Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 386

บทที่ 386

เธออยากร้องไห้ก็ร้องไม่ออก 1

ยามที่ท้องนภาเพิ่งจะเผยให้เห็นสีขาวพุงปลา กู้ซีจิ่วก็นั่งอยู่บนเรือของตี้ฝูอีเรียบร้อย เรือแล่นไปยังทิศตะวันออกอย่างเต็มกำลัง

บนเรือนอกจากสานุศิษย์ทั้งสี่ที่คอยพายเรือแล้ว ยังมีคนอีก 3 คน

ตี้ฝูอี กู้ซีจิ่ว อวิ๋นซิงหลัว

อวิ๋นซิงหลัวร่วมทางไปด้วยในฐานะสักขีพยาน

เรือลำนี้ของตี้ฝูอีไม่เล็ก แล้วเขายังวางโต๊ะเล็กตัวหนึ่งไว้บนเรือด้วย ขนมและผลไม้บนโต๊ะพรั่งพร้อมยิ่งนัก

ทั้งสามคนนั่งอยู่หน้าโต๊ะ

วันนี้ตี้ฝูอีปฏิบัติตัวสมฐานะทูตสวรรค์อย่างยิ่ง นั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้นไม่ค่อยพูดจา

กู้ซีจิ่วก็ไม่พูดมากเช่นกัน เธอนั่งอยู่ตรงข้ามเขา ใคร่ครวญแผนการขั้นต่อไปของตน

กลับเป็นอวิ๋นซิงหลัวที่พูดจาปราศรัยบ้างเป็นครั้งคราว และทำลายความเงียบสงบอันน่าประหลาดบนเรือ

เรือแล่นเร็วยิ่ง แต่บนเรือวางอาคมสกัดกั้นลมไว้ ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วที่นั่งอยู่บนเรือจึงไม่รู้สึกหนาว

จะต้องเข้าสู่ป่าทมิฬแล้ว ถ้าบอกว่าไม่กังวลเลยก็คงโกหก

ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นสถานที่ที่ทุกคนล้วนหน้าเปลี่ยนสีเมื่อได้ยินชื่อ ถึงเธอจะเตรียมตัวมาพร้อมแล้ว แต่ก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจะออกมาได้จริงๆ หรือไม่

เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อคืนกู้ซีจิ่วก็เหลือบมองตี้ฝูอีแวบหนึ่งอย่างอดไม่ได้

เขาก็กำลังมองเธออยู่เช่นกัน ดวงตาฉายแววครุ่นคิด นัยน์ตาเขาดำสนิท ทุกครั้งที่สบตาด้วยกู้ซีจิ่วจะรู้สึกเหมือนจมดิ่งเสมอ ด้วยเหตุนี้เธอจึงละสายตาแล้วมองไปทางอื่น

แววตาตี้ฝูอีมืดมัวเล็กน้อย กล่าวอย่างเฉื่อยชาว่า “เตรียมเสบียงหรือยัง?”

“เตรียมไว้นิดหน่อยแล้ว”

“เตรียมอะไรไว้บ้าง?” ตี้ฝูอีดูเหมือนจะสนใจนิดหน่อย

กู้ซีจิ่วไม่คาดคิดว่าเขาจะสนใจเรื่องนี้ นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยออกมาไม่กี่อย่าง “อาหารแห้งกับเกลือ”

ถึงเธอจะพกถุงเก็บของ แต่ถุงเก็บของเป็นเพียงระดับกลางเท่านั้น บรรจุข้าวของได้ไม่มากนัก เธอใส่กระโจมหนึ่งหลัง เสื้อผ้าไม่กี่ตัวและอาวุธ พื้นที่ด้านในก็แน่นเอี๊ยดแล้ว ในเมื่อพื้นที่มีจำกัด เธอจึง ต้องวางแผนการใช้สอย ข้าวของที่ไม่เกี่ยวข้องและไม่สำคัญพกไปไม่ได้ก็ไม่พก

ในมีป่าทมิฬมีสิงสาราสัตว์มากมาย ฝีมือล่าสัตว์ของเธอก็ไม่เลว เมื่อถึงเวลาค่อยล่าสัตว์มาย่างกินก็ได้ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องพกเสบียงไปมากมาย แค่พกเครื่องปรุงไปนิดหน่อยก็พอแล้ว

ตี้ฝูอีเดาแผนการของเธอออกทันที “เจ้าคิดว่าอยู่ที่นั่นเจ้าจะมีเวลาย่างสัตว์กินหรือ?”

กู้ซีจิ่วเงียบงัน เธอรู้ว่าสถานที่นั้นมีสัตว์ร้ายชุกชุมมากเป็นพิเศษ แต่หาสถานที่ที่มีสัตว์ร้ายน้อยหน่อย คงมีเวลาพอย่างกระต่ายสักตัวกระมัง?

ตี้ฝูอีมองเธอครู่หนึ่ง “เจ้ากับหรงเจียหลัวมีความสัมพันธ์ไม่เลวมิใช่หรือ? เขาเคยไปที่นั่นมาแล้วไม่ได้เล่าสภาพแวดล้อมของที่แห่งนั้นให้เจ้าฟังรึ? นี่เขาเป็นสหายอย่างไรกัน?!”

“เล่าสิ เล่ามากมายเลยด้วย” กู้ซีจิ่วปกป้องหรงเจียหลัวตามสัญชาตญาณ

“มากมายทว่าไร้ประโยชน่!” ตี้ฝูอีพูดจาไม่เกรงใจ

กู้ซีจิ่วไร้ซึ่งวาจาจะเอ่ย

“เจ้าเตรียมตัวครึ่งปีก็คือเตรียมสิ่งเหล่านี้หรือ?”นํ้าเสียงตี้ฝูอีค่อนข้างขัดใจ

กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก เหตุใดเธอรู้สึกว่าวันนี้ตี้ฝูอีคล้ายพูดจาโผงผางไร้เหตุผลกันนะ? มีนํ้าโหมากผิดปกติ!

แต่การติเตียนเช่นนี้กลับดูเหมือนห่วงใยกัน ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงไม่ถือสาเขา “ข้าคิดว่าเตรียมได้ครบครันแล้ว เสบียงอาหาร ยารักษาโรค ยาแก้พิษ…ที่ควรมีล้วนมีแล้ว เมื่อไปเจอสถานการณ์ด้านใน ค่อยว่ากันอีกที”

แม้แต่กระโจมและถุงนอนเธอก็เตรียมไว้หมดแล้ว ถึงขั้นเตรียมครีมกันแดดไว้แล้วด้วย ครบครันพอ!

ตี้ฝูอียื่นมือออกมา “ส่งถุงเก็บของของเจ้ามาให้ข้า!”

 

“ทำไม?” กู้ซีจิ่วกำถุงเก็บของของตนไว้ ไม่เต็มใจจะยื่นให้ ในนี้คือทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเธอ หากเขาไม่พอใจแล้วยึดของเธอไป เช่นนั้นเธออยากร้องไห้ก็ร้องไม่ออกแล้ว

……………………………

[1] เหลยเฟิง คือหนึ่งในทหารสังกัดกองทัพปลดแอกประชาชนของสาธารณรัฐประชาชนจีน เขาเป็นสัญลักษณ์ของการเสียสละ ทำดีโดยไม่หวังชื่อเสียงและผลประโยชน์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!