Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 171

ตอนที่ 171

ไม่อย่างนั้นเธอหนีไปนานแล้ว

องค์ชายหรงฉู่ไม่เพียงแต่หลั่งเหงื่อเต็มหน้าผาก ใบหน้าเองก็เริ่มมีหยาดเหงื่อผุดออกมา รีบค้อมกายกล่าว “มิกล้าๆ! หรงฉู่มิได้มีความคิดเช่นนั้นเลย!”

ตี้ฝูอีเลิกคิ้ว นํ้าเสียงไม่อีนังขังขอบ “เจ้าไม่มีความคิดใด? ใช่คิดว่า ตัวเองไม่มีคุณสมบัติพอขึ้นครองราชย์หรือไม่?”

หรงฉู่ตะลึงงัน ประโยคนี้ดักทางจนเขาพูดไม่ออกแล้ว!

ถึงแม้ตอนนี้ขุนนางในราชสำนักล้วนทราบว่าเขามีใจคิดชิงตำแหน่งรัชทายาทและมีความสามารถพอ แต่ถึงอย่างไรเรื่องก็ยังไม่เปิดฉากขึ้น ยามนี้ย่อมไม่อาจยอมรับได้

แต่ถ้าปฏิเสธออกไปตรงๆ ต่อหน้าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้เขาก็จะสูญเสยคุณสมบัติในการขึ้นครองราชย์ไปตลอดกาล คิดจะชิงตำแหน่งนั้นในภายภาคหน้าก็ยากแล้ว!

ดังนั้นไม่ว่ายามนี้เขาจะตอบอย่างไรก็ล้วนผิดหมด วาจาเลื่อนลอยของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ทำให้เขาตกอยู่ในสกานการกลืมไม่เข้าคายไม่ออก หยาดเหงื่อเย็นๆ บนหน้าผากองค์ชายหรงฉู่มีขนาดเท่าเม็ดถั่วแล้ว

นิ่งงันอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็คุกเข่าหมอบลงกับพื้น โขกศีรษะไปทางทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย “ท่านทูตสวรรค์ข้าทราบความผิดแล้ว! ท่านทูตสวรรค์โปรดอภัยให้ด้วย…”

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายยิ้มนิดๆ พลางมองดูเขาโดยไม่ได้เอ่ยอะไร องค์ชายหรงฉู่จึงได้แต่โขกต่อไป…

จนกระทั่งองค์ชายหรงฉู่โขกได้ร้อยกว่าครั้ง หน้าผากแตก เลือดไหลอาบใบหน้า ตี้ฝูอีถึงหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า “องค์ชายสี่ลุกขึ้นเถิด ข้าก็ไม่ได้ว่าอะไรเจ้าสักหน่อย โขกเสียจนเลือดไหลอาบ เช่นนี้ตั้งใจจะทำให้ข้าสะอิดสะเอียนหรือ?”

องค์ชายหรงฉู่เงียบงัน เขาได้แต่ลุกขึ้นและทำความเคารพอย่างนอบน้อม “หรงฉู่เสียมารยาทแล้ว ขออภัยด้วย”

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไม่ได้กล่าวอะไร องค์ชายหรงฉู่รีบร้อนกลับลงไป ราวกับด้านหลังเขามีภูตผีไล่ตามอยู่ ไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกแม้แต่ชั่วครู่เดียว!

กู้ซีจิ่วก็ได้เห็นอำนาจของทูตสวรรค์ผู้นี้ในยามนี้เอง

ฐานะของเขาในอาณาจักรเฟยซิงเหมือนจะสูงกว่าทูตสวรรค์ฝ่ายขวาเล็กน้อย องค์ชายหรงฉู่พบทูตสวรรค์ฝ่ายขวายังไม่เคยยำเกรงถึงเพียงนี้เลย!

‘เจ้าเคลื่อนย้ายจากไปตอนนี้ก็ยังทันนะ…’ เสียงของหลงซือเย่ลอดเข้ามาในหูเธอโดยพลัน

‘ข้าสามารถต้านเขาไว้ได้พักหนึ่ง หลังจากเจ้าหนีไปแล้วให้ออกจากเมืองทันที แล้วไปรอข้าอยู่ที่ป่าทึบด้านตะวันตกของเมือง ข้ารู้ว่าเจ้าเกลียดข้า แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเอาแต่ใจ…’

กู้ซีจิ่วเม้มปากเล็กแน่น ไม่ได้ตอบโต้อะไร เพียงทำเป็นไม่ได้ยิน ทว่าในใจกลับขมขื่น เธอเอาแต่ใจบ้าบออะไรกัน?! ตอนนี้เธอใช้วิชาเคลื่อนย้ายไม่ได้ต่างหาก ไม่อย่างนั้นเธอหนีไปนานแล้ว!

ตอนนี้เธอไม่มีพลังวิญญาณ กำลังภายในก็น้อยนิด อีกทั้งใช้วิชาส่งเสียงลับพูดคุยไม่ได้ด้วย ดังนั้นจึงนิ่งเสีย

“กู้ซีจิ่ว…” จู่ๆ ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็เรียกซื่อกู้ซีจิ่ว น้ำเสียงแจ่มใส ดุจลมฤดูใบไม้ผลิ

กู้ซีจิ่วเงยหน้าขึ้นตามสัญชาตญาณ เห็นทูตสวรรค์ผู้นี้ยิ้มแย้มราวบุปผาผลิบาน น้ำเสียงเขาผ่อนคลาย ดั่งสายลมฤดูใบไม้ผลิพลิ้วผ่านกิ่งไม้ “ตอนนี้ ถึงตาเจ้าแล้ว”

เขายื่นมือข้างหนึ่งให้เธอ “มาสิ”

ฝ่ามือของเขาขาวกระจ่าง ราวกับแกะสลักมาจากหยกมันแพะ เล็บมือโค้งมนเป็นสีชมพูอ่อน

มือนี้งดงามนัก!

แต่มือที่งดงามขนาดนี้จะส่งเธอไปสู่สวรรค์หรือผลักเธอสู่นรกกันแน่?

ดูเหมือนเขาจะผลักเธอสู่นรกเสียมากกว่า!

ยามนี้เกาทัณฑ์น้าวสายแล้ว[1]เธอจะไม่ไปก็ไม่ได้นัยน์ตาเธอฉายแสงแวบหนึ่ง แล้วก้าวไปด้านหน้าทันที ทว่าไม่ได้เข้าใกล้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย แต่อยู่ห่างหนึ่งจั้งแล้วมองเขา “เจ้าวังเจ้าคะ ซีจิ่ว รู้สึกคุ้นเคยกับท่านอยู่บ้าง…”

ตี้ฝูอีเลิกคิ้ว ยิ้มน้อยๆ พลางมองเธอ “หืม?”

“ดูเหมือนเมื่อไม่นานมานี้ซีจิ่วได้ล่วงเกินท่านทูตสวรรค์”‘…” กู้ซีจิ่วถอนหายใจเบาๆ

เมื่อเธอกล่าวประโยคนี้ แทบจะทุกคนล้วนเบิกตากว้าง

ตี้ฝูอียังคงยิ้มแย้มอยู่เหมือนเก่า “ล่วงเกินอย่างไรเล่า?”

กู้ซีจิ่วเอียงคอมองเขา “เจ้าวังจำไม่ได้หรือเจ้าคะ?”

เธอจงใจเน้นเสียงคำว่า ‘เจ้าวัง’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!