลมู่หมื่นนายที่ลงสนามรบนี้นางเคยเห็นหน้าหมดหรือไม่ แต่ว่าตอนที่มู่ซงพูดจำนวน 3,763 นี้ ออกมา ในสมองนางก็ปรากฎภาพตอนที่คัดเลือกทหารคนสนิทในกองทัพ ตระกูลมู่ ประลองกับกองทัพตระกูลมู่ สนุกสนามร่วมกันกับพวกเขา
ใบหน้าที่ไร้เดียงสาและดื้อรั้นแต่ละดวงนั้น รอยยิ้มที่บริสุทธิ์หายไป ท่ามกลางสงครามเช่นนี้
“ท่านปู่ ข้าเกลียดสงคราม” มู่ชิงเกอกล่าวเสียงสะอื้น
ตอนที่พูดประโยคนี้ออกมา น้ำตาก็คลออยู่ในเบ้าตานางแล้ว เพียงแต่ถูกนางกลั้นไว้ไม่ไหลลงมา
นางไม่กลัวสงคราม แต่กลับเกลียดสงคราม
มู่ซงหัวเราะเงียบๆ แต่รอยยิ้มกลับเศร้าโศกหลายส่วน “ผู้ที่ไม่เคยลงสนามรบ ไม่มีวันรับรู้ถึงความโหดร้ายของสนามรบ เบื้องหลังคุณูปการ ทหารอันเลื่องชื่อต้องใช้กองกระดูกมากน้อยเพียงใด เกอเอ๋อร์แม้ว่า กองทัพตระกูลมู่ของพวกเราจะมีชีวิตอยู่เพื่อรบ แต่ก็ไม่มีใครชอบรบ ศึกในวันนี้ เจ้าอย่าได้คิดมาก และไม่ต้องรู้สึกผิด นี่คือทางเลือกของพวกเราเอง ทุกคนยินยอมพร้อมใจ พวกเขาต่างก็เป็นพลทหารของกองทัพตระกูลมู่ เป็นวีรบุรุษหลินชวนของพวกเรา”
วีรบุรุษ
มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้น มองท้องฟ้าสีสด น้ำตาในดวงตาถูกนางกลืนลงไปในใจ
“ราชาเทวะมู่ ขอรบกวนเล็กน้อย ข้าอยากถามว่า ทางเข้านี้ปิดตายหมดแล้วหรือยัง”