Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 470

บทที่ 470

ตรวจด้วยตนเอง 3

แท่นสูงมิได้เปิดโล่ง บนฟ้ามีกระจกใสชั้นหนึ่งครอบอยู่ ดุจโดมแก้วมหึมาที่ครอบทั้งตัวแท่นไว้

ขณะนี้เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเป็นยามเย็นย่ำ ด้านนอกดวงอาทิตย์กำลังจะตกดิน แสงสนธยาทาบทาท้องนภา

แต่ถ้ามองจากแท่นสูงขึ้นไปบนฟ้า กลับมองเห็นนภาครามเข้มที่คราคร่ำด้วยหมู่ดาว ดวงดาวมากมายเปล่งประกายอยู่เต็มฝืนฟ้า แต่ละดวงล้วนมีวงโคจรของตน

ตี้ฝูอียืนอยู่บนแท่นสูงแห่งนี้ เขาสวมเสื้อคลุมสีขาวนวลจันทร์ บนเสื้อคลุมมีอาคมทอแสงรางๆ ตามการเคลื่อนไหวของเขา เขาเงยหน้ามองดวงดาวบนท้องฟ้า ไม่ทราบว่ากำลังคิดอะไรอยู่

มองดูจากที่ไกลๆ เงาร่างของเขามีกลิ่นอายเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย

จู่ๆ สิ่งหนึ่งที่อยู่ตรงบั้นเอวก็เปล่งแสงวาบ หัวคิ้วเขาขยับโดยพลัน ก่อนจะหยิบกระจกเก่าแก่โบราณบานหนึ่งขึ้นมาจากเอว เคาะด้านบนเบาๆ

ในกระจกสะท้อนภาพสาวน้อยคนหนึ่ง เรือนผมสีดำของนางเคลียบ่า ขนตายาวเป็นแพ เครื่องหน้าพริ้มเพรา ดวงหน้ายังค่อนข้างอ่อนใสเยาว์วัย ดูๆ แล้วน่าจะอายุสิบสี่สิบห้าปี เป็นสาวน้อยวัยแรกรุ่น เป็นช่วงวัยบุปผาที่เพิ่งแย้มบาน

สาวน้อยคนนี้ก็คือกู้ซีจิ่ว!

เธอเอนกายพิงรถม้า หลับตาพริ้มคล้ายว่าหลับสนิท ไม่เคลื่อนไหว ดูเหมือนเธอจะค่อนข้างอ่อนล้า ใต้ตามีรอยคลํ้าจางๆ ปานแดงบนหน้าผากที่เดิมทีจางลงจนแทบจะหายไปก็เข้มขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปาก น้อยๆ สีอ่อนดุจกลีบบุปผาต้องพายุฝนจนซีดขาว

บางทีอาจเป็นเพราะในที่สุดก็ผ่อนคลายลงแล้ว สีหน้าเธอจึงสงบ เครื่องหน้าอ่อนละมุน เมื่อเธอหลับความเฉียบแหลมในยามตื่นตัวเหมือนจะลดน้อยลงไป ถึงขนาดที่ดูๆ ไปแล้วค่อนข้างอ่อนแอด้วยซ้ำ ทำให้ใจคนเกิดความสงสาร

ตี้ฝูอีมองดูเธอ แววตาสับสนว้าวุ่น สายตาเขาเคลื่อนไปตามร่างทีละชุ่น ประหนึ่งรังสีกวาดตรวจตราทั้งร่างเธอ…

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ละสายตากลับ แล้วจึงเคาะจุดหนึ่งบนกระจกโบราณบานนั้น เงาร่างกู้ซีจิ่วหายวับไป

เงาร่างทูตเจี่ยงซั่นปรากฎขึ้นมา

ทูตเจี่ยงซั่นกำลังบังคับรถม้า เงาร่างของเขาในกระจกจึงค่อนข้างสั่นไหว “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ร่างกายนางผิดปกติจริงๆ ใช่ไหมขอรับ? ยามที่ผู้น้อยรับบัญชาให้ไปถอนหมั้นที่โรงน้ำชาแห่งนั้นด้วยฐานะมู่เฟิง ก็พบว่ามือนางเยียบเย็นยิ่งนัก ไม่ค่อยมีสติ ราวกับฝืนอยู่ตลอดเวลา…”

“เจ้าสัมผัสมือนางหรือ?” นํ้าเสียงตี้ฝูอีเย็นยะเยือก

ทูตเจี่ยงซั่นพลันหนาวสะท้าน รีบอธิบาย “ผู้น้อยแตะโดนโดยบังเอิญ เป็นยามที่ส่งมอบหนังสือถอนหมั้น…”

ดวงตาตี้ฝูอีสาดแสงเล็กน้อย “นางลงนามอย่างง่ายดายเลยหรือ? ได้ถามอะไรบ้างหรือไม่?”

“ไม่ขอรับ นางไม่ถามอะไรเลย หลังจากผู้น้อยกล่าวเหตุผลชัดแจ้ง นางก็ลงนามทันที”

ตี้ฝูอีหลุบตาต่ำ ริมฝีปากยกขึ้นนิดๆ แย้มรอยยิ้มออกมา

ทูตเจี่ยงซั่นถูกรอยยิ้มของเขาทำให้สั่นเทิ้มอีกครั้ง จึงชะงักไป ก่อนกล่าวว่า “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ร่างกายของแม่นางผู้ผิดปกติจริงๆ ใช่ไหมขอรับ?”

“นางเคยถูกพิษ แต่ว่าแก้ไปแล้ว ยังมีไอพิษจำนวนหนึ่งตกด้างอยู่ในปอด ด้วยเหตุนี้สีหน้านางจึงหมองคล้ำ” ตี้ฝูอีกล่าวอาการของกู้ซีจิ่วออกมา

ในใจของทูตเจี่ยงซั่นเขียนคำว่าเลื่อมใสตัวใหญ่ๆ เอาไว้ ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ของเขาแข็งแกร่งที่สุด! วิชาก็ยอดเยี่ยม มองผ่านกระจกบานหนึ่งก็ดูอาการป่วยของผู้อื่นออกแล้ว ความสามารถเช่นนี้เกรงว่าหลงซือเย่ที่ถูกขนานนามว่าเป็นอันดับหนึ่งของทวีปซิงเยวี่ยก็ยังเทียบไม่ติด…

“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นนางต้องได้รับการรักษาหรือไม่?”

ตี้ฝูอีหลุบตาอยู่ครู่หนึ่ง ไม่พูดอะไรชั่วขณะ

ทูตเจี่ยงซั่นหรือมู่เฟิงก็ไม่กล้าเร่งรัดเขา ในที่สุดตี้ฝูอีก็เปิดปากเอ่ยอีกครั้ง “นำป้ายหยกวางไว้ในมือขวาของนาง”

“ขอรับ!” มู่เฟิงไม่กล้าชักช้า ดีดนิ้วเป๊าะ ป้ายหยกลอยขึ้นมาจากมือเขา มุดเข้าไปในรถม้า ตกลงไปในมือข้างหนึ่งของกู้ซีจิ่วอย่างแม่นยำ และถูกกู้ซีจิ่วที่อยู่ในห้วงฝันกุมไว้…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!