ตอนที่ 177
ใต้หล้าล้วนเป็นหมากในกระดาน
“เจ้าไม่คิดว่าเบื้องหลังจุดประสงค์นี้เป็นการยุยงปลุกปั่นให้เหล่าผู้ถูกเลือกออกรบหรือ ไง” เจียงหลีกะพริบตาใส่เขา
“ออกรบหรือ” ลู่เสวียนมองเจียงหลีด้วยสีหน้ามึนงง ตลอดหลายวันที่ผ่านมาเสียงนินทา ทำให้พ่อเขาเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างชัดเจน
“ช่างสอนไม่จำจริงๆ” เจียงหลีกรอกตาขี้เกียจอธิบาย
“นี่ เจ้าพูดให้ชัดเจนหน่อยสิ” ลู่เสวียนเซ้าซี้ไม่เลิก “ข้ารู้ว่าข้าไม่ฉลาด เจ้าอธิบายให้ข้า ข้าก็จะได้เข้าใจอย่างไรเล่า หลายวันที่ผ่านมาพวกเขากล่าวหาว่าพ่อข้าขี้ขลาดกลัวตาย ไร้ความสามารถ กลัวรบกับกีบเหล็กของต้าฉิน หาว่าท่านไม่อยากออกรบ อีกอย่างพ่อข้า ปิดประตูไม่ไปไหนไม่ยอมรับคำยั่วยุของต้าฉิน ท่านต้องมีเหตุผลของท่านแน่”
เมื่อเจียงหลีถูกเขาเซ้าซี้จนเกิดความรำคาญ ประตูห้องนางถูกเปิดออกกะทันหัน
เงาร่างสูงโปร่งบังประตูทางเข้าที่ไม่กว้างมากและบังแสงสว่างในห้องทำให้สองคนที่อยู่ ในห้องหันไปมองเขาพร้อมกัน
ดวงตาเจียงหลีหรี่ลงเมื่อเห็นว่าคนที่มาคือใคร
ลู่เสวียนกลับเบิกตากว้างกระโดดขึ้นมา “เจ้า นี่เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ข้าเตือนเจ้าไว้ก่อนเลย ในค่ายทหารห้ามต่อสู้กันแบบตัวต่อตัว เจ้าอย่ามาหาเรื่องดีกว่า”
พูดจบร่างเขาก็มายืนบังหน้าเจียงหลีไว้ท่าทางเตรียมพร้อมรับมือกับศัตรู สายตาจ้องมองจิ่งเยี่ยที่ยืนหน้าประตู
เห็นลู่เสวียนอยู่ในห้องเจียงหลี จิ่งเยี่ยก็รู้สึกโมโหขึ้นหน้า
ผู้ชายตระกูลลู่ ไม่มีใครดีสักคน ชอบหาเรื่องให้น้องสาวเขาเดือดร้อนทุกคน
จิ่งเยี่ยมองข้ามลู่เสวียน เดินตรงเขามาหาเจียงหลี
“เจ้าจะทำไม!” ลู่เสวียนยืดอกพองตัว ยื่นหน้ามาหาเขาอีกครั้ง กระบวนท่าหกหมัดหนัก ในมือออกโรง
แต่ทว่าเขาออกมือแล้วแต่กลับถูกจิ่งเยี่ยใช้ท่า ‘สี่ตำลึงปาดพันชั่ง’ หลบลมหมัดของเขา ผลักเขากระเด็นออกไป จิ่งเยี่ยเป็นถึงหลิงเจี้ยงยังมีรากฐานร่างกายที่ไม่ธรรมดาอีกด้วย
“อาหลี เกิดเรื่องแล้ว” จิ่งเยี่ยที่มาถึงหน้าเจียงหลีโพล่งออกมาทันที
แววตาเจียงหลีดุดันจริงจังขึ้นยกมือขึ้นบังตรงหน้าลู่เสวียนที่จะออกหมัดอีกครั้ง ถามด้วยสีหน้าขรึม “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
ลู่เสวียนเก็บกระบวนท่าอย่างไม่เต็มใจพลางยืนต่อหน้าเจียงหลีพูดด้วยนํ้าเสียงน้อยใจ “ซ้อเล็ก…”
ฉึก! ฉึก!
แววตาแหลมคมราวกับจะฆ่าคน ฟาดมาทางเขา
ลู่เสวียนจ้องมองจิ่งเยี่ยอย่างไม่ยอมแพ้เชิดคางเล็กน้อยอย่างได้ใจ
“อย่าเรียกนางอย่างนั้น” จิ่งเยี่ยพูดเสียงเตือน
“ข้าจะเรียก!” ลู่เสวียนยักคิ้วขึ้นอย่างอวดเก่ง
“ถ้าเรียกอีก ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งเสีย” ระหว่างที่จิ่งเยี่ยพูด แววตาก็ปรากฎพลังสังหารออกมา
ลู่เสวียนเหมือนไม่รู้สึกตัว “แน่จริงเจ้าก็มาสิ!”
“พอได้แล้ว!” เจียงหลีมองทั้งสองคนอย่างปวดหัว ร่างชายสองคนนี้อายุอานามรวมกันก็ แก่กว่านางทำไมถึงทำตัวปัญญาอ่อนได้ขนาดนี้
ไหนว่าเกิดเรื่องขึ้นไม่ใช่หรือ
“ลู่เสวียน จิ่งเยี่ยเป็นคนกันเอง” เจียงหลีอธิบายแบบส่งๆ ถามพี่ชายต่อว่า “ตกลงเกิด เรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
“ใครจะเป็นพวกเดียวกับเขากันเล่า” ลู่เสวียนบ่นออกมา แววตาที่มองจิ่งเยี่ยยังคงเต็มไป ด้วยความหวาดระแวง
แต่ความหวาดระแววและสายตามุ่งร้ายนั้น กลับมีความไร้เดียงสาปะปนอยู่
จิ่งเยี่ยเองก็ขี้เกียจเถียงกับเขา พูดกับเจียงหลีว่า “ในกลุ่มผู้ถูกเลือกมีคนแอบตัดสินใจไว้ แล้วว่า รอคนต้าฉินออกมาร้องตะโกนอีกครั้ง หากแม่ทัพยังไม่ออกไปเผชิญหน้ากับ ศัตรู กลุ่มผู้ถูกเลือกจะออกรบแทนทหารเป่ยฝาง”
“อะไรนะ พวกเขาบ้าไปแล้วหรือ กฎทหารแข็งแกร่งดั่งภูเขา ทุกคำสั่งและกฎระเบียบ ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด สั่งว่าห้ามออกรบก็คือห้ามออกรบ พวกเขาจะฝ่าฝืนกฎ คำสั่งอย่างงั้นหรือ” ลู่เสวียนที่ฟังอยู่กระโดดตอบโต้ทันที
“มีคนแอบชักจูงอยู่” เจียงหลีขมวดคิ้ว
จิ่งเยี่ยพยักหน้า “ข้าสังเกตมาแล้ว เรื่องทั้งหมดมีคนอยู่เบื้องหลังคอยชักนำอยู่”
“พวกเขาทำเพื่อจุดประสงค์อะไรกัน” ลู่เสวียนไม่เข้าใจ
จุดนี้จิ่งเยี่ยก็ส่ายหัว
การออกรบโดยพลการจุดประสงค์เดียวก็เพื่อจะบีบบังคับทหารเป่ยฝางทำสงคราม แต่ว่า เหล่าทหารชายแดนไม่ยอมเริ่มสงครามก็มีเหตุผลของพวกเขาที่ตัดสินใจเช่นนั้น คนพวก นี้จะคล้อยตามอะไรนักหนา พูดถึงการสู้รบ ถ้าเทียบกับเหล่าเทียนเจียวที่เลี้ยงมาในบ้าน ทหารชายแดนจะไม่เข้าใจกว่าหรือไง
“เกรงว่า หากเหล่าผู้ถูกเลือกออกรบจริงคงจะมีเรื่องวุ่นวายตามมาด้วย” เจียงหลีที่เงียบ ไปเอ่ยขึ้นช้าๆ
“ข้าต้องเอาเรื่องไปบอกพ่อข้า เผื่อพวกโง่เง่าเต่าตุ่นพวกนี้จะทำลายแผนการของท่าน พ่อ” ลู่เสวียนกระทืบเท้าก่อนจะเตรียมตัวเดินออกไป
“ข้าไปด้วย” เจียงหลีเองก็อยากจะรู้ว่ามีเรื่องอะไรกันแน่ที่ซ่อนอยู่ นางมีลางสังหรณ์ บางอย่าง เรื่องราวทั้งหมดลู่ซิ่งเฉารับรู้ทุกอย่างแล้ว
“ข้าไปด้วย” จิ่งเยี่ยก็พูดขึ้นมา
ลู่เสวียนหยุดเดินแล้วหันมองมาทางเขา “เจ้า?”
เจียงหลีกเอ่ยปากพร้อมกัน “เจ้าไม่สะดวกไปด้วย”
ความหมายที่แฝงอยู่คำพูดนี้จิ่งเยี่ยเข้าใจดี เขาเป็นศิษย์ของสำนักหลิงอู๋ใกล้ชิดกับคนตระกูลลู่เกินไปจะไม่ดีสักเท่าไหร่ อีกทั้งหากสนิทสนมกับเจียงหลีมากเกิน จะทำให้คนเกิดสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา
“เจ้าระวังตัวด้วย”จิ่งเยี่ยไม่ได้ยืนกรานอีก เพียงกำชับไว้
เจียงหลีพยักหน้า
ลู่เสวียนหัวเราะเยาะ “พ่อข้าไม่ใช่สัตว์ป่าดุร้ายอะไรสักหน่อย อีกอย่างนางก็เป็นคนของ ตระกูลลู่อยู่แล้ว”
คำพูดที่ว่าเป็น ‘คนของตระกูลลู่, ทำให้จิ่งเยี่ยกำหมัดแน่น สายตาคมดั่งดาบจ้องมองลู่ เสวียน
“ไปเร็ว” เจียงหลีเร่งก่อนที่ภูเขาไฟจะระเบิด
เจียงหลีตามลู่เสวียนไปทางค่ายที่พักแม่ทัพ ระหว่างทางโชคดีที่ลู่เสวียนมีสัญลักษณ์ ประจำตระกูลลู่ถึงจะเดินเข้ามาได้อย่างราบรื่น
ในที่สุดเจียงหลีก็ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของลู่ซิ่งเฉา
แวบแรกที่เห็น เจียงอดไม่ได้ที่จะชื่นชมเขาในใจ ผู้ชายตระกูลลู่ช่างได้เปรียบจริงๆ ทุก คนล้วนเป็นชายหนุ่มรูปงาม ลู่ซิ่งเฉาที่อยู่ในวัยกลางคนเปล่งรัศมีอันน่าเกรงขามที่ผ่าน การฝึกทหารมา คาดวาคงจะดึงดูดให้ผู้หญิงชอบง่ายขึ้น
“ท่านพ่อ” เมื่อเห็นท่านพ่อ ลู่เสวียนตื่นเต้นจนรีบวิ่งไปหา
แต่ว่ากลับโดนลู่ซิ่งเฉาถลึงตาใส่ให้อยู่นิ่ง “ทำไมไม่อยู่ในที่ที่เจ้าควรอยู่ มาทำอะไรที่นี่”
ลู่เสวียนที่โดนดุรู้สึกน้อยเนื้อตํ่าใจแต่ก็พูดเรื่องเป้าหมายสาเหตุที่พวกเขามา
หลังพูดเสร็จ เขาก็มองไปทางพ่อของเขา “ท่านพ่อท่านต้องให้คนเฝ้าระวังพวกเขาไว้ อย่าให้พวกเขาก่อเรื่องวุ่นวาย”
“รู้แล้ว เจ้าไปได้” ลู่ซิ่งเฉาตอบเสียงเรียบ
ปฏิกิริยาของเขาทำให้เจียงหลีขมวดคิ้ว แปลก แปลกเกินไปแล้ว ท่าทีของลู่ซิ่งเฉา เหมือนจงใจมองข้ามไป
“เจ้าคือเจียงหลีหรือ” ทันใดนั้นสายตาลู่ซิ่งเฉาก็ตกมาที่เจียงหลี
แววตาเจียงหลีประกายวูบวาบดึงสติความคิดฟุ้งซ่านกลับมามองไปที่ลู่ซิ่งเฉาพยักหน้า รับ
ทว่าภายใต้ความสงสัยของลู่เสวียน ลู่ซิ่งเฉาเผยรอยยิ้มจางๆ พยักหน้าพูดว่า “ไม่เลว เป็นเด็กดีมาก”
หืม?
เจียงหลีรู้สึกแปลกประหลาดใจกับคำชื่นชมนี้ นี่มันอะไรกัน
“ท่านพ่อ ข้าไม่ใช่เด็กดีหรือไร” ลู่เสวียนพูดอย่างอิจฉา
ลู่ซิ่งเฉากลับมองลูกชายเขาด้วยสายตาสับสนยากจะอธิบายสุดท้ายพูดกำชับไว้ว่า “ดูแล หลีเอ๋อร์ให้ดีๆ ล่ะ”