บทที่ 339
ไม่นึกเลยว่าคิดจะสังหารพี่ชาย
สีหน้าเตาซิงหยางราบเรียบดุจผืนน้ำ ดวงตาคมปลาบดั่งใบดาบหยุดอยู่ที่ร่างกู้ซีจิ่ว “สตรีชั่วช้า! ไม่นึกเลยว่าคิดจะสังหารพี่ชาย!”
พลังบนร่างคนผู้นี้มหาศาลยิ่ง มีไอเยียบเย็นแผ่กระจายอยู่รอบกาย ทำให้อากาศโดยรอบราวกับถูกแช่แข็งไว้ สาวใช้อาวุโสเหล่านั้นพากันคุกเข่าลง…
องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวไม่รอให้กู้ซีจิ่วได้เอ่ยปากก็พูดขึ้นทันที “เหตุการณ์ทั้งหมดของเรื่องนี้เปิ่นกงเห็นอย่างแจ่มแจ้งชัดเจน อีกสักครู่ค่อยมาหารือเรื่องความยุติธรรมกัน…”
เขาประคองกู้ซีจิ่วขึ้นมา “ซีจิ่ว เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
เพลิงโทสะในทรวงกู้ซีจิ่วโหมซัดรุนแรง ทว่าเธอกลับแย้มยิ้ม “ไม่เป็นไรเพคะ องค์รัชทายาท ที่แท้พระองค์ก็มุงดูเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่นี่เอง!”
องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวเห็นนางพูดจาได้คล่องแคล่วไม่ติดขัด ถึงวางใจขึ้นมาหน่อย เอ่ยด้วยนํ้าเสียงอ่อนโยนว่า “ข้ามาเยี่ยมเจ้า นึกไม่ถึงว่าจะมีละครฉากใหญ่ให้ชมเช่นนี้” เขากล่าวไปพลางจับชีพจรของนางไปพลาง
ผู้ที่ฝึกวรยุทธ์ย่อมพอรู้วิชาแพทย์บ้าง อย่างน้อยก็รักษาอาการบาดเจ็บฟกช้ำได้คล่องแคล่วนัก ดังนั้นหากกู้ซีจิ่วได้รับบาดเจ็บภายในจริง เขาก็สามารถตรวจสอบออกมาได้
ค่อยยังชั่ว ถึงชีพจรกู้ซีจิ่วจะไม่นับว่าสงบ แต่ไม่น่ามีอะไรน่าเป็นห่วง
เตาชิงหยางที่อยู่ด้านนั้นก็ตรวจสอบอาการบาดเจ็บของกู้เทียนเฉาเช่นกัน หัวคิ้วขมวดแน่น
อาการบาดเจ็บของกู้เทียนเฉาสาหัสมาก ต้องรักษาอย่างเร่งด่วน…
กู้เซี่ยเทียนยืนอยู่ตรงกลาง ด้านหนึ่งก็บุตรชายเพียงคนเดียว อีกด้านหนึ่งก็บุตรสาวที่ได้รับความไม่เป็นธรรม…
ยามนั้นเขาไม่รู้ว่าควรจะดูแลฝ่ายไหนก่อนดี จึงกระแอมไอพลางกล่าว “เรื่องถูกผิดเหตุผลค่อยว่ากันทีหลัง ต้องรีบรักษาอาการบาดเจ็บของเด็กทั้งสองก่อน องค์รัชทายาท…”
องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “เรื่องถูกผิดทำให้แจ่มแจ้งกันในยามนี้ได้ แม่ทัพกู้ เปิ่นกงมีหลักฐานที่ชัดแจ้ง”
เมื่อกล่าวประโยคนี้ออกมา ทุกคนล้วนมองเขา
กระเรียนบันทึกเสียงตัวหนึ่งปรากฎกลางฝ่ามือองค์รัชทายาทหรงเจียหลัว ปลายนิ้วเขาชี้ตรงส่วนปากของกระเรียน บทสนทนาทั้งหมดยามที่กู้ซีจิ่วพบหน้าสองแม่ลูกคู่นี้เมื่อครู่แว่วออกมาจากปากกระเรียนตัวนั้น ไม่ตกหล่นเลยสักคำ!
ทุกคนเงียบงัน
เหลิ่งเซียงอวี้ที่เพิ่งตะกายลุกขึ้นมา เมื่อได้ฟังบทสนทนาที่บันทึกไว้ในกระเรียนบันทึกเสียงจบก็อ่อนแรงล้มลงไปอีกครั้ง…
เดิมทีนางคาดว่าคนอื่นคงไม่ทราบความเป็นจริง นางสามารถฉวยโอกาสกลับดำให้เป็นขาวได้ แต่ไม่นึกเลยว่า…
ในที่เกิดเหตุยังมีเนื้อบดก้อนนั้นอยู่ตรงนั้น เนื้อบดก้อนนั้นคือหลักฐานยืนยันว่าเมื่อครู่กู้เทียนเฉาลงมือกับน้องสาวอย่างอำมหิต!
องค์รัชทายาทหรงเจียหลัวมองไปทางกู้เซี่ยเทียน “แม่ทัพกู้ ทราบความจริงแล้วเจ้าจะว่าอย่างไร? หากว่าเปิ่นกงส่งมอบกระเรียนบันทึกเสียงตัวนี้ถึงมือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย…”
สีหน้ากู้เซี่ยเทียนซีดเซียว ด้วยวิธีการของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้เที่ยงธรรม เกรงว่ากู้เทียนเฉาและเหลิ่งเซียงอวี้คงต้องรับโทษทัณฑ์มหันต์!
เหลิ่งเซียงอวี้ยังไม่เท่าไหร่ แต่กู้เทียนเฉาบุตรชายคนนี้ของเขา…
สายตาเขาจ้องเหลิ่งเซียงอวี้เขม็ง! เป็นนังหญิงสารเลวผู้นี้คอยเสี้ยมอยู่ตรงกลางทั้งนั้น!
นางจะสงบเสงี่ยมบ้างไม่ได้หรืออย่างไร?! ต้องให้ครอบครัวพินาศใช่ไหมถึงจะพอใจ!
สตรีผู้นี้ก็คือตัวการก่อเรื่องทุกอย่างนี้ขึ้น!
ความโกรธแค้นชิงชังสุมอยู่เต็มอก! กู้เซี่ยเทียนยกมือขึ้น…ตวัดกระบี่ไป!
ยามศีรษะของเหลิ่งเซียงอวี้กลิ้งลงมา ทุกคนล้วนตกตะลึง!
กู้เทียนเฉาที่เดิมทีบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว บัดนี้ทั้งตกใจทั้งหวาดกลัวจนสลบไปทันที
สาวใช้อาวุโสคนอื่นๆ ตกใจจนตัวสั่นเหมือนจับไข้ พากันคุกเข่าลง
ดวงตาของกู้เซี่ยเทียนแดงก่ำดุจโลหิต คุกเข่าเสียงดังตึงไปทางองค์รัทายาทหรงเจียหลัว “องค์รัชทายาท เหลิ่งเซียงอวี้ด่าทอศิษย์เทพศักดิ์สิทธิ์ กระหม่อมจัดการนางด้วยมือตนแล้ว ดังนั้นเทียนเฉา…”
เขากัดฟันกล่าว “ถึงแม้เขาจะมีความผิด แต่ถึงอย่างไรก็มีเจตนาจะปกป้องมารดา ยังพอให้อภัยได้ แล้วเขาก็ได้รับบทเรียนพอสมควรแล้ว อีกอย่างเขาก็เป็นพี่ชายของจิ่วเอ๋อร์ มีสายเลือดเดียวกัน กระหม่อมอยากขอร้องให้พระองค์เห็นแก่คุณความดีอันน้อยนิดที่ผู้เฒ่าสู้รบเพื่ออาณาจักรมาครึ่งชีวิต ประทานอภัยให้เขาด้วยเถิดพะย่ะค่ะ อย่ายุ่งยากถึงท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเลย…”