บทที่ 310
คนที่ข้าสนใจยังจะมีข้อบกพร่องอีกหรือ?
“มู่เหลย เจ้ากังวลมากไปแล้ว มีท่านเทพศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นี่ แม่นางน้อยผู้นั้นย่อมไม่เกิดเรื่องหรอก” อีกคนส่ายหน้า
“นี่ก็ใช่ นายท่านใส่ใจแม่นางน้อยยิ่ง…” มู่เหลยพยักหน้า
“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ขอรับ ท่านคิดเห็นอย่างไรกับท่าทีของนางในครั้งนี้?”มู่เฟิงถามอย่างไม่กลัวตาย
“คนที่ข้าสนใจยังจะมีข้อบกพร่องอีกหรือ?” เทพศักดิ์สิทธิ์ตอบอย่างเอื่อยเฉื่อย
เด็กหนุ่มทั้งสองนิ่งงัน
มู่เหลยเอ่ย “แม่นางน้อยผู้นี้แตกต่างจากผู้อื่นจริงๆ…”
มู่เฟิงเหยียดหยัน “หากนางมิแตกต่างจากผู้อื่น ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จะเสียเวลากับนางเช่นนี้หรือ? อีกทั้งกล่าวว่านางเป็นศิษย์ของตนเอง ย่อมต้องขัดเกลาให้ดี เมื่อถึงเวลาจะได้ไม่ทำให้ชื่อเสียงเทพศักดิ์สิทธิ์ตกต่ำ”
“พวกเจ้าว่างมากหรือ?” เทพศักดิ์สิทธิ์เอ่ยลอยๆ เพียงประโยคเดียวก็ทำให้สองคนนั้นหุบปากทันที! พวกเขามองเจ้านายตนด้วยความระมัดระวังยิ่ง เกรงว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้จุกจิกท่านนี้จะไม่พอใจแล้วฝึกฝนพวกเขาอีก
โชคดีที่คราวนี้ดูเหมือนเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่คิดจะเล่นงานพวกเขา นิ้วมือเขาเคาะลำต้นเบาๆ ไม่รู้ว่าคิดคำนวณอะไรอยู่
รอบข้างเงียบสงัดลง
“มู่เฟิง หลงซือเย่เป็นอย่างไรบ้าง?” จุ่ๆ เทพศักดิ์สิทธิ์ก็เอ่ยขึ้น
“เรียนท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ เขายังรับโทษอยู่ในแดนสุขาวดีขอรับ”
เทพศักดิ์สิทธิ์พยักหน้าน้อยๆ ไม่กล่าวอันใด
มู่เฟิงกับมู่เหลยสบตากันแวบหนึ่ง ต่างมองเห็นแววตาเห็นใจหลงซือเย่จากดวงตาของอีกฝ่าย
นามแดนสุขาวดีแสนไพเราะ ราวกับเป็นสถานที่เปี่ยมล้นด้วยเมตตาธรรมอะไรเช่นนั้น แท้จริงแล้วกลับเป็นสถานที่อันเลวร้าย
สภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ภายในย่ำแย่ยิ่งนัก ความเลวร้ายของมันมิใช่แห้งแล้งทุรกันดาร สิงสาราสัตว์ดุร้ายอากาศเป็นพิษอะไรพวกนั้น แต่สภาพแวดล้อมภายในจะแปรเปลี่ยนไปตามพลัง วิญญาณของผู้รับโทษ
ยกตัวอย่างเช่น หากผู้ที่มีธาตุนํ้ารับโทษอยู่ด้านใน ด้านในจะกลายเป็นแผ่นดินเหลืองแห้งแตกระแหงไปทั่วทุกแห่งหน
หลงซือเย่เป็นธาตุไม้ ด้านในจะเป็นเพลิงนรกโลกันตร์ เพลิงนั้นสามารถทำให้นํ้าในร่างกายมนุษย์แห้งเหือดได้ ท่อนไม้ชุ่มชื้นจะถูกเผาจนกลายเป็นตอตะโก…
ตามปกติแล้วเทพศักดิ์สิทธิ์ยังค่อนข้างมีเมตตา โดยเฉพาะกับสานุศิษย์สวรรค์ทั้งสี่ ถึงแม้จะเล่นงานพวกเขาให้บาดเจ็บอยู่บ่อยๆ แต่น้อยนักที่จะโยนพวกเขาเข้าไปรับโทษในนั้น
แต่หนนี้หลงซือเย่ไม่เพียงลักพาตัวกู้ซีจิ่วเท่านั้น ยังแทรกแซงการทดสอบความสามารถที่สวรรค์ประทานให้ด้วย จึงได้รับโทษทัณฑ์หนักหนาเช่นนี้ อยู่เหนือความคาดหมายของพวกมู่เฟิงจริงๆ
มู่เฟิงลังเลเล็กน้อย “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ขอรับ ข้าได้ยินว่าก่อนที่หลงซือเย่จะมารับโทษ เขตแดนพิทักษ์หุบเขาถูกคนทำลายจนเสียหายทั้งหุบเขาถามสวรรค์ เขาต้องสิ้นเปลืองพลังวิญญาณมหาศาลเพื่อซ่อมแซมเขตแดนนั้น ใช้เวลาแปดวันเต็มถึงจะซ่อมแซมสำเร็จ…”
“หืม? ดังนั้น?” เทพศักดิ์สิทธิ์หันสายตามาทางเขา
มู่เฟิงทำใจกล้า “เขาถูกขังอยู่ในแดนสุขาวดีเกือบหนึ่งเดือนแล้ว สมควรปล่อยเขาออกมาได้แล้วกระมังขอรับ?”
แววตาเทพศักดิ์สิทธิ์แข็งกร้าวเล็กน้อย นิ้วมือเคาะลำต้นข้างกายเบาๆ พลางครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวอย่างเฉยชา “เจ้าพูดถูก หนึ่งเดือนเป็นขีดจำกัดของการขังคนไว้ในแดนสุขาวดีจริงๆ เช่นนั้นก็ปล่อยเขาออกมา แล้วนำไปขังไว้ในหอธารนภา ให้เขาอยู่ในนั้นอีกสักหลายเดือน”
มู่เฟิงพูดไม่ออก
เด็กหนุ่มทั้งสองมองหนากันอย่างกระอักกระอ่วนอีกครั้ง หอธารนภาเป็นสถานที่ซึ่งอุดมไปด้วยพลังวิญญาณธาตุนํ้า นํ้าก่อเกิดไม้ สำหรับหลงซือเย่แล้วนับเป็นการฟื้นฟูร่างกาย
แต่การฟื้นฟูร่างกายอยู่ที่นี่ทุกข์ทรมานยิ่ง เนื่องจากด้านในคือแดนหิมะเยือกแข็ง หนาวเหน็บกว่าขั้วโลกเหนือเสียอีก
หลงซือเย่เพิ่งออกมาจากเพลิงนรกโลกันตร์ก็ต้องเข้าสู่แดนหิมะเยือกแข็งทันทีจะดีจริงหรือ?
เจ้าสำนักหลงผู้น่าสงสาร หนนี้โดนทั้งเหมันต์และโลกันตร์ในคราวเดียวจริงๆ!
เทพศักดิ์สิทธิ์เหลือบมองพวกเขาแวบหนึ่ง “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก?”
เด็กหนุ่มทั้งสองสะดุ้งโหยง ทราบว่าไม่มีหนหางเปลี่ยนแปลงความคิดของเทพศักดิ์สิทธิ์แล้ว จึงรีบตอบรับ แล้วหันหลังจากไปดุจพายุหมุน
[1] ส่งถ่านไฟกลางหิมะ หมายถึง ความช่วยเหลือที่มาถึงในยามคับขัน
[2] ห้องมหาเสนาบดีกว้างจนบรรจุเรือได้ หมายถึง ใจกว้างดั่งมหาสมุทร