บทที่ 496
พบพานสหายเก่า
กู้ซีจิ่วใจเต้นแรงทันที จู่ๆ เธอก็นึกถึงความฝันบนรถม้าของตน คล้ายว่าจะเคยฝันว่าองค์ชายหรงเช่อสยบเพรียกวายุได้ กล่าวว่าจะนำมาส่งให้เธอ…
นึกไม่ถึงว่าฝันนี้จะกลายเป็นความจริง
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ชั่ววินาทีนั้น ฉากที่พบกับตี้ฝูอีในสระน้ำพุร้อนก็ผุดขึ้นมาในใจ อัตราการเต้นของหัวใจช้าลงทันที
นั่นก็คงไม่ใช่ความจริงด้วยกระมัง?!
ความคิดนี้เพิ่งจะผุดขึ้นมาก็ถูกเธอซัดกลับไปทันที!
นั่นเป็นแค่ความฝันชัดๆ…
การที่องค์ชายหรงเช่อมาส่งเพรียกวายุก็แค่บังเอิญคล้ายกับความฝันเท่านั้นเอง
ขณะที่เธอใจลอยอยู่ เพรียกวายุก็วิ่งเข้ามาแล้ว ใช้ศีรษะถูไถชายชุดเธออย่างสนิทสนม
กู้ซีจิ่วลูบหัวมันเล็กน้อย พลางทักทายองค์ชายหรงเช่อหลายประโยค “ต้องรบกวนองค์ชายแปดเดินทางมาส่งมันนับหมื่นลี้ ลำบากแล้วๆ”
เธอพูดแล้วยื่นขาละมั่งขาหนึ่งให้ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “มาเถิด ชิมฝีมือข้าหน่อย”
องค์ชายหรงเช่อรับขาละมั่งไป แล้วนั่งลงช้างกายเธอ “ซีจิ่ว กับข้าแล้วเจ้าไม่จำเป็นต้องเกรงใจอยู่ตลอด”
เขาพูดแล้วกัดขาละมั่งคำหนึ่ง “เดิมทีข้าก็เป็นคนลอยชายว่างงานอยู่แล้ว ไม่มีธุระอะไร มาส่งเพรียกวายุให้เจ้าเป็นความต้องการของข้าอยู่แล้ว ได้มาเยี่ยมชมสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์แห่งนี้ด้วยพอดี อีกทั้งยังได้ลิ้มรสสัตว์ที่ซีจิ่วย่างด้วยตัวเองอีก ข้าได้กำไรยิ่งนัก”
เขาล้วงนํ้าเต้าสุราลูกหนึ่งออกมาจากร่าง “ได้มาพบพานสหายเก่า เอาสักจอกหรือไม่?”
“เอา!” กู้ซีจิ่วก็ล้วงจอกสามใบออกมาด้วย มองเชียนหลงอวี่ที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง “เจ้าจะเอาด้วยไหม?”
เมื่อกี้นี้เชียนหลงอวี่ถูกทิ้งไว้ด้านข้าง จึงไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง นิสัยโอหังกลับมาอีก โก่งคอกล่าว “สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ไม่อนุญาตให้ศิษย์ดื่มสุรา เจ้าไม่รู้หรือ?”
แล้วปรายตามององค์ชายหรงเช่อแวบหนึ่ง นํ้าเสียงไม่เป็นมิตรยิ่ง “และไม่อนุญาตให้ญาติมาเยี่ยม! เจ้าเข้ามาได้อย่างไง?”
องค์ชายหรงเช่อยิ้มบางๆ “ข้ามิได้มาเยี่ยมญาติ ข้าแค่นำสัตว์พาหนะมาส่งให้ซีจิ่ว ส่วนเข้ามาได้อย่างไร เจ้าก็เห็นแล้วนี่ เข้ามาทางประตูไง”
“ที่คุณชายเช่นข้าจะกล่าวคือว่ายามเฝ้าประตูอนุญาตให้เจ้าเข้ามาได้อย่างไร?!” เชียนหลงอวี่ไม่ไว้หน้า
“คงจะรู้สึกเห็นใจข้าที่บุกป่าฝ่าดงหลายพันลี้เพื่อมาส่งสัตว์พาหนะกระมัง?” องค์ชายหรงเช่อยิ้มบางๆ
เชียนหลงอวี่พูดไม่ออก…
องค์ชายหรงเช่อเพ่งพิศเขาแวบหนึ่ง “ซีจิ่ว ผู้นี้คือ?”
“สหายร่วมสำนักที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน…อ่า บางทีเขาอาจจะไม่คิดว่าข้าเป็นสหายร่วมสำนักของเขา…”
ใบหน้าหล่อเหลาของเชียนหลงอวี่พลันแดงก่ำ กล่าวอย่างดุดัน “ในเมื่อเจ้าเข้าสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์แล้ว ก็ย่อมเป็นสหายร่วมสำนักของข้า!”
แล้วเขาก็มององค์ชายหรงเช่ออีกแวบหนึ่ง “ข้ามีนามว่าเชียนหลงอวี่ เจ้าล่ะมีนามว่าอะไร?”
องค์ชายหรงเช่อเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “10 ปีก่อนตระกูลเชียนได้ตรวจพบอัจฉริยะที่พบเห็นได้ยากผู้หนึ่ง อายุยังน้อยก็ถูกเจ้าสำนักเชียนเยวี่ยหรานวางตัวให้เป็นประมุขตระกูลเชียนในอนาคตอย่างเป็นการภายในแล้ว ถูกเจ้าสำนักเชียนเยวี่ยหรานรับไปอบรมเลี้ยงดูด้วยตัวเองที่สำนักเก้าดารา 2 ปี อัจฉริยะเยาว์วัยผู้นั้นใช่น้องชายหรือไม่?”
เชียนหลงอวี่ตะลึง กล่าวเสียงกระโชกโฮกฮาก “ที่แท้เจ้าก็ทราบชื่อเสียงเรียงนามของคุณชายเช่นข้าแล้ว พิรี้พิไรมานาน สรุปแล้วเจ้าคือใคร?”
องค์ชายหรงเช่อสะบัดพัด “หรงเช่อ”
“องค์ชายแปดหรงเช่อแห่งอาณาจักรเฟยซิง? หนึ่งในสี่ยอดคุณชายแห่งเมืองหลวง?”
องค์ชายหรงเช่อยิ้มน้อยๆ “ใช่แล้ว”
“เหอะ ได้พบหน้ามิสู้ได้ยินชื่อเสียง!” เชียนหลงอวี่ประดุจเม่นทิ่มแทงผู้ใดก็ตามที่จับต้อง
รอยยิ้มขององค์ชายหรงเช่อไม่แปรเปลี่ยน “สำหรับข้าการได้ยินชื่อเสียงของน้องชายมิสู้ได้พบหน้า”
วาจานี้คล้ายจะเป็นการชมเชย เชียนหลงอวี่จึงเชิดคางเล็กน้อย
“โอ้ หมายความว่าอย่างไร” เขาพูดพลางรอให้องค์ชายหรงเช่อชมอีกสองสามประโยค
องค์ชายหรงเช่อแย้มยิ้ม “พอข้าได้พบหน้าน้องชายถึงได้ทราบว่าเจ้ามิใคร่เหมือนเช่นที่ลือกัน”
กู้ซีจิ่วลอบสายหน้า อันที่จริงองค์ชายหรงเช่อกำลังโต้กลับอยู่ ความหมายของประโยคนี้ก็คือชื่อเสียงของเชียนหลงอวี่ไม่ตรงกับความจริง…