Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 5

บทที่ 5

เธอล่อนจ้อนอีกแล้ว

โคมไฟสองดวงที่แขวนอยู่บนประตูบานใหญ่แกว่งไกวไปมา เกิดแสงวูบวาบส่องกระทบป้ายเหนือประตูที่เขียนไว้ว่า ‘คฤหาสน์ตะวันตก[1]’ เป็นเพราะอักษรเหล่านี้ กู้ซีจิ่วคนเดิมถึงได้เข้าใจผิด คิดว่าที่นี่คือคฤหาสน์ส่วนตัวของซีอ๋องหรงเหยียนคู่หมั้นของนาง ถึงได้เข้าไปโดยไม่ระวังตัวเลยแม้แต่น้อย ทำให้นางกลายเป็นเหยื่อที่เอาชีวิตไปทิ้งอย่างสมบูรณ์

หลังจากที่กู้ซีจิ่วใช้วิชาเคลื่อนย้ายพริบตาออกมานอกประตูคฤหาสน์แล้ว เธอหันศีรษะกลับไปมองอีกครั้งและเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยบางๆ

หากว่าเธอเดาไม่ผิดละก็ องค์ชายคู่หมั้นผู้นั้นคงต้องการจะยกเลิกสัญญาหมั้นหมายครั้งนี้ ดังนั้นจึงคิดแผนร้ายนี้ขึ้นมา โดยใช้วิธีส่งจดหมายไปหลอกให้กู้ซีจิ่วคนเดิมมาที่นี่…

กู้ซีจิ่วที่เข้ามายังสถานที่แห่งนี้ก็เสมือนกับแพะเดินเข้าปากเสือ ต่อให้โชคดีไม่ถึงตาย แต่ชื่อเสียงก็ถูกทำลายจนย่อยยับ อีกฝ่ายสามารถถอนหมั้นได้อย่างชอบธรรม ในขณะนี้สามารถได้ยินเสียงโกลาหลและเสียงฝีเท้าที่ สับสนวุ่นวายจากภายในคฤหาสน์ เห็นได้ชัดว่าคนทั้งหมดที่อยู่ด้านในกำลังตื่นตระหนก และองครักษ์คงจะออกมาไล่ล่าค้นหาในไม่ช้านี้..

กู้ซีจิ่วจากไปทันทีโดยไม่หันกลับไปมองอีก

ณ ถนนที่ขรุขระในภูเขา สายฝนกลับเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักหน่วง!

กู้ซีจิ่วสบถด่าออกมา ฝนนี่จู่ๆ ก็ตกลงมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำให้เธอตั้งตัวไม่ทัน!

ด้านหนึ่งของถนนคือหน้าผาสูงชันอีกด้านหนึ่งคือหุบเหวที่ลึกเกินจะหยั่ง ตลอดเส้นทางไม่พบก้อนหินใหญ่ หรือสิ่งที่พอจะใช้หลบฝนได้เลย

ทำเอาเธอได้แต่วิ่งไปตามทางในภูเขา เธอไม่กล้าใช้วิชาเคลื่อนย้ายพริบตา ประการแรกคือร่างเล็กๆ นี้มีอายุเพียงแค่ 13 ปี ไม่มีกำลังภายใน อีกทั้งยังอ่อนแอไปหน่อยด้วย วิชาเคลื่อนย้ายพริบตาของเธอก็ไม่สามารถใช้ได้ดังใจ ในสิบส่วนใช้ได้ไม่ถึงหนึ่งส่วนด้วยซํ้า

ประการที่สองคือเธอไม่คุ้นเคยกับสภาพภูมิประเทศของที่นี่ หากว่าเกิดข้อผิดพลาดขึ้น เธอเคลื่อนย้ายพริบตาไปตรงหน้าผาแล้วตกลงไปตายจะไม่คุ้มอย่างยิ่ง!

เพียงชั่วพริบตา ผ้าม่านที่ห่อตัวเธอเอาไว้ก็เปียกชุ่มโชก ตอนนี้เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง อากาศเย็นเล็กน้อย แต่ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้รู้สึกหนาวไปถึงขั้วหัวใจ และทำให้เธอลืมตาแทบไม่ขึ้น มองหนทางเบื้องหน้าได้ไม่ชัดเจน

บวกกับท้องฟ้าที่มืดมิดเกินไป ยิ่งทำให้เธอจำแนกทิศทางไม่ได้จึงไม่รู้ว่าตัวเองวิ่งไปผิดทางอย่างสิ้นเชิง เลี้ยวเข้าไปในทางเล็กๆ ที่ค่อนข้างเปลี่ยวเส้นหนึ่ง…

เธอวิ่งบนถนนสายเล็กๆ นั้นไปได้สามสี่ลี้[2]ก็ต้องตกตะลึง เมื่อเส้นทางเล็กๆ ที่อยู่เบื้องหน้าทั้งคดเคี้ยวและอันตราย

ถนนในภูเขาที่ผ่านมาถึงแม้จะขรุขระไปบ้าง แต่ทางเดินหินก็ค่อนข้างสะอาดสะอ้าน ไม่มีวัชพืชขึ้นเลย แต่ทางสายนี้กลับมีวัชพืชขึ้นรกเป็นพง ทั้งยังมีตะไคร่เขียวลื่นเกาะอีกด้วย

มาผิดทางแล้ว!

ขณะที่กำลังจะหมุนกายเพื่อมองหาเส้นทางที่ถูกต้องอีกครั้ง เธอเงยหน้าขึ้นโดยบังเอิญ และมองเห็นว่าบนหน้าผาที่อยู่ไม่ไกลนักมีถํ้ามืดมิดแห่งหนึ่งอยู่…

นัยน์ตาของเธอเปล่งประกาย! ไม่สนแล้ว เข้าไปหลบฝนในถํ้าแห่งนั้นก่อนค่อยว่ากันอีกที!

ถํ้านั้นตั้งอยู่ตรงใจกลางหน้าผา ส่วนหน้าผานั้นสูงชันอย่างยิ่ง อีกทั้งไม่มีเส้นทางไปยังสถานที่นั้นได้เลย ตัวถํ้าอยู่สูงกว่าตำแหน่งที่กู้ซีจิ่วยืนอยู่ถึงสิบกว่าเมตร ยามนี้เธอไม่มีกำลังภายใน จึงไม่สามารถใช้วิธีกระโดดขึ้นไปได้

กู้ซีจิ่วหมุนกายรอบหนึ่งอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็พบกับเถาวัลย์ยาวๆ สองเส้น เธอใช้เทคนิคพิเศษทำให้เป็นเชือกเส้นหนึ่ง แล้วโยนมันขึ้นไป ปลายเชือกลอยขึ้นไป คล้องโขดหินขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางปากทางเข้าถํ้าอย่างเหมาะเจาะ

เธอยืดกายขึ้น คว้าจับเถาวัลย์เอาไว้แล้วปีนป่ายขึ้นไป สักพักหลังจากนั้นเธอก็พุ่งเข้าไปภายในถํ้าที่มืดมิด… พายุฝนโหมกระหนํ่าอย่างหนักหน่วง สายฝนหวด กระทบกับหน้าผาและสาดเทเข้ามาในถํ้า ถํ้าแห่งนี้ค่อนข้างลึก กู้ซีจิ่วกุมกระบี่ลํ้าค่าเล่มหนึ่งที่ฉกฉวยมาจากเล่อฮวาโหวแล้วค่อยๆ เดินเข้าไปทีละก้าว

เธอรับรู้ได้จากความทรงจำของร่างเดิมว่าป่าแห่งนี้มีสัตว์ป่าไม่น้อย ในวันที่ฝนตกหนักเช่นนี้ ยากจะบอกได้ว่าภายในถํ้าจะมีพยัคฆ์รายขนาดใหญ่แอบซ่อนอยู่หรือไม่ เธอจึงต้องป้องกันไว้ก่อน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!