บทที่ 266
อยากกินก็กิน ไม่อยากกินก็ไม่ต้องกิน! ไม่แตกต่างกับคนทั่วไป!
ตี้ฝูอีมองผลไม้แล้วมองเธอต่อ พริ้มตาลงเล็กน้อย “ปอกให้ที”
เรื่องมากเสียจริง!
กู้ซีจิ่วคร้านจะถกเถียงกับเขา จึงหยิบมีดปอกผลไม้โดยเฉพาะออกมาเพื่อปอกเปลือก…
สายตาตี้ฝูอีตกลงบนมือเธอ “เจ้าพกมีดมาไม่น้อย”
กู้ซีจิ่วหยักยิ้มน้อยๆ “แน่นอน! หรือท่านอยากให้ข้าใช้มีดพิษหลากสีเหมือนก่อนหน้านี้? ไม่ก็ให้ใช้มีดผ่าตัดที่เคยกรีดนิ้วท่าน?”
ตี้ฝูอีปิดปากฉับ มองดูเธอปอกผลไม้ไป
ฝีมือการปอกผลไม้ของเธอช่ำชองอย่างยิ่ง เปลือกผลไม้หมุนเป็นสายห้อยลู่ลงมา ความหนาเท่ากัน ดูน่ามองเหมือนบุปผา
“เจ้าปอกผลไม้ให้ผู้อื่นบ่อยหรือ?” กู้ซีจิ่วตอบรับแล้วปอกต่อไป ในฐานะนักฆ่า สิ่งที่จำเป็นที่สุดคือมือต้องแม่น การปอกผลไม้รวมถึงการแกะสลักดอกไม้จากหัวไชเท้าก็เป็นการฝึกฝีมืออย่างหนึ่ง ผลไม้ที่ทุกคนต้องปอกในยามนั้น สามารถนำมาเรียงแถวได้ยาวเหยียด บางครั้งแบ่งให้ทุกคนกิน บางครั้งก็นำมาเป็นเป้าโจมตี…
ดวงตาตี้ฝูอีสลัวลงแวบหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร
เมื่อกู้ซีจิ่วปอกเสร็จก็ส่งให้เขา “เอ้า เรียบร้อยแล้ว”
ผลไม้ที่เธอปอกรูปทรงงดงามยิ่ง เหมาะกับรสนิยมของตี้ฝูอี แต่ดูเหมือนเขายังไม่พอใจ “ผลไม้นี้สามัญเกินไป เจ้าปอกให้ผู้อื่นก็เป็นเช่นนี้กระมัง? ตอนนี้เจ้าปอกให้ข้า เจ้าต้องปอกให้แตกต่างกับคนทั่วไป”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก เธอโยนผลไม้ใส่อ้อมอกเขา “อยากกินก็กิน ไม่อยากกินก็ไม่ต้องกิน! ไม่แตกต่างกับคนทั่วไป!”
แค่กินผลไม้เขาก็ลีลาถึงเพียงนี้! กู้ซีจิ่วรู้สึกเห็นใจบรรดาบ่าวไพร่ในวังคํ้านภาอยู่บ้าง คอยรับใช้ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคงเหนื่อยกันมาก!
เธอกำลังจะหันกายกลับไปนั่ง ตี้ฝูอีก็ยกแขนเสื้อดึงเอาไว้ ออกแรงเล็กน้อย กู้ซีจิ่วก็ถูกเขากักไว้ในอ้อมอก!
เขาเสพติดการกอดคนหรืออย่างไร?!
ขณะที่กู้ซีจิ่วจะดิ้นรนให้หลุดจากเขา ผลไม้ลูกนั้นก็ถูกยัดใส่มือเธอ “อย่าลีลาเลย เจ้าหนีไม่พ้นหรอก คงสลักชื่อเป็นกระมัง? สลักชื่อข้าลงไปสิ!”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน
ครั้นมองดวงตาดำขลับคู่นั้นของเขาที่ปงบอกว่าไม่สลักชื่อก็ไม่ยอมเลิกรา กู้ซีจิ่วแทบจะพูดอะไรไม่ออก
“ช้าเห็นใจข้ารับใช้ของท่านยิ่ง” กู้ซีจิ่วรับผลไม้มาสลักชื่อพลางกล่าวไปด้วย
ตี้ฝูอีมองเธอแกะสลัก “พวกเขาโชคดีมาก ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเพียงใดที่อยากเป็นข้ารับใช้ของข้า สลักให้ดูดีหน่อย อักษรที่เจ้าเขียนนับว่างดงามเลย”
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว ยัดผลไม้ที่สลักชื่อเสร็จแล้วให้เขา “ท่านก็ปรับตัวหน่อยเถอะ ข้าไม่ใช่นักเขียนอักษร!”
ตี้ฝูอีรับผลไม้มา ใช้ปลายนิ้วหมุนชื่นชมอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นมันก็หายไป…
กู้ซีจิ่วถาม “…ท่านเก็บมันไปหรือ?”
คงไม่ใช่ว่าเขากลืนเข้าไปตรงๆ หรอกกระมัง!
ตี้ฝูอีมองเธอพลางกล่าวอย่างใสซื่อ “บนนั้นมีชื่อข้า เจ้าคงไม่คิดจะให้ข้ากัดตัวเองกระมัง?”
มุมปากกู้ซีจิ่วกระตุก เอาเถอะ แล้วแต่เขาแล้วกัน!
ถึงอย่างไรหน้าที่ที่ควรทำเธอก็ทำแล้ว…
เธอช่วยเหลือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจอมจู้จี้สุดความสามารถแล้ว เธอยุ่งวุ่นวายอยู่นานถึงเพียงนี้ ค่อนข้างเหน็ดเหนื่อยบ้างจริงๆ จึง นังลงบนหินเขียวข้างๆ แล้วนั่งสมาธิ คิดจะเข้าสู่ภวังค์
“เจ้านั่งสมาธิวิธีนี้ไม่ถูกต้อง เปลี่ยนซะ” ตี้ฝูอีที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้น
กู้ซีจิ่วไม่ได้พูดอะไร เนื่องจากไม่มีพลังวิญญาณ เธอจึงนั่งสมาธิด้วยวิธีฝึกกำลังภายในของชาติก่อนมาโดยตลอด รู้สึกว่าเหมาะสมกับร่างเล็กๆ นี้ที่สุด ดังนั้นจึงใช้อยู่เรื่อยมา
“ใช้วิธีปักษาลี้ลมสิ” ตี้ฝูอีกล่าวต่อ
กู้ซีจิ่วงุนงง นั่นเป็นวิธีนั่งสมาธิแบบไหนกัน?
“ไม่เคยเรียนหรือ? ข้านึกว่าเจ้าจะทำได้ทุกอย่างเสียอีก” ตี้ฝูอีเดินเข้ามา
“ช้าจะสอนให้เจ้า”
เขาจัดแจงมือเท้าของเธอด้วยตัวเองเล็กน้อย แล้วบอกวิธีหายใจที่สัมพันธ์กัน “ลองใช้วิธีนี้ดูสิ”