Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 150

บทที่ 150

เป็นกลิ่นอายของหลงซือเย่!

กู้ซีจิ่วไม่เข้าใจภาษานก จึงหันไปถามคนฝึกนกที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ “มันหมายความว่าอย่างไร?”

คนฝึกนกค้อมกาย “เรียนคุณหนู มันบอกว่าด้านบนมีเพียงกลิ่นอายของต้นไม้ใหญ่ ไม่มีกลิ่นอายของคนขอรับ”

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว มองดูนกตัวนั้น “จมูกของเจ้านกตัวนี้คงไม่ได้เรื่องแล้วกระมัง?”

“จิ๊บๆ…” นกตัวนั้นพองขนสีสดทั่วทั้งร่างขึ้นมา คล้ายจะเดือดดาลยิ่งนัก

“ดูท่าจะไม่ได้เรื่องจริงๆ” กู้ซีจิ่วกล่าววิเคราะห์ต่อไป “เมื่อกี้คนผู้นั้นอยู่บนกิ่งไม้พวกนี้ชัดๆ ต้องหลงเหลือกลิ่นอายสักนิดแน่นอน คนไม่ได้กลิ่น เจ้านกโง่ตัวนี้ก็ไม่ได้กลิ่น แต่สุนัขล่าสัตว์คงจะได้กลิ่นละมั้ง พ่อบ้านเชี่ยว ข้าคิดว่าท่านหาสุนัขล่าสัตว์มาให้ข้าสักตัวน่าจะพึ่งพาได้มากกว่า”

“จิ๊บๆ!” ดวงตานกตัวนั้นแดงก่ำ โผบินราวกับพายุหมุน

ปีกแทบจะโดนหน้ากู้ซีจิ่ว มันไม่ดมกิ่งไม้หลายกิ่งก่อนหน้านี้แล้ว แต่บินไปที่กิ่งไม้ อีกกิ่งซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย วนอยู่ตรงนั้นรอบหนึ่ง ก็บินมาหยุดอยู่เหนือศีรษะกู้ซีจิ่ว ยืดอกเชิดคอร้องจิ๊บๆ ด้วยเสียงใสเสนาะ

กู้ซีจิ่วทำได้เพียงหันไปมองคนฝึกนกอีกครั้ง คนฝึกนกผู้นั้นนิ่งไปเล็กน้อยค่อยกล่าว “มันน่าจะพบกลิ่นอายของคนที่บริเวณนั้น คุณหนูสามารถตรวจสอบตรงนั้นอย่างละเอียดได้ขอรับ”

กู้ซีจิ่วจ้องมองหยาดเหงื่อบนหน้าผากของคนฝึกนกผู้นั้น

“คำพูดเดิมของมันคืออะไร?”

หยาดเหงื่อบนหน้าผากของคนฝึกนกผู้นั้นผุดพรายออกมามากกว่าเดิม “คือ…คำพูดเดิมก็คือประโยคนี้ขอรับ”

กู้ซีจิ่วมองนกตัวนั้น ถึงแม้นกตัวนั้นจะพูดภาษามนุษย์ไม่ได้ แต่เห็นได้ชัดว่ามันเข้าใจภาษามนุษย์ ยามนี้จึงพองขนใส่คนฝึกนกอย่างไม่พอใจ ส่งเสียงจิ๊บๆ รัวเร็วอย่างต่อเนื่อง

กู้ซีจิ่วยิ้มขำ “เจ้านกตัวนี้ด่าข้าอยู่ใช่ไหม?”

คนฝึกนกมองนกตัวนั้นอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แล้วก็มองกู้ซีจิ่ว เลือกที่จะไม่ตอบอย่างชาญฉลาด ถ้าพูดปดก็จะล่วงเกินนกของบ้านตน ถ้าพูดจริงคุณหนูก็ จะเคืองขุ่น

กู้ซีจิ่วย่อมไม่ถือสาหาความกับนกตัวหนึ่ง กลับยื่นนิ้วออกไปดีดหงอนของนกตัวนั้นเบาๆ “มีเอกลักษณ์นัก! หวังว่าความสามารถของเจ้าจะมีค่าเท่าเอกลักษณ์ของเจ้านะ”

แล้วไม่ใส่ใจนกตัวนั้นอีก กระโดดขึ้นไปบนกิ่งไม้กิ่งนั้น ในที่สุดเธอก็ได้กลิ่นอายจางๆ สายหนึ่งอยู่ตรงนั้น จากนั้นก็ชะงักงัน

หลงซือเย่!

เป็นกลิ่นอายของหลงซือเย่!

หรือว่าคนที่อยู่ตรงนี้เมื่อก่อนหน้านี้คือหลงซือเย่?

กู้ซีจิ่วหรี่ตาลงเล็กน้อย หรือคนที่กล่าวว่ามีความแค้นกับเธอ ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเธอจะเป็นหลงซือเย่?

เธอยืนขบคิดอยู่ตรงนั้นสักพัก ก็รู้สึกว่านิสัยของหลงซือเย่ไม่เหมือนกับคนลึกลับผู้นั้น คนลึกลับผู้นั้นทั้งทรงเสน่ห์ทั้งลึกลํ้ากว่า อีกอย่างก่อนหน้านี้เธอสัมผัสได้ชัดเจนว่าคนผู้นั้นยืนอยู่ แถวๆ กิ่งไม้อื่น ไม่ใช่ที่นี้…

หรือเมื่อกี้สัมผัสของเธอจะผิดพลาดไป?

เธอยังไม่ถอดใจจึงไปสำรวจกิ่งไม้ในบริเวณนั้น ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จก็อยู่ที่นั้น เธอค้นพบสิ่งใหม่ที่นี่จริงๆ เป็นผมเส้นหนึ่ง

กู้ซีจิ่วใช้ปลายนิ้วหยิบผมเส้นนั้นขึ้นมาจ่อไว้ใกล้ๆ จมูกแล้วสูดดม บนนั้นมีกลิ่นอายจางๆ อยู่ กลิ่นหอมนั้นเบาบางจนคล้ายไม่มีอยู่ กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว กลิ่นหอมนี้คล้ายกลิ่นอายที่เธอได้กลิ่นตอนถูกองค์รัชทายาทหรงเจียหลัวล้มใส่เมื่อวันนั้น!

หรือองค์รัชทายาทหรงเจียหลัวก็เคยมาด้วย?

คนที่ยืนอยู่ตรงนี้เมื่อก่อนหน้านี้ไม่ใช่คนเดียว แต่เป็นสองคนเหรอ?

มองแล้วระยะห่างระหว่างกิ่งไม้ทั้งสองกิ่ง ห่างกันสองเมตร แถมกิ่งของหลงซือเย่ยังอยู่ด้านหน้าด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ หากเมื่อกี้ทั้งสองคนอยู่ในเวลาเดียว กัน หลงซือเย่นั้นอยู่ด้านหน้า ส่วนคนผู้นั้นอยู่ด้านหลัง…

หลงซือเย่เป็นเจ้าสำนักถามสวรรค์ลือกันว่าพลังยุทธ์สามารถเทียบเคียงกับเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นได้แล้ว หากองค์รัชทายาทหรงเจียหลัวยืนอยู่ด้านหลังของเขา ไม่มี เหตุผลอะไรที่เขาจะไม่สังเกตเห็น!

ถึงแม้วรยุทธ์ขององค์รัชทายาทเจียหลัวจะสูงส่งมาก แต่น่าจะเทียบกับหลงซือเย่ไม่ได้กระมัง?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!