Skip to content

ราชินีพลิกสวรรค์ 152

ตอนที่ 152

นี่เรียกว่ายากที่จะหักห้ามใจ

ไอ้อาการบ้านี้ มาได้ถูกเวลาจริงๆ! เจียงหลีล้มลงกลับพื้น กัดฟันแล้วด่าในใจ

ตอนนี้เหมือนว่านางจะมีเหตุผลที่ดีในการเข้าพบลู่เจี้ยแล้ว!

“ยังไม่ไปรายงานนายน้อยอีก อาการข้ากำเริบแล้ว” เจียงหลีทนความเจ็บปวด เงยหน้า ขึ้นมององครักษ์ที่อ้าปากค้าง

องครักษ์อึ้งไปครู่หนึ่ง หันตัวกลับเข้าไปในห้องของลู่เจี้ยตามคำสั่งของเจียงหลี

รอเขาจากไป เจียงหลีทุบกำปั้นลงกับพื้น ทำให้พื้นเกิดรอยแตก โรคที่ตกค้างอยู่นี้ เมื่อไหร่จะหายขาดเสียที

ในขณะเดียวกัน เจียงหลีก็รู้สึกโชคดีนิดหนึ่ง ยังดีที่ตัวเองผสานได้สำเร็จเสียก่อน มิฉะนั้นต้องเจ็บปวดมากจนต้องลงไปกลิ้งในอาณาเขตหลิงอู๋แน่

ยาแก้ปวดของนาง อยู่ด้านในห้อง!

ปวด!

ปวดมาก ปวดบัดซบ!

ในตอนที่เจียงหลีปวดจนหน้ามืด รู้สึกหนักหัวมาก บ่นว่าองครักษ์ทำไมถึงได้ชักช้าเช่นนี้ นำเอายาที่กลิ่นคุ้นเคยมา อยู่ข้างๆ นาง

ในสายตาของนาง แขนเสื้อสีขาวบริสุทธิ์ดั่งหิมะปรากฏขึ้น ศีรษะโดนเงาปกคลุม

เจียงหลีเงยหน้า มองไปตามแขนเสื้อ

ร่างที่สูงใหญ่ ผมดำคลุมไหล่ ผิวขาวดั่งหิมะ สองเท้าเปลือยเปล่า สง่างามไปเสียหมด เพียงแต่…

เจียงหลีปวดมากจนใบหน้าเล็กๆ ม่วงและเต็มไปด้วยเหงื่อ ขมวดคิ้วครู่หนึ่ง สีหน้านางดู ไม่ค่อยดี หน้าซีดมาก ป่วยจริงๆ หรือ

จ้องมองร่างเล็กๆ ที่ขดอยู่กับพื้น ลู่เจี้ยถอนหายใจโดยที่ไม่มีเสียง โค้งตัวลงมา ทั้งสอง แขนสอดใต้ตัวนางแล้วอุ้มนางขึ้นมา

“ท่านไม่ได้ใส่รองเท้า” จ้องมองใบหน้าที่สง่างามหาใครเปรียบได้ของเขา เจียงหลี เหมือนกับรู้สึกว่าความเจ็บปวดทุเลาลงแล้ว ปากเล็กๆ บ่นพึมพำ

“อืม”ลู่เจี้ยสบตากับนาง พูดอย่างสงบนิ่ง

เขาไม่มีทางบอกนาง ว่าหลังจากที่ได้ฟังรายงานและคำบรรยายขององครักษ์ เขาร้อนใจจนลืมใส่รองเท้า ลุกจากเตียงตรงมาหานางเลย

“…” เจียงหลีไม่รู้จะคุยอะไรต่อ

สองมือของนางกอดอยู่ที่คอของเขา พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “ลู่เจี้ย ข้าปวดจังเลย”

ใบหน้าที่กลํ้ากลืนฝืนทน อ้อนวอนด้วยสายตาพิศวาส ทำให้ลู่เจี้ยใจอ่อนเหมือนกับทราย ไม่มีความคิดที่จะปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย

ไม่ต้องกลัว ลู่เจี้ยพูดปลอบเบาๆ อุ้มนางแล้วหันกลับเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง เด็กผู้หญิงคนนี้ ต้องการอย่างนี้ไม่ใช่หรือ

เข้าห้องแล้ว ขึ้นเตียงแล้ว ลู่เจี้ยวางเจียงหลีลง แต่ว่ามือทั้งสองข้างของนางกลับยังดึงเสื้อของเขา กอดคอเขาอยู่ไม่ยอมปล่อยมือ

“ลู่เจี้ย ปวดมากจริงๆ นะ ข้าอยากหายปวด” แววตาเจียงหลีเต็มไปด้วยความน้อยใจ ท่าทางแบบนั้นทำให้คนเห็นใจมาก

“เจ้าต้องการอะไร” ลู่เจี้ยก้มตัวลงมาถามนาง กลิ่นตัวของเขายังไม่พอทำให้นางหายปวดได้อีกหรือ

ต้องการอะไร

คำพูดนี้ของลู่เจี้ย เจียงหลีฟังแล้ว รู้สึกมีเสน่ห์ดึงดูดมาก

เติมนางอยากหยอกเขาเล่น ยั่วเย้าจิตใจของเขา ทันใดนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลง สายตาของนางจ้องมองริมฝีปากสีแดงอ่อน ปากเล็กนิดเดียว ยั่วเย้าเขา ทำให้เขาหวั่นไหว ปลดปล่อยพลังออกมามากยิ่งขึ้น อาจจะช้าไปหน่อย ตอนนี้ข้าปวดมากขนาดนี้ ต้องใช้ ยาแรง อ้อมค้อมรึจะสู้ตรงๆ

“จูบข้า” แววตาที่สดใสของเจียงหลีดับลง บอกความต้องการของตัวเอง

แต่ว่า น้ำเสียงนั้นรุนแรงมากจนไม่อาจปฏิเสธได้!

แม้กระทั่ง นางหลับตาทั้งสองข้างเอง เผยอปากเล็กน้อย

ตุบๆๆ!

ในตอนที่ได้ฟังความต้องการของนาง หัวใจของลู่เจี้ยถูกจู่โจมอย่างหนัก รูปโฉมภายนอก นิสัยที่ชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ดั่งจักพรรดินี ทำให้ในสายตาเขาปรากฏความเข้าใจผิดขึ้น

ภายใต้ใบหน้าเด็ก ซ่อนความงดงามที่ไม่อาจมีใครเทียบได้ปรากฏให้เห็นอีกครั้งหญิงสาวที่อยู่ใต้ตัวเขาก็ได้กลายเป็นหญิงสาวที่งดงาม ยั่วยวนเขาไม่หยุดกอดรัดเขาทำให้เขาควบคุมอารมณ์ความรู้สึกไม่ได้แล้วถลำเข้าไป

แววตาของลู่เจี้ยดูแน่วแน่แม้แต่เสียงก็เปลี่ยนเป็นเสียงแหบ

คอที่ยาวระหงของเขาลูกกระเดือกขยับขึ้นลงอย่างไม่รู้ตัวสายตามองที่ปากสีแดงที่เผยออยู่ สายตาดูไม่ชัดเจน

รอนานเกินไปแล้ว เจียงหลีที่ไม่เห็นการกระทำ ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย มัวทำอะไรอยู่! ข้ารุกขนาดนี้แล้ว!

ในตอนที่นางเตรียมลืมตาแล้วจะรุกเขากลิ่นตัวที่เย็นฉ่ำนั้นของลู่เจี้ย ทันใดนั้นก็ประกบ ปากของนาง

ริมฝีปากที่เย็นเจี๊ยบประกบเข้ากับริมฝีปากที่ร้อนของนาง

นุ่มจัง!

หอมหวานจัง!

ต่างจากครั้งก่อนที่โดนจูบโดยไม่ยินยอมครั้งนี้ลู่เจี้ยเป็นคนเริ่มก่อนทำให้เขาได้ลิ้มรส ความดีงามของเจียงหลีเป็นครั้งแรก รสชาติแบบนั้น ทำให้คนรู้สึกเหมือนถูกยั่วยวน

เพียงแค่สัมผัสริมฝีปากของนางเบาๆ ลู่เจี้ยก็รับรู้ได้ว่าปิศาจร้ายที่ถูกกักขังอยู่ในตัวของเขาเริ่มส่งเสียงร้องอย่างบ้าคลั่ง เรียกร้องเขามากยิ่งขึ้น

ตูม!

ทันใดนั้นพลังลึกลับก็ออกมาจากร่างกายของลู่เจี้ย ถูกร่างกายของเจียงหลีดูดซับเข้าไปอย่างเป็นธรรมชาติ

ไม่รู้ว่าพลังนี้คือพลังอะไร แต่กลับสามารถทุเลาความทรมานจากโรคตกค้างของเจียงหลี ได้อย่างดี

พลังลึกลับในตัวลู่เจี้ยไหลทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง

และเจียงหลีก็กำลังดูดซับพลังอย่างบ้าคลั่ง

ริมฝีปากของทั้งสองไม่แยกจากกันเลย แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น ลู่เจี้ยควบคุม

ตัวเองอย่างมาก กำลังยับยั้งความคิดที่อยากจะทำมากกว่านี้

เขาอยากจะยับยั้ง แต่เจียงหลึกลับเริ่มก่อน!

ความงดงามของริมฝีปากของลู่จ้าน ทำให้นางยากที่จะลืมโอกาสที่จะได้สัมผัสอีกครั้ง อย่างวันนี้หายากนัก นางจะปล่อยไปได้อย่างไร

ร่างกายดีขึ้น มีแรงแล้ว เจียงหลีรุกกลับทันที

นางพลิกตัวโผเข้าหาลู่เจี้ยจูบปากของเขามือเล็กคู่หนึ่งยังยื่นเข้าไปในเสื้อของเขาอย่างไม่เหมาะสม

ลู่เจี้ยที่ถูกกดลงบนเบาะผ้าไหมที่อ่อนนุ่มตาเบิกโพลงมองหญิงสาวผู้ใจกล้าอย่างยากที่จะเชื่อ

ในตอนที่เขาตกตะลึงอยู่นางเข้ายึดอาณาเขตของเขาได้สำเร็จจูบกับเขาอย่างดูดดื่มทำให้เขาได้ลิ้มรสกลิ่นหอมเฉพาะตัวของนาง

โธ่ ร่างกายยังเด็กอยู่เลย คงทำได้แค่กอดๆ หอมๆ เจียงหลีทอดถอนใจ

ลู่เจี้ยหน้ามืดตามัว จิตใจที่แน่วแน่ค่อยๆ เลือนหายไป

“เจี้ยเอ๋อร์…”

ทันใดนั้น เสียงของพระชายาลู่จากด้านนอก ทำให้เขาได้สติ ผลักเจียงหลีออกอย่างแรง ลุกขึ้นมาจากเตียงด้วยเสื้อผ้าที่หลุดรุ่ย

พระชายาลู่เดินเข้ามา เห็นเขาลุกขึ้นมาอย่างร้อนรนด้วยความตะลึง กะพริบตา สายตามองไปที่เตียง

หลังผ้าม่านร่างเล็กๆ ที่เลือนราง ทำให้นางรู้ในทันที “โธ่ๆ นี่แม่มาไม่ถูกเวลา พวกเจ้า ต่อกันเถอะ”

ในขณะที่พูดนางก็หันตัวกลับและเดินจากไป เพิ่งเดินได้ก้าวหนึ่ง ก็อดไม่ไหวที่จะหันมา เตือน “เจี้ยเอ๋อร์ แม่เข้าใจว่าเจ้าหักห้ามใจได้ยาก แต่ว่าเจ้าก็ต้องดูแลร่างกายของเจียงหลีด้วย นางยังเด็ก”

“…” ลู่เจี้ยมองตามหลังท่านแม่ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

หลังจากรอให้ในห้องเงียบ เขาถึงหันตัวกลับมา มองตัวการที่นอนตะแคงข้างอยู่บนเตียงด้วยท่าทางยั่วยวน ยิ้มอย่างลำพองใจ

เขาอยากให้ท่านแม่มาเห็นสีหน้าท่าทางของเด็กผู้หญิงคนนี้จริงๆ ว่าแท้จริงแล้ว…เป็น ใครกันแน่ที่หักห้ามใจไม่ได้ ใครกันแน่ที่เป็นหมาป่าผู้หิวโหย!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!