Skip to content

ราชินีพลิกสวรรค์ 193

ตอนที่ 193

ลู่เจี้ย ข้ากลับมาแล้ว

เข้ามาใกล้โดยไม่คาดคิด แรงจับที่ไหล่อย่างหนักทำให้ดวงตาของเจียงหลีเปล่งประกาย มือก็ตอบโต้ไปด้านหลังทันที

“แม่นางระวัง!” อวี้ซูก็อุทานออกมา

นางไม่รู้เลยว่าชายร่างสูงในชุดดำคนนี้ปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไหร่

“เจียงหลี”

ผู้มาเยือนจับข้อมือของเจียงหลีไว้แน่นและเสียงที่คุ้นเคยก็ได้ทำให้นางหยุดลงมือ

“ลู่จ้าน!” เจียงหลีมองไปเห็นคนที่เข้ามา

ภายใต้ปีกหมวกที่ยกขึ้นเบาๆ ใบหน้าที่เหลี่ยมคม ไม่ใช่ลู่จ้านแล้วจะเป็นใครไปได้

ลู่จานยกนิ้วขึ้นเทียบกับริมฝีปากบ่งบอกว่าให้พวกเขาเงียบ จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆ แล้วกระซิบ “มากับข้า”

การปรากฏตัวของลู่จ้าน ทำให้เจียงหลีโล่งใจ

เพียงแค่ติดตามเขาไป ก็จะรู้เบาะแสของลู่เจี้ย นางก็ไม่ต้องมองหาคนของตระกูลลู่อย่าง ไร้เบาะแสอีกต่อไป

เจียงหลีและอวี้ซูติดตามลู่จ้านไปอย่างใกล้ชิด ออกจากซากปรักหักพังของตระกูลลู่ อย่างเงียบๆ

เพื่อหลีกเลี่ยงทหารลาดตระเวนในเมือง พวกเขาออกจากเมืองซูหนาน มุ่งสู่หุบเขาที่ปู้กุย

เมื่ออยู่ห่างจากตัวเมืองแล้ว เจียงหลีเริ่มถาม “ใครเป็นคนเผาจวนตระกูลลู่ แล้วลู่เจี้ยเป็น อย่างไรบ้าง”

“นายน้อยเป็นผู้สั่งให้เผา นายน้อยไม่เป็นอะไร” ลู่จ้านตอบคำถามของเจียงหลีสั้นๆ เขา เดินไปข้างหน้าและนำทางโดยไม่หันกลับไปมอง แต่ทำให้เจียงหลีขมวดคิ้ว

ไม่รู้ว่าเรื่องที่ซั่งตู ลู่เจี้ยรู้ไหม เกรงว่าเขาจะรู้เรื่องลู่อ๋องและพระชายาผ่านทางผู้ส่งสาร ของตระกูลลู่แล้ว เจียงหลีคาดเดาในใจ

“เจ้ากลับมาเร็วกว่าที่ข้าคาดไว้สิบวัน”ทันใดนั้นลู่จ้านก็พูด

เจียงหลีเงยหน้าขึ้น มองไปที่แผ่นหลังของเขา จากนั้นก็หลุบตาลงและตอบว่า “ข้าใช้ ทางลัดเพื่อกลับมา ลู่เสวียนตามมาอยู่ข้างหลัง”

เสียงฝีเท้าของลู่จ้านหยุดลง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ “คุณชายเล็ก ไม่ได้ออกไป จากซั่งตู”

“อะไรนะ” เจียงหลีประหลาดใจ

ลู่จ้านอธิบายว่า “ตูเหมือนว่าเขาตั้งใจจะอยู่ในซั่งตู เพื่อล้างแค้นให้ท่านอ๋องและพระชายาในแบบของเขาเอง”

“… ” ลู่เสวียน!

เจียงหลีเม้มริมฝีปากของนางด้วยความเงียบ

ทางเลือกของลู่เสวียนนั้นเกินความคาดหมายของนาง เกรงว่ามันจะเกินความคาดหมาย ของลู่เจี้ยด้วย

ลู่เจี้ยต้องการส่งพวกเขาให้ใปจากเรื่องราวราคีพวกนี้ แต่พวกเขากลับเลือกที่จะอยู่ต่อ สำหรับลู่เสวียนความเกลียดชังที่มีต่อศัตรูของบิดามารดานั้นไม่สั่นคลอน หากเขาไม่ฆ่า ศัตรูด้วยตัวเองคงตายตาไม่หลับ

สำหรับนางแล้ว นางได้สังหารองค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์โฮ่วจิ้น ขณะเมื่อทหารเหล่านั้นไล่ล่าและสังหารอวี้เฉิน ราชวงศ์โฮ่วจิ้นทั้งหมดก็เป็นศัตรูกับนางแล้ว

บางที อาจยังคงห่างไกล เมื่อนางตีตราเครื่องหมายของตระกูลลู่ นางก็ไม่สามารถอยู่ ห่างจากแผนการเหล่านี้ได้อีกต่อไป

ระหว่างทางก็ได้เงียบไป เรื่องของตระกูลลู่ค่อนข้างหนักหนาพอสมควร

มันหนักมากจนทั้งลู่จ้านและเจียงหลีเลือกที่จะอยู่เงียบ เจียงหลีไม่ได้ถามจนกว่าเขาจะ ไปถึงเขตชานเมืองของหุบเขาปู้กุย[1] “พวกเจ้าไม่ได้ซ่อนตัวอยู่ในถํ้าเก้าปีศาจใช่ไหม” เนื่องจากราชสำนักได้ค้นหาตระกูลลู่อย่างแน่นหนา ตอนนี้ที่แห่งนั้นคงถูกคุ้มกันเป็นแน่ ลู่จ้านกล่าวว่า “ในหุบเขาปู้กุย ถํ้าเก้าปีศาจไม่ใช่ถํ้าเดียวที่ตระกูลลู่มี”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เจียงหลีก็อดไม่ได้ที่จะหายใจเข้าลึกๆ

เรื่องราวในวันนี้ ไม่รู้ว่าตระกูลลู่วางแผนมาแล้วกี่ปี!

แน่นอน ทิศทางไปยังถํ้าเก้าปีศาจ ทั้งหมดได้ถูกล้อมโดยเจ้าหน้าที่และทหาร หลังจากที่ลู่จ้านพาพวกเขาหลบหลีกอย่างชาญฉลาดจากทิศทางอื่นเพื่อเข้าสู่ถํ้าเก้าปีศาจ

หุบเขาปู้กุยเงียบสงบ แม้กระทั้งเสียงของสัตว์ร้ายก็มีน้อย

กิ่งก้านที่ปกคลุมท้องฟ้า ปิดกั้นแสงดวงอาทิตย์จากภายนอกและในป่ามีกลิ่นเหม็นเน่า อยู่ทั่ว

ลู่จ้านมาถึงช่องว่างหินแคบๆ หันไปด้านข้างถูหน้าอกของเขาและหลังกับกำแพงหิน แล้วเจาะเข้าไป

มีแสงสว่างวาบภายใต้ดวงตาที่มืดของเจียงหลีและเขาก็เดินเข้าไปตามรอยแตกในหิน อย่างง่ายดาย นี่คือข้อดีของการเป็นคนตัวเล็ก อวี้ซูซึ่งอยู่กับนางก็เข้าไปในหินแตกได้ โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ

ทางเดินธรรมชาตินี้ยาวมากและระหว่างทางก็แคบมาก ลู่จ้านมักจะต้องเดินผ่านโดยหัน ข้าง หลังจากผ่านไปหนึ่งเค่อ เจียงหลีรู้สึกปลอดโปร่งขึ้นทันที

“รหัสลับ”

แสงที่ส่องประกาย ทำให้เจียงหลีได้ยินเสียงที่รุนแรงดังขึ้นในหูของนาง ก่อนที่นางจะ ปรับการมองเห็นได้ในความมืด

“เวยหว่อลู่เฟิง” ลู่จ้านตอบออกไป

ขณะนี้ การมองเห็นของเจียงหลีได้กลับมา และนางสามารถมองเห็นชายทั้งสองที่เฝ้า ทางออกได้อย่างชัดเจน พวกเขาสวมขุดเกราะเบาที่ปักด้วยสัญลักษณ์ของตระกูลลู่

เสียงของอาวุธถูกดึงกลับดังขึ้นและทั้งสองก็กำหมัดแน่นและพูดว่า “ใต้เท้าลู่จ้าน!”

“อืม” ลู่จ้านพยักหน้านำเจียงหลีและอวี้ซูให้เดินต่อไปข้างใน

หลังจากเดินออกไป เจียงหลีก็ค้นพบว่านี่คือหุบเขาธรรมชาติขนาดใหญ่ และตระกูลลู่ก็ อยู่ในความมืด ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาและพลังงานเท่าไหร่ ในการสร้างสถานที่แห่งนี้ไห้เป็นป้อมปราการธรรมชาติ เป็นสถานที่สำหรับฝึกเหล่าทหาร

ทั้งอยู่ในภูเขาและถูกสร้างอยู่ด้านล่างของหุบเขา ในทุกที่สามารถมองเห็นสนามฝึก และ เสียงซ้อมการฝึกซ้อมดังก้องอยู่ในหู มองไปรอบๆ มีผู้คนไม่น้อยกว่าหนึ่งแสนคนซ่อนตัวอยู่ที่นี่

นี่เป็นเพียงสิ่งที่นางเห็น

“สาวใช้ของเจ้า จะมีคนดูแล เจ้าไปพบนายน้อยกับข้า” ลู่จ้านขัดจังหวะเจียงหลีที่อยู่ใน อาการตกใจ

เจียงหลีถอนสายตาที่ตกตะลึง พยักหน้าและเดินตามลู่จ้านไปที่อาคารบนภูเขา

บันไดจากด้านล่างของหุบเขาไปยังไหล่เขานั้นยาวมาก เช่นเดียวกับบันไดสู่สวรรค์ทั้ง เก้า อาคารครึ่งหนึ่งอยู่ด้านนอก และอีกครึ่งหนึ่งฝังอยู่ในกำแพงภูเขา ดูสง่างามและ ค่อนข้างเคร่งขรึม

แค่กๆ

ทันทีที่เจียงหลีก้าวเข้ามาในห้องโถง นางก็ได้ยินเสียงไอจากด้านใน

นี่มันเสียงของลู่เจี้ย! ดวงตาของเจียงหลีหรี่ลงและก้าวเท้าของนางก็เร่งเร็วขึ้นเหนือกว่า ลู่จ้านที่นำทาง เพื่อไปตามเสียงนั้น

ในขณะที่นางเดินผ่านลู่จ้าน ดวงตาของลู่จ้านเป็นประกายและไม่ได้พูดอะไร

เมื่อก้าวข้ามชั้นของผ้าคลุมและคาน ในที่สุดเจียงหลีก็เห็นตั่งนั้น ตัวลู่เจี้ยทั้งตัวสวมเสื้อคลุมสีขาวเอาไว้ ลู่เจี้ยผู้ที่สีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก ทำให้ผู้มองเห็นต้องรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ

เขาหันหน้าไปด้านข้างและรับชาร้อนจากคนรับใช้

เพียงแค่จิบเบาๆ ก็เกิดอาการไอรุนแรงในอกของเขา สาวรับใช้รีบหยิบถ้วยนํ้าชา และ ต้องการก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบโยนเขา แต่เขาโบกมือปฏิเสธ

“นี่หรือที่เจ้าบอกว่าไม่เป็นไร” เมื่อรู้สึกถึงการเข้าใกล้ของลู่จ้าน เจียงหลีพูดอย่างเป็น ปรปักษ์

ลู่จ้านไม่ได้พูดอะไร แต่ลู่เจี้ยเงยหน้าขึ้นมองมาทางนาง

เขายิ้มจางๆ และรอยยิ้มนั้นทำให้ใบหน้าซีดเซียวของเขาน่าสงสารยิ่งขึ้นไปอีก “หลีเอ๋อร์ มานี่”

ลู่เจี้ยกวักมือให้เจียงหลีตามปกติ

เจียงหลีรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ และไม่อยากเห็นเขาที่แสร้งทำเป็นแข็งแกร่ง อย่างไม่ต้องคิดมาก นางรีบเดินไปหาผู้งดงามบนตั่งไม้ เมื่อเดินเข้าไปใกล้ นางอ้าแขนและโอบชายคนนั้นไว้ในอ้อมกอดข้องนาง ใช้อุณหภูมิของร่างกายตนรับเอาความเย็นจากเขา

ขณะที่ลู่เจี้ยกำลังตกใจ นางก็พูดขึ้นว่า “ลู่เจี้ย ข้ากลับมาแล้ว”

[1] ปู้กุย ภาษาจีนคือ 不归 แปลว่า ไม่หวนกลับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!