บทที่ 189
การแสดงของท่านเจ้าวังก็ยอดเยี่ยมมาก
สายตาเขาเพ่งพินิจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าช้าๆ รอบหนึ่ง “ถึงแม้มองรูปร่างแล้วจะดูไม่ออก แต่ถึงอย่างไรเจ้าก็เคยดึงมือข้าไปพิสูจน์ด้วยตนเองมาแล้ว เจ้าเป็นเด็กผู้หญิงจริงแท้แน่นอน”
กู้ซีจิ่วหน้าเห่อแดงอย่างที่เห็นได้ยาก มีวูบหนึ่งที่อยากจะเตะเขาตกนํ้า!
เธอหัวเราะเย้ยหยัน “ที่แท้ท่านเจ้าวังมีงานอดิเรกคือแต่งตัวเป็นสตรีนี่เอง การแสดงของท่านเจ้าวังก็ยอดเยี่ยมมาก เป็นซีจิ่วมองพลาดไปเอง”
“เจ้ามองพลาดไปจริงๆ นั่นแหละ แต่ข้าไม่ได้แต่งเป็นสตรีนะ เพียงแต่ข้าเห็นว่าเจ้ามองพลาดไปแล้ว เกรงว่าเจ้าจะเสียหน้า จึงปล่อยเลยตามเลยเท่านั่น” ตี้ฝูอีดูทำท่าเหมือนเปิดเผยใจกว้างอีกครั้ง
กู้ซีจิ่วทึ่มทื่อไปแล้ว เขามีคุณธรรมแบบนี้ด้วยหรือ?
เชื่อเขาก็บ้าแล้ว!
คนผู้นี้แค่ว่างจนเบื่อเลยถือโอกาสปั่นหัวผู้อื่นเล่นเท่านั้น
กู้ซีจิ่วหวนนึกถึงตอนที่พบกันในบ่อน้ำร้อนครานั้นอีกครั้ง นึกถึงรูปลักษณ์ของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายในยามนั้นอย่างหนัก ยอมรับว่า ตนเชื่อในสิ่งแรกที่มองเห็นจริงๆ
ยามนั้นเขาสวมเสื้อตัวในสีแดงเข้ม เสื้อตัวในนั้นหลวมโคร่งเป็นอย่างยิ่ง ไม่คล้ายชุดที่สตรีสวมใส่จริงๆ
เพียงแต่เขามีใบหน้างดงามล่มเมือง ยามอยู่ภายใต้แสงจันทร์ดั่งดอกบัวโผล่พ้นน้ำก็มิปาน ดังนั้นเธอจึงเข้าใจผิดว่าเขาเป็นสตรี หลังจากนั้นเขาก็ปล่อยเลยตามเลย…
ริมทะเลสาบค่อนข้างหนาวเย็น โดยเฉพาะเธอที่อยู่ในสภาพเปียกปอนไปทั้งตัว ลมทะเสสาบพัดโชยมา ทำเอาเธอหนาวสั่นขึ้นมาอีกครา เดิมทีร่างกายของเธอก็ขี้หนาว กลัวหนาวกลัวเย็นอยู่แล้ว ไม่ได้การแล้ว เธอจะต้องเปลี่ยนชุด!
“ท่านเจ้าวัง ข้าเปลี่ยนที่นี่ก็ได้” เธอยอมถอยให้ก่อน “แต่ขอรบกานให้ท่านหันหลังไปด้วย”
ตี้ฝูอีเพ่งพิศเธอแวบหนึ่ง ยิ้มเอื่อยๆ “เจ้าแน่ใจหรือว่ายังอยากเปลี่ยนชุดอยู่?”
เปียกโชกขนาดนี้ อยากเปลี่ยนแน่นอนอยู่แล้ว…
เอ๊ะ ไม่ใช่สิ!
กู้ซีจิ่วก้มมองตัวเองตามสัญชาตญาณ ชุดกระโปรงแห้งอย่างพอเหมาะ เธอลองลูบเส้นผมของตนดู แม้แต่เส้นผมก็แห้งแล้ว! แต่เป็นเพราะเคยแช่อยู่ในน้ำ ทำให้เส้นผมเธอยุ่งเหยิงอยู่บ้าง พันกันอยู่บนไหล่ สภาพค่อนช่างน่าเวทนา
ไม่ต้องถามเลย เป็นฝีมือของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ เขาสามารถทำให้เสื้อผ้าเธอแห้งได้โดยไร้สุ้มเสียง ทำให้เธอที่ตื่นตัวอยู่ตลอดไม่สังเกตเห็นเลยสักนิด…
เธอเงยหน้าขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “วิชาท่านเจ้าวังยอดเยี่ยมนัก!”
“พูดเกินไปแล้ว แค่วิชาธรรมดาๆ เท่านั้น” ตี้ฝูอีเพ่งพิศเธออีกครา สายตาหยุดอยู่ที่เส้นผมยุ่งเหยิงครู่หนึ่ง
“ข้าคิดว่าเจ้าควรจะหวีผมสักหน่อย” ในสายตาเขา ทรงผมของเด็กสาวผู้นี้ไม่ต่างอะไรกับรังนก เขามองแล้วอึดอัดยิ่งนัก
กู้ซีจิ่วกลับเหมือนจะไม่ใส่ใจ เธอแค่ทัดเส้นผมที่รุ่ยร่ายไว้หลังหู ไม่ให้มันบดบังสายตาตน “ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ ข้ารู้สึกว่าเช่นนี้ดีมากแล้ว”
พูดยังไม่ทันขาดคำ จู่ๆ ร่างกายก็ลอยไปข้างหลัง นั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งเสียงดังพลั่ก ร่างกายเธอแข็งค้างไปแวบหนึ่ง กำลังจะผุดลุกขึ้นมา มือข้างหนึ่งก็กดบ่าเธอไว้ “อย่าขยับ!”
ปลายนิ้วของเขาเหมือนอวลกลิ่นหอมสดชื่นไว้จางๆ กลิ่นหอมยิ่งนัก ทั้งยังทำให้ใจเต้นอย่างน่าประหลาด
เหมือนกับเขาคนนี้ มีกลิ่นหอมฟุ้งกระจายดั่งดอกกล้วยไม้ สูงส่งดั่งยอดเขาสูง เมื่อสูดกลิ่นเข้าไปจะมีเสน่ห์เย้ายวนเจืออยู่ในกลิ่นหอมสดชื่น ราวกับผสมดอกบัวและดอกฝิ่นเข้าด้วยกัน
กู้ซีจิ่วเคลิ้มไปเล็กน้อย หวีเล่มหนึ่งถูกส่งมาเบื้องหน้าเธอ ทั้งยังมีกระจกกลมบานหนึ่งส่งมาพร้อมกัน ตี้ฝูอีกล่าวเพียงคำเดียวว่า “หวี!”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ช่างจู้จี้จุกจิกเสียจริง!
เธอไม่อยากจะถกเถียงเรีองเล็กน้อยเช่นนี้กับเขา จึงรับหวีไปแล้ว หวีผมอย่างรวดเร็ว
เธอหวีผมเร็วมาก เมื่อหวีแล้วก็รวบเป็นทรงหางม้าสูง ใช้แค่ผ้าผืนหนึ่งผูกไว้ ไม่ได้ปักแม้แต่ปิ่น