Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 103

บทที่ 103

อยากจะแต่งคนใดคนหนึ่งเป็นชายารัชทายาท?

เป็นองค์รัชทายาทหรงเจียหลัว และองค์ชายสิบสอง

เมื่อองค์ชายทั้งสองเสด็จมาถึง ย่อมต้องทำการต้อนรับด้วยความเคารพนบน้อบ

กู้เซี่ยเทียนข้องใจยิ่งนัก องค์ชายหรงเหยียนน่ะไม่เท่าใด เพราะนับเป็นลูกเขยในอนาคตของจวนแม่ทัพ และเป็นแขกประจำของที่นี่อยู่แล้ว จะมาร่วมสังสรรค์ก็ไม่แปลกอะไร

แต่องค์รัชทายาทนี่สิมาด้วยเหตุใด?

ในหัวของกู้เซี่ยเทียนเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย

คนในราชสำนักล้วนทราบกันดีว่าจวนแม่ทัพอยู่ฝ่ายองค์ชายสี่ ปกติแล้วองค์รัชทายาทจึงไม่เคยมาเยี่ยมเยือนถึงเรือนชานเลย เหตุใดครั้งนี้องค์รัชทายาทถึงถ่อมาจากทิศใต้ได้เล่า?

ข้องใจก็ส่วนข้องใจ แต่มารยาทพื้นฐานก็ยังต้องกระทำ สั่งการให้คนไปเตรียมที่นั่งสำหรับองค์ชายทั้งสอง…

องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวโบกมือยิ้มบางๆ “แม่ทัพกู้มิต้องเกรงใจ เปิ่นกงและน้องสิบสองเพียงได้ยินว่าบุตรชายท่านกลับมาแล้ว จึงมาเยี่ยมเป็นพิเศษเท่านั้น ไม่ต้องเคร่งครัดนักหรอก นั่งด้วยกันก็ได้”

เขามีอำนาจผู้ปกครองใต้หล้าแผ่ออกมาจากร่าง ทำให้คนไม่กล้าปฏิเสธ

กู้เซี่ยเทียนก็จนปัญญาจะบ่ายเบี่ยง หลังจากพูดจาเกรงอกเกรงใจอยู่หลายประโยค ในที่สุดก็เชื้อเชิญให้ทั้งสองพระองค์นั่งตรงตำแหน่งประธาน

ไม่ว่าอย่างไรองค์ชายทั้งสองก็เป็นคนนอก หากว่ากันตามหลักแล้วไม่สมควรจะนั่งรวมกับเหล่าสตรีในจวนแม่ทัพ เดิมทีกู้เซี่ยเทียนวางแผนว่าให้มีเพียงตนเองและบุตรชายอยู่เป็นเพื่อน แล้วให้พวกผู้หญิงในตระกูลไปจัดเตรียมที่นั่งในเรือนเพิ่ม แต่วาจาขององค์รัชทายาทก็ทำลายการจัดเตรียมของเขาได้อีกครั้ง “แม่ทัพกู้พวกท่านนั่งอย่างไรก็นั่งอย่างนั้นเถอะ เปิ่นกงชอบความรู้สึกของการจัดเลี้ยงกันแบบครอบครัว”

เขากวาดสายตามองทั่วห้องโถง กล่าวด้วยนํ้าเสียงแผ่วเบา “ได้ยินมานานแล้วว่าแม่ทัพกู้ให้กำเนิดบุตรีที่ดีพร้อมหลายคน น่าเสียดายที่เปิ่นกงไม่มีวาสนาได้พบมาโดยตลอด น้องสิบสองของเปิ่นกงก็เป็นลูกเขยในอนาคตของจวนแม่ทัพ พวกเราก็นับเป็นคนในครอบครัวเดียวกันแล้ว ที่นี่ไม่มีคนนอกอื่นใดอีก เช่นนั้นก็เชิญคุณหนูทุกท่านในจวนออกมานั่งร่วมกันเถิด ครอบครัวเดียวกัน ร่วมโต๊ะกันจะได้คึกคักหน่อย”

กู้เซี่ยเทียนถึงกับอึ้ง

เขาไม่รู้จริงๆ ว่าองค์รัชทายาทผู้นี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

หรือว่าต้องตาบุตรสาวของเขาเข้าแล้ว?

อยากจะแต่งคนใดคนหนึ่งเป็นชายารัชทายาท?

เพื่อฉวยโอกาสลากจวนแม่ทัพของเขาให้เข้าไปพรรคพวกองค์รัชทายาทสินะ?

นี่ก็อาจเป็นไปได้…

วงการขุนนางก็เหมือนสนามรบ ในแวดวงขุนนางสิ่งที่ห้ามกระทำโดยเด็ดขาดคือการโลเลไปมาเหมือนต้นหญ้าบนสันกำแพง[1]

กู้เซี่ยเทียนยืนอยู่ข้างองค์ชายสี่ย่อมไม่ต้องการให้เหล่าธิดาของตนไปเกี่ยวพันกับองค์รัชทายาทผู้นี้จึงพยายามหาเหตุผลหลายข้อมาบอกปัด ใช้เหตุผลว่าเหล่าบุตร สาวทั้งขี้เหร่และหยาบคายเกินกว่าจะให้เข้าสู่สายพระเนตรองค์รัชทายาทได้อะไรทำนองนั้น

องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวนั่งอยู่หน้าโต๊ะ นิ้วมือที่อยู่ว่างๆ ก็เคาะโต๊ะเล่นเบาๆ มองกู้เซี่ยเทียนด้วยท่าทีคล้ายจะยิ้มก็ไม่เชิง “เปิ่นกงแค่อยากพบพวกนางเพื่อเปิดหูเปิดตาเท่านั้น เหตุใดแม่ทัพกู้ต้องบ่ายเบี่ยงถึงเพียงนี้เล่า หรือรู้สึกว่าเปิ่นกงมีคุณสมบัติไม่พอ?”

หมวกใบใหญ่[2]ที่หล่นลงมาใส่จังๆ เช่นนี้ทำให้ใบหน้าของกู้เซี่ยเทียนซีดขาว กล่าวว่า มิกล้าๆ ติดต่อกันหลายครั้ง อับจนหนทาง ทำได้เพียงส่งคนไปเรียกบุตรสาวทั้งหมดออกมาถวายบังคม…

 

ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะมาถึงโลกนี้ได้ไม่นาน แต่ก็เข้าใจกฎเกณฑ์พื้นฐานของโลกนี้ได้แจ่มแจ้งยิ่ง และทราบถึงคลื่นลมโหมกระหนํ่าที่ซ่อนเร้นอยู่ระหว่างองค์ชายในราชสำนักพวกนั้น

ทั้งยังทราบอีกด้วยว่าบิดาราคาถูกของบ้านตนยืนอยู่ข้างองค์ชายสี่ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกระแวงองค์รัชทายาทที่มาเยือนอย่างกะทันหันนิดหน่อย ไม่รู้ว่าองค์รัชทายาทผู้นี้จะมาไม้ใหน…

‘เจ้านาย หรือเขาจะรู้ว่าคนผู้นั้นที่รักษาเขาก็คือท่าน? เป็นเพราะท่านลูบคลำเขา ดังนั้นเขาจึงมาหาท่านเพื่อให้รับผิดชอบ?’ กำไลหยกนภาคาดเดา

กู้ซีจิ่วไม่สนใจมัน เธอมั่นใจในวิชาแปลงโฉมของตัวเองมาก ยามที่เธอแปลงโฉมต่อให้เป็นคนที่สนิทสนมคุ้นเคยกับเธอที่สุดก็ยังดูไม่ออก นับประสาอะไรกับองค์ รัชทายาทที่พบหน้ากันเพียงหนเดียวเล่า?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!