Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 156

บทที่ 156

นางเป็นหมาป่าหางโตตัวหนึ่งชัดๆ!

จักรพรรดิซวนตกตะลึง เขามองสาวน้อยที่อยู่เบื้องหน้า ตัวเล็กกะจ้อยร่อย แต่ความองอาจไม่น้อย นัยน์ตาแวววาวเฉียบคม ราวกับเข้าใจทุกสิ่งอย่างทะลุปรุโปร่ง คล้ายกับมีไอเย็นแผ่กระจายอยู่รอบกาย

เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ แผ่นหลังของจักรพรรดิซวนพลันเย็นวาบขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เขารู้สึกละอายใจ จึงกระแอมไอทันที “เราก็คาดไม่ถึงเช่นกัน เราจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด กล้าบุกเข้ามาลอบสังหารถึงในวัง จะกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!”

กู้ซีจิ่วหัวเราะดังเหอะ เธอค่อยๆ ไล่สายตาพิจารณากลุ่มคนที่เข้ามาอย่างช้าๆ รอบหนึ่ง ถึงค่อยเปิดปากพูด “ฝ่าบาทเพคะ ขออภัยที่หม่อมฉันต้องกล่าววาจาหวังดีที่ขัดพระกรรณสักประโยค องครักษ์ในวังหลวงแห่งนี้ช่างไร้ ความสามารถเสียจริง! เคราะห์ดีที่ครานี้พวกเขาโจมตีหม่อมฉัน หากเป็นฝ่าบาทขึ้นมา นั้นจะมิแย่ยิ่งกว่าเดิมหรือ?! หัวหน้ากองทหารรักษาพระองค์ซึ่งมีหน้าที่พิทักษ์ รักษาวังหลวงบกพร่องต่อหน้าที่อย่างร้ายแรง ควรจะถูกลงโทษ! ใช่ไหมเพคะฝ่าบาท?”

เธอพูดจาสง่าผ่าเผย ทั้งยังมีเหตุผลซึ่งฟังขึ้นยิ่งนัก จักรพรรดิซวนย่อมไม่สามารถโต้แย้งได้จึงเผลอตอบรับ “มิผิด! มิผิด! ควรลงโทษ! ควรลงโทษ!”

“เช่นนั้นฝ่าบาทจะลงโทษอย่างไรเพคะ?”

“นี่…”

“หม่อมฉันเคยศึกษากฎมณเฑียรบาลมาก่อน เมื่อมีมือสังหารเข้ามาในวังถือว่าหัวหน้ากองทหารรักษาพระองค์ บกพร่องต่อหน้าที่อย่างร้ายแรง จะถูกเฆี่ยนหรือถูกโบย ก็ขึ้นอยู่ความรุนแรงของสถานการณ์หากก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่อาจแก้ไขได้จะถูกตัดสินประหาร เพื่อเป็นการเตือนมิให้ผู้อื่นเอาเยี่ยงอย่าง ฝ่าบาท ไม่ทราบว่าซีจิ่วกล่าวถูกไหมเพคะ?” กู้ซีจิ่วกล่าววาจาฉะฉาน น้ำเสียงกระจ่างใสไพเราะดุจไข่มุกร่วงกระทบจานหยก ดังสะท้อนอยู่ในตำหนัก

จักรพรรดิซวน “…นี่…”

บัดนี้หัวหน้ากองทหารรักษาพระองค์ผู้นั้นที่อยู่ข้างกายจักรพรรดิซวน เขาไม่สามารถยืนนิ่งๆ ต่อไปได้ จึงก้าวออกมาสองก้าว คุกเข่าดังตึง ขอรับโทษจากจักรพรรดิ ซวน “ฝ่าบาท กระหม่อมบกพร่องต่อหน้าที่จริงๆ กระหม่อมยินดีรับโทษพะย่ะค่ะ!”

ถึงแม้เจ้านายจะเป็นผู้ลอบสั่งการทุกอย่าง แต่ข้าราชบริพารเช่นเขาจะต้องแบกรับความผิดเอาไว้ไม่ควรทำให้ฝ่าบาทลำบากพระทัยมิใช่หรือ?

เขาทำได้เพียงกัดฟันแบกรับความผิดเอาไว้กับตนอย่างซื่อสัตย์ภักดี

จักรพรรดิซวนได้แต่ไหลตามสถานการณ์ด้วยเหตุนี้หัวหน้ากองทหารรักษาพระองค์จึงถูกลงโทษเฆี่ยนร้อยแส้ และหักเบี้ยหวัดอีกหนึ่งปี

เบี้ยหวัดหนึ่งปียังพอว่า เพราะถึงอย่างไรองค์จักรพรรดิก็สามารถชดเชยคืนให้เขาได้ แต่โทษเฆี่ยนร้อยแส้นี้กลับเป็นของจริง เขาถูกเฆี่ยนเสียจนผิวหนังปริแตกเหวอะหวะ จนแทบจะกัดลิ้นขาดแล้ว

ท้ายสุดแล้วเขายังต้องเดินโซซัดโซเซกลับมาที่ตำหนัก เพื่อขอบพระทัยในความเมตตาด้วย กู้ซีจิ่วเห็นร่างกายที่บอบชํ้าของเขาแล้วยังอดจะสงสารไม่ได้จึงมอบยาแก้ฟกชํ้าขวดหนึ่งให้เขาอย่างใจกว้าง บอกเขาอย่างจริงจังอีก “หัวหน้าเชี่ยว การพิทักษ์รักษาวังหลวงนั้นแตกต่างจากธรรมดา จำเป็นระมัดระวังแล้วระมัดระวังอีก! หากครั้งต่อไปยังปล่อยให้มือสังหารเข้ามาลอบสังหารอย่าง โจ่งแจ้งเช่นนี้อีก เกรงว่าฝ่าบาทจะต้องกุดศีรษะนี้ของท่านเสียแล้ว!”

หัวหน้าเชี่ยวทุกข์ใจแต่พูดอะไรไม่ได้อยากจะกระอักเลือดออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม จึงตอบรับอย่างประหม่ายิ่ง “แม่นางสั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว”

หัวหน้าเชี่ยวสบถด่าอยู่ในใจ ‘เป็นไอ้บัดซบหน้าไหนกันที่บอกว่าแม่นางน้อยคนนี้อ่อนแอสามารถรังแกได้เหมือนกระต่าย? นางเป็นหมาป่าหางโต[2]ตัวหนึ่งชัดๆ! ทั้งยังเป็นประเภทที่กินคนไม่คายกระดูกด้วย!’

หัวหน้าเชี่ยวจึงประคองจิตใจที่บอบชํ้าและว้าวุ่นไปรักษาตัว

ยังมีขุนนางใหญ่อีกหลายท่านติดตามอยู่รอบกายของจักรพรรดิซวน สายตาของกู้ซีจิ่วกวาดมองไปบนร่างของพวกเขา หลายท่านที่ถูกมองอดจะขนลุกเกรียวขึ้นมาไม่ได้ เกรงว่านางจะหาเหตุผลอันชอบธรรมอะไรมาลงโทษพวกตน แทบจะคิดหาเหตุผลเพื่อหลบหนี เคราะห์ดีที่กู้ซีจิ่วแค่มองพวกเขาแวบเดียว ก็ไม่สนใจพวกเขาแล้ว ความสนใจของนางอยู่ภายในตำหนัก “ฝ่าบาทตำหนักนี้แปลกจังเพคะ มีเสาหยกและผ้าม่านมากมาย เอาไว้ทำอะไรหรือเพคะ?”

ยามนี้เธอค่อยเหมือนเด็กอายุสิบกว่าปีขึ้นมาบ้าง ทั้งไร้เดียงสา ทั้งอยากรู้อยากเห็น เก็บกลิ่นอายเบาบางที่อยู่รอบกายกลับไป

……………………….

[1]เป็นการเล่นมุกล้อเลียน คนจีนเรียก โซระ อาโออิ ดาราเอวีของญี่ปุ่นว่า‘苍老师’แปลเป็นภาษาไทยว่า อาจารย์ชาง ชื่อของเสี่ยวชางก็ใช้อักษรชาง‘苍’ตัวนี้เหมือนกัน

[2] หมาป่าหางโต หมายถึง คนที่โอ้อวดพลังของตน เพราะกลัวคนอื่นจะมองข้ามหรือมองไม่เห็นตน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!