Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 396

บทที่ 396

เด็กน้อย ที่แท้เจ้าก็ชอบแบบนี้ 3

กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าวรยุทธ์ของตนรอบคอบรัดกุมพอแล้ว แต่เมื่อมาถึงยอดเขาที่สามถึงทราบว่าวรยุทธ์ของตนคือขยะ ใช้การไม่ได้เลย!

สัตว์ประหลาดที่นี่ชุกชุมจนทำให้คนหัวเสีย แถมทุกตัวยังดุเหมือนพยัคฆ์ร้ายคล้ายหมาป่า…

ไม่สิ หมาป่าและพยัคฆ์ธรรมดาไหนเลยจะร้ายกาจสู้สัตว์ประหลาด เหล่านี้ได้? ทุกตัวไม่เพียงแต่เคลื่อนไหวว่องไวปานสายฟ้าเท่านั้น ยังสร้างลมได้ พ่นพิษได้ บางชนิดก็พรางกายได้ด้วย!

หากเธอไม่มีวิชาเคลื่อนย้ายในพริบตา คาดว่าคงยืนหยัดได้ไม่ถึงแม้แต่ครึ่งชั่วยาม!

ในการหลบหนีเช่นนี้อย่าว่าแต่พักผ่อนเลย แม้แต่เวลาจะหอบหายใจยังไม่มีด้วยซ้ำ ชีวิตเธอไม่เคยต้องหนีหัวซุกหัวซุนเช่นนี้มาก่อนเลย!

มิน่าเล่าหรงเจียหลัวผู้มีพลังวิญญาณขั้นหกเพิ่งได้สัมผัสชายขอบของยอดเขาที่สามก็แหบจะสิ้นชีพแล้ว สถานที่แห่งนี้อันตรายสมคำร่ำลือจริงๆ!

การหลบหนีอยู่เรื่อยๆ เช่นนี้ทำให้เธอเหนื่อยล้ายิ่งนัก ตกดึกเธอจึงหาจุดที่มีสัตว์ประหลาดน้อยหน่อยเพื่อพักหายใจ

เมื่อก่อนกู้ซีจิ่วไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมต้องเรียกป่าทมิฬว่าป่าทมิฬ ตอนที่มองลงมาจากอากาศเธอรู้ลึกว่าสถานที่แห่งนี้มีสีสันงดงามตระการตายิ่งนัก ไม่มืดมนสักนิด แต่พอเข้าสู่ส่วนลึกของป่าทมิฬ เธอถึงเข้าใจว่ามืดมนที่ตรงไหน

ห้องฟ้าของที่นี่มืดมิดอยู่ตลอด!

ยามที่เธอร่อนลงสู่เนินหินลาดชันแห่งนั้น ยังเห็นอยู่ชัดๆ ว่าพระอาทิตย์ดวงใหญ่มาก ท้องนภาสีครามยิ่ง ปุยเมฆขาวกระจ่างนัก

แต่หลังจากเข้าสู่พณาไพร เธอถูกสัตว์ประหลาดไล่ล่าอยู่เนืองๆ จนต้องใช้วิชาเคลื่อนย้ายอยู่เจ็ดแปดครั้ง สุดท้ายแล้วพอแหงนหน้ามองท้องฟ้า จึงพบว่าพระอาทิตย์เอย นภาครามเอย เมฆขาวเอย ล้วนหายไปหมดแล้ว

สิ่งที่ลอดผ่านใบไม้สีครามใสลงมามิใช่แสงแดด แต่เป็นไอมืดทมิฬ เดิมทีเธอคิดจะจับทิศทางจากการมองตำแหน่งดวงอาทิตย์อีกครั้ง ผลคือล้มเหลว

เข็มทิศใช้การไม่ได้ ท้องฟ้าก็มองไม่เห็น สภาพแวดล้อมรอบข้างมองแล้วเหมือนกันไปหมด ต้นไม้ของที่นี่แข็งยิ่งกว่าเหล็ก ไม่ง่ายเลยกว่าเธอจะสบช่องจากการรับมือกับสัตว์ประหลาดแล้วตัดได้สัก ต้น ผลคือเส้นบอกอายุบนต้นไม้ต้นนั้นมิได้เป็นเป็นวงๆ เช่นปกติ! จึงไม่สามารถคาดคะเนทิศทางจากสิ่งนี้ได้เช่นกัน กู้ซีจิ่วใช้วิธีคาดคะเนทิศทางทั้งหมดที่เธอรู้ ผลคือไร้ประโยชน์ คนที่อยู่ด้านใน ไม่มีทางแยกแยะเหนือใต้ออกตกได้เลย เธอเลยคาดเดาไม่ได้ว่าทิศไหนถึงจะเป็นทิศทางลงจากเขา ย่อมงุ่นง่านอยู่ด้านในเหมือนแมลงวันไร้หัวก็มิปาน

เป็นเช่นนี้ก็ลงไปไม่ได้นะสิ!

เธอยืนอยู่บนต้นไม้ ถอนหายใจหนักๆ แล้วล้วงผลไม้ลูกหนึ่งออกมาจากถุงเก็บของ แทะกินอย่างเหี้ยมโหด เพ่งพินิจรอบด้านอย่างระแวดระวัง ในสมองใคร่ครวญหาแผนการหลบหนีออกไป

เธอหนีอยู่ครึ่งค่อนวัน, เดิมทีกระเพาะโหยหิวนัก ร่างก็เหน็ดเหนื่อยยิ่ง แต่หลังจากกินผลไม้เล็กๆ ลูกนั้นเข้าไป กระเพาะก็อิ่มหนำ ร่างกายมีเรี่ยวแรงขึ้นไม่น้อย

นี่คือผลไม้อะไรกัน?

เธอก้มหน้ามองแกนผลไม้ที่อยู่ในมือ ทว่านึกไม่ออก

หัวใจสั่นไหวแวบหนึ่ง

นี่คือผลไม้ที่ตี้ฝูอียัดเข้ามาเป็นการชดเชยที่ริบข้าวของเธอไปกองหนึ่ง…

ยามนั้นบนเรือของเขามีผลไม้และของว่างวางอยู่บนโต๊ะไม่น้อย แต่ละชิ้นประณีตงดงาม เธอไม่รู้จักเลยสักชนิด

ตอนนั้นยังมีเรื่องบางอย่างที่อยากรู้ แต่เขาไม่หือไม่อือ จะเธอหรืออวิ๋นซิงหลัวก็ไม่มีใครอยากไปตอแย

ต่อมาผลไม้และของว่างทั้งหมดก็เข้ามาอยู่ในถุงเก็บของเธอ กินพื้นที่ในนั้นไปกว่าครึ่ง…

ยามนั้นเธอยังคิดว่าเป็นการกลั่นแกล้งของเขา จู่ๆ ยามนี้ก็เข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว

ความจริงข้าวของที่เขาริบไปจากเธอล้วนเป็นสิ่งที่ใช้การในป่าทมิฬไม่ได้และเปลืองพื้นที่ยิ่งนัก ยกตัวอย่างเช่นกระโจมและถุงนอนเป็นต้น เนื่องจากในสถานที่อันตรายเช่นนี้ เธอย่อมไม่มีเวลากางกระโจมนอน!

อย่าว่าแต่นอนเลย จะงีบหลับก็ยังทำไม่ได้…

กระทั่งยามนี้ เธอเพิ่งจะขึ้นมาพักหายใจบนต้นไม้ได้ไม่ถึง 5 นาที สัตว์ประหลาดตัวหนึ่งที่หน้าตาเหมือนนกเค้าแมวทว่าตัวใหญ่กว่าถึง 8 เท่า หนำซ้ำยังมีเขี้ยวยาว ก็บินโฉบลงมาจากเหนือศีรษะเธออีก!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!