Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 265

บทที่ 265

นั่นแย่กว่าสืบทายาทไม่ได้เสียอีก!

กู้ซีจิ่วก็ไม่เกรงใจ รับผ้าเช็ดหน้าไหมจากเขามาเช็ดใบหน้าเธอ เที่ยวไปเทียวมาอยู่ตั้งนาน ใบหน้าเล็กๆ จึงค่อนข้างมอมแมม เมื่อเช็ดแล้วผ้าเช็ดหน้าไหมสีขาวก็กลายเป็นสีเหลืองตุ่นๆ

กู้ซีจิ่วชะงักงัน

เธอมองตี้ฝูอีแวบหนึ่ง เขายืนอยู่ตรงนั้น สายตาตกอยู่ที่ผ้าเช็ดหน้าในมือเธอ ดวงตาคล้ายมีแววขบขัน

กู้ซีจิ่วหน้าแดงเล็กน้อย ท่าทางน่าอดสูทั้งหมดของเธอถูกเขาเห็นหมดแล้ว…

เหมือนจู่ๆ เธอจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “เอ๊ะ ท่านลุกขึ้นมาได้ยังไง?! เพิ่งจะขับพิษออกต้องนั่งสมาธิอีกครึ่งชั่วยาม! มิฉะนั้นท่านจะ…”

“มิฉะนั้นจะอย่างไร? สืบทายาทไม่ได้รึ?” ตี้ฝูอียิ้มมิเชิงยิ้ม

“ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น” กู้ซีจิ่วเอ่ยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม “อย่างมากก็ทำให้ท่านเป็นอัมพาตครึ่งตัวเท่านั้น!”

ตี้ฝูอีตะลึง นั่นแย่กว่าสืบทายาทไม่ได้เสียอีก!

กู้ซีจิ่วหยิบผ้าเช็ดหน้าไปซักที่ลำธารด้านข้าง

ตี้ฝูอีนั่งมองเธออยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง จากนั้นเอ่ยปากขึ้น “เหตุใดถึงย้อนกลับมาอีก?”

กู้ซีจิ่วตอบเสียงเรียบโดยไม่ได้หันกลับไป “เกรงว่าถ้าท่านสิ้นชีพอยู่ที่นั้น ข้าจะถูกบริวารของท่านล่าสังหาร…”

แววตาตี้ฝูอีไหววูบ กล่าวเรื่อยๆ ว่า “พวกเขาไม่รู้ว่าข้าอยู่กับเจ้า ข้าคิดว่าด้วยความสามารถของเจ้า รอจนข้าตายแล้วกำจัดศพ ทำลายหลักฐานคงไม่ยากเย็นกระมัง?”

กู้ซีจิ่วที่กำลังล้างมืออยู่ชะงักทันที ตอบกลับอย่างไร้อารมณ์ “ก็ใช่ ท่านช่วยเตือนสติข้า น่าเสียดายที่สายไปแล้ว! มิสู้ท่านใช้มีดเฉือนตัวเองอีกทีสิ ข้ารับรองว่าครั้งนี้จะไม่ช่วยท่าน จะอยู่ข้างๆ มองพิษ ท่านออกฤทธิ์ หลังจากเพลิดเพลินกับท่าทางของท่านตอนถูกพิษจนตายแล้ว ค่อยหาวิธีกำจัดศพทำลายหลักฐาน…”

เจ้าวายร้ายตัวน้อยผู้นี้ ปากคอเราะร้ายถึงเพียงนี้เชียว!

ตี้ฝูอีมิได้โกรธ เขากลับยิ้มออกมาด้วยซ้ำ “เด็กน้อย โชคดีที่เจ้าไม่หนีไป…เจ้าย้อนกลับมา ดียิ่งนัก! วิ่งเต้นนานถึงขนาดนี้ ต้องการพักสักหน่อยหรือไม่?”

อะไรเรียกว่าโชคดีที่ไม่หนีไป?

ความหมายของประโยคนี้คือโชคดีที่เธอไม่หนีไป ถ้าหนีไปจริงๆ เขาจะต้องตายแน่ใช่ไหม?

หรือแฝงความหมายอื่นไว้ด้วย?

ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าในประโยคนี้ของเขาแฝงความหมายที่ลึกลํ้ายิ่งเอาไว้?

ช่างเถอะ! วาจาของคนผู้นี้ทำให้ผู้อื่นคาดเดาไม่ได้อยู่ตลอด เธอไม่จำเป็นต้องนำคำพูดเขามาขบคิดอยู่รํ่าไป…

เธอเงยหน้ามองเขาโดยไม่ได้ตั้งใจแวบหนึ่ง หัวใจพลันสั่นไหวเล็กน้อย!

เมื่อครู่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอัญมณีทรงนัยน์ตาจิ้งจอกกลางหน้าผากเขาสกปรกหรือไม่ จึงมืดมนอับแสงลง ทว่ายามนี้กลับเปล่งแสงจางๆ ออกมาบ้างแล้ว

ถึงแม้แสงจะไม่เจิดจ้าแวววาวเหมือนก่อนหน้า แต่มองแล้วก็ไม่หม่นหมองถึงเพียงนั้นอีกต่อไป…

อัญมณีนี้ของเขาคงมิได้เปลี่ยนแสงไปตามสภาพดีร้ายของร่างกายเจ้าของหรอกกระมัง?

ฟังจากที่หยกนภาเล่า เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ได้รับบาดเจ็บอะไรมา พลังยุทธ์จึงถดถอยอย่างร้ายแรง ดังนั้นเขาถึงใช้คาถาทำความสะอาดทำให้เสื้อผ้าแห้งไม่ได้ ต่อกรกับอ๋าวอัสนีโลหิตพวกนั้นไม่ได้ และขจัดพิษให้ตนเองไม่ได้…

แต่กู้ซีจิ่วคิดจนหัวแทบแตกก็ยังคิดไม่ออกว่าเขาได้รับบาดเจ็บตอนไหน หรือเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสยามที่บุกเข้าไปในหุบเขาถามสวรรค์เพียงแต่ไม่แสดงอาการออกมาเท่านั้น?

บาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้แล้วยังต้องรีบพาเธอหนีออกมาอีก เขาช่างทุ่มเทต่อหน้าที่เป็นอย่างยิ่งจริงๆ!

ตี้ฝูอีเคาะก้อนหินข้างกายเบาๆ “ใจลอยอีกแล้วหรือ?”

กู้ซีจิ่วได้สติ ยิ้มบางๆ “ข้าใจลอยน่ะไม่เป็นอันใดหรอก ถ้าท่านใจลอยสิถึงอันตราย ข้าบอกแล้วว่าท่านต้องนั่งสมาธิขจัดพิษครึ่งชั่วยาม!”

“แต่ว่า…” สายตาตี้ฝูอีตกลงบนผลไม้สีแดงสุกใสเหล่านั้น “ข้าหิวแล้ว”

ที่แท้ท่านทูตผู้นี้ก็หิวเป็นด้วย! เธอยังนักว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จขั้นไม่กินไม่ดื่มแล้ว สามารถกินลมดื่มนํ้าค้างตรงๆ ได้!

เมื่อครู่เธอเด็ดมาหลายลูก ยามนี้จึงหยิบออกมายื่นให้เขาลูกหนึ่ง “ลูกนี้ให้ท่าน ก่อนหน้านี้ข้าล้างไปแล้ว”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!