Chapter 59
หมู่บ้านร้าง
ธิดาสามก้มมองอสูรสุนัขแล้วยิ้มให้มัน นางลูบศีรษะมันสองสามทีแล้วมองหมู่บ้านเบื้องหน้า
อสูรสุนัขดีใจมากที่นางลูบศีรษะมัน มันกระดิกหางปับๆ
ธิดาสามมองหมู่บ้านแล้วก้าวเดินไปอย่างระมัดระวังตัว
อสูรสุนัขเดินตามไปติดๆ
จอมมารเดินตามไป เขาคอยระวังภัยเบื้องหลัง
ขณะที่เดินอยู่นั้น ทั้งสามรู้สึกว่าตกเป็นเป้าสายตาของคนในที่ลับ พวกเขาหันไปมองตากัน ต่างคนต่างเพิ่มความระมัดระวังเป็นเท่าตัว
พลัน! คนๆ หนึ่งก็วิ่งพุ่งมา “นายท่าน!”
ดาบเขี้ยวสิงห์ปรากฏขึ้น ปลายดาบจ่อหน้าคนที่พุ่งมาจนคนๆ นั้นหยุดชะงักกึก
“นายท่าน” บุรุษร่างเล็กเอานิ้วจิ้มปลายดาบพยายามผลักดาบให้เบนไป เขายิ้มแหยๆ “นายท่าน ท่านเก็บดาบก่อนได้ไหมขอรับ?”
จอมมารมองบุรุษผู้นั้น เขารู้สึกคุ้นหน้ามาก เขานึกๆ แล้วก็นึกออก “เจ้าคือแมงมุมในตอนนั้น!”
“แมงมุม?” ธิดาสามทวนคำอย่างงงๆ ปนสงสัย
บุรุษผู้นั้นมองบุรุษอีกคน เขาจ้องมองใบหน้าครู่หนึ่งแล้วก็นึกออก “อ้า! มารในตอนนั้นนั่นเอง นี่เจ้ายังตามเกาะแกะนายท่านของข้าอยู่อีกรึ!?”
บุรุษร่างเล็กก็คือชวี่จูนั่นเอง เขานั้นตามหานายท่านมาเนิ่นนานหลายปี เขาเดินทางตามหานายท่านไปทุกหนทุกแห่ง จนกระทั่งมาถึงหมู่บ้านร้างแห่งนี้ เขาจึงอาศัยที่นี่นอนพัก 1 วัน วางแผนว่าพรุ่งนี้ก็จะออกเดินทางไปที่อื่นแล้ว
“นายท่านขอรับ มีข้าอยู่ท่านไม่ต้องกลัวเจ้ามารผู้นี้แล้ว ข้าจะปกป้องท่านเองขอรับ” ชวี่จูพูดอย่างวางท่าทางอวดเก่ง หมายข่มมารผู้นี้อย่างไม่ชอบขี้หน้า
จอมมารมองภูตแมงมุมอย่างไม่ชอบขี้หน้าเช่นกัน เขาดีดปราณมารใส่ภูตแมงมุม
ธิดาสามทันเห็นปราณมารทางหางตา นางบังคับดาบเขี้ยวสิงห์ขวางปราณมารเอาไว้ ดาบเขี้ยวสิงห์ปะทะกับปราณมารส่งเสียงดัง เปรี๊ยะๆ
ชวี่จูสะดุ้งโหยง! เขารีบขยับไปเอาตัวขวางเบื้องหน้านายท่าน ปกป้องนายท่านไว้เบื้องหลังตัวเอง
ธิดาสามรู้สึกคล้ายจะเคยเห็นภาพเช่นนี้มาก่อน นางคิดๆ พลัน! นางก็รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมา “โอย…”
“นายท่าน! ท่านเป็นอะไรขอรับ!?” ชวี่จูตกใจ เขาหันหน้าไปมอง
จอมมารก็ตกใจเช่นกัน เขาเก็บปราณมารกลับมาแล้วยื่นมือไปจับแขนธิดาสิงห์ “ไป๋เมา เจ้าเป็นอะไร?”
“ปวดหัว…” ธิดาสามกัดฟันตอบ
“ท่านปวดหัว!” ชวี่จูตกใจ ทำอะไรไม่ถูก
จอมมารโอบธิดาสิงห์ไว้ในอ้อมกอด “ไป๋เมา ข้าจะช่วยเจ้าได้อย่างไร?”
จะพานางกลับวังก็ไกลเกินไป เขากลัวว่าจะไม่ทันกาล จะพานางกลับแดนสิงห์ก็ยิ่งไกลกว่า ครั้นจะพานางไปหาหมอในแดนมนุษย์ หมอแดนมนุษย์จะช่วยอะไรได้เล่า!
“มะ…ไม่ต้อง ระ…ร้อนรนไป ขะ…ข้านอน สะ…สักหน่อยก็ดีขึ้น” ธิดาสามกัดฟันบอก
จอมมารอุ้มนางขึ้นมาแล้วพานางเดินหาเตียงสะอาดสะอ้านให้นางได้นอน
“ทางนี้ๆ ตามข้ามาทางนี้” ชวี่จูรีบนำทางไปทันที
จอมมารเดินตามไป
อสูรสุนัขก็รีบตามไป
ชวี่จูเปิดประตูเรือนออกกว้าง ชี้ไปที่เตียงหลังหนึ่งในห้อง “ตรงนั้น”
จอมมารมองตาม เขาเห็นเตียงค่อนข้างสะอาดจึงเดินไปวางธิดาสิงห์ลงนอน
ชวี่จูยืนอยู่ข้างเตียงอย่างร้อนใจ เป็นห่วงเป็นใยนายท่านยิ่งนัก
ภาพบางภาพผุดขึ้นมาในศีรษะธิดาสาม นางนอนปวดศีรษะราวกับศีรษะจะแตกออกได้ นางข่มความเจ็บปวดเอาไว้ กัดฟันแน่นจนริมฝีปากซีดขาว ภาพที่ผุดขึ้นมานั้นนางเห็นชวี่จูยืนกางแขนอยู่เบื้องหน้านาง ภาพผุดขึ้นมาภาพแล้วภาพเล่า จนกระทั่งภาพสุดท้ายที่ชวี่จูติดตามนางเดินทางไปด้วยกัน แต่นางก็ไม่รู้ว่านางในภาพเหล่านั้นกำลังเดินทางไปที่ใด
อาการปวดศีรษะก็บรรเทาเบาบางลงไป ทำให้นางค่อยๆ ผล็อยหลับไป
จอมมารนั่งอยู่ข้างเตียง เฝ้ามองธิดาสิงห์อย่างเป็นห่วง
ชวี่จูก็ยืนเฝ้าอยู่ข้างเตียง ยืนไปยืนมาจนเมื่อยขา เขาจึงนั่งลงกับพื้นข้างเตียง เฝ้ามองนายท่านอย่างเป็นห่วง
อสูรสุนัขก็เฝ้าอยู่ข้างเตียงเช่นกัน มันมองเทพแมวขาวอย่างเป็นห่วงเป็นใยไม่แพ้ผู้อื่น
หนึ่งมาร หนึ่งภูต หนึ่งอสูร เฝ้าอยู่ข้างเตียง ไม่ยอมห่างไปไหนเลย สายตาของทั้งสามล้วนมองร่างบางบนเตียงเป็นตาเดียว
ธิดาสามลืมตาตื่นขึ้นมา นางเห็นจอมมารฟุบหลับอยู่ข้างเตียง ชวี่จูหลับอยู่ปลายเตียง เฮ้อหงเซ่อหมอบหลับอยู่ที่พื้นข้างเตียงระหว่างจอมมารกับชวี่จู เมื่อเห็นทั้งสามเฝ้านางไม่ห่างทำให้นางรู้สึกตื้นตันใจมาก นางขยับตัวลุกขึ้น
จอมมารสะดุ้งลืมตาตื่นทันที เขามองไป เห็นนางตื่นลุกขึ้นนั่ง “เจ้าตื่นแล้ว”
ชวี่จูสะดุ้งตื่น เขาเห็นนายท่านตื่นก็ดีใจมาก “นายท่าน ท่านตื่นแล้ว”
อสูรสุนัขตื่นขึ้นมา มันมองเทพแมวขาวแล้วกระดิกหางปับๆ อย่างดีใจมาก
ธิดาสามมองทั้งสามแล้วยิ้มให้พวกเขา “ขอบใจที่คอยดูแล”
“เจ้ายังปวดหัวไหม?” จอมมารถามอย่างเป็นห่วง
ธิดาสามส่ายหน้าแทนคำตอบ นางเบนสายตาไปมองชวี่จู “พบกันอีกแล้วนะชวี่จู”
“ฮือๆๆๆๆ นายท่าน—” ชวี่จูเบะปากร้องไห้ มันยื่นมือไปจับมือนายท่านไว้แน่น “นายท่าน ท่านอย่าทิ้งข้าไปอีกนะขอรับ ฮือๆๆๆ…”
“ไม่ทิ้งๆ ไม่ร้องนะๆ” ธิดาสามพยายามปลอบชวี่จู
อสูรสุนัขกลัวว่าเทพแมวขาวจะหลงลืมมัน มันรีบขยับไปเกาะข้างเตียง ส่งเสียงหงิงๆ แกว่งหางปับๆ
ธิดาสามยื่นมืออีกข้างไปลูบศีรษะอสูรสุนัขสองสามที
จอมมารคว้ามือข้างนั้นมากุมไว้
อสูรสุนัขหันไปมองจอมมาร มันแยกเขี้ยวใส่ “แฮ่—”
จอมมารมองอสูรสุนัขอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ ทำไม? อยากถูกตีอีกรึ?
“พวกเจ้านี่นะ ยังจะทะเลาะกันอีกรึ” ธิดาสามดุ
อสูรสุนัขรีบเก็บท่าทางดุร้ายไปทันที
จอมมารละสายตา หันไปมองธิดาสิงห์
ธิดาสามดึงมือออกจากการเกาะกุมของทั้งสอง แล้วขยับตัวลงจากเตียง
“ค่อยๆ นะ” จอมมารพยุงแขนอย่างเป็นห่วงเป็นใย
“นายท่านระวังขอรับ” ชวี่จูก็ช่วยพยุงแขนอีกข้าง
ธิดาสามดึงแขนออกจากมือของทั้งสอง “ไม่ต้องๆ ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว”
“ขอรับ” ชวี่จูหดมือกลับไป แต่สายตาคอยมองการเคลื่อนไหวของนายท่านตลอดเวลาอย่างคอยระแวดระวังกลัวว่านายท่านจะล้มลงไป
จอมมารก็คอยระวังอยู่อีกด้าน “ค่อยๆ นะ”
ธิดาสามลงยืนข้างเตียง นางมองไปรอบๆ ห้อง เห็นว่าที่นี่ค่อนข้างสะอาดดี นางเห็นฉากกั้นกับอ่างอาบน้ำ ทำให้นางรู้สึกอยากอาบน้ำขึ้นมา
ชวี่จูเห็นสายตานายท่านมองไปทางด้านหนึ่งของห้อง เขามองตาม แล้วหันกลับมามองนายท่าน “อา…เดี๋ยวข้าต้มน้ำให้ขอรับ”
เขาเคยรับใช้นายท่านมา จึงรู้ว่านายท่านรักสะอาดมาก ทุกๆ วัน หากสถานที่เอื้ออำนวย นายท่านมักจะอาบน้ำทุกวัน
“ต้มน้ำ?” จอมมารงุนงง
ชวี่จูรีบไล่ “เจ้าออกไปข้างนอกได้แล้ว นายท่านข้าจะอาบน้ำ เจ้ายังจะนั่งบื้อใบ้อยู่อีก”
ธิดาสามใช้สายตาไล่จอมมารกับอสูรสุนัข
อสูรสุนัขเห็นสายตาเช่นนั้น มันรีบลุกออกไปข้างนอกทันที
จอมมารยังคงนั่งเฉยไม่ขยับ
ชวี่จูจึงออกปากไล่อีกครั้ง “ยังไม่รีบไปอีก หรือเจ้าอยากจะอยู่ดูนายท่านข้าอาบน้ำ?”
จอมมารมองธิดาสิงห์ เห็นนางส่งสายตาไล่ เขาจึงลุกขึ้นเดินออกไป
ชวี่จูเดินตามไปแล้วปิดประตู จากนั้นเขาก็รีบเดินไปห้องครัวจัดแจงจุดไฟต้มน้ำ
จอมมารยืนอยู่หน้าห้อง เขามองบานประตูแล้วเดินไปนั่งรอที่ศาลาข้างบ้าน
อสูรสุนัขก็หมอบรออยู่แถวหน้าเรือน
ชวี่จูต้มน้ำเสร็จแล้วก็รีบยกไปเทใส่อ่าง
ธิดาสามมองดูชวี่จู นางไม่คิดว่าจะได้พบกันอีก จากความทรงจำที่หวนคืนมา นางก็จำไม่ได้แล้วว่าแยกกับชวี่จูตอนไหน
“นายท่านขอรับ น้ำร้อนเต็มอ่างแล้วขอรับ” ชวี่จูเดินไปรายงาน
ธิดาสามจึงหยุดความคิดทั้งมวลเอาไว้
ชวี่จูถือถังไม้เดินออกไปนอกห้องแล้วปิดประตูให้
ธิดาสามมองประตูที่ปิดสนิทดี นางเดินไปข้างอ่าง ถอดอาภรณ์ออกแล้วลงอาบน้ำ
ครั้นอาบน้ำเสร็จก็สวมอาภรณ์ใหม่แล้วเปิดประตูเดินออกไป
ชวี่จูเห็นนายท่านเดินออกมา เขารีบก้าวไปหา “นายท่านขอรับ ข้าทำกับข้าวไว้พร้อมแล้ว ท่านจะกินเลยไหมขอรับ?”
“อืม ขอบใจนะ” ธิดาสามพยักหน้า แล้วเดินไปที่โต๊ะหน้าเรือน นางมองโต๊ะที่เช็ดไว้สะอาดสะอ้าน คาดว่าคงเป็นฝีมือชวี่จูนั่นแหละที่เช็ดโต๊ะไว้ให้นาง นางนั่งลงไป
ชวี่จูรีบยกข้าว ยกกับข้าวไปให้นายท่าน
ธิดาสามมองอาหารบนโต๊ะที่มีแต่ผัดผัก ต้มจืดผัก ถั่วต้มคลุกเกลือ ดูเหมือนว่าชวี่จูจะจดจำได้ว่านางไม่กินเนื้อสัตว์
“กับข้าวเหล่านี้ข้าเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ร้อนๆ เลยนะขอรับ ท่านลองกินซิขอรับ” ชวี่จูยิ้ม ตามองนายท่านอย่างดีใจมาก
“อืม ขอบใจเจ้ามาก” ธิดาสามยิ้มให้ชวี่จูแล้วหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบผัดผักกิน
จอมมารเดินไปมองๆ กับข้าวบนโต๊ะแล้วเบ้หน้าเล็กน้อย จะให้เขากินแต่ผักเช่นนี้เขาขอไม่กินดีกว่า เขานั่งลงมองนางกินข้าว
ธิดาสามมองจอมมารแล้วกินข้าวต่อ
“อร่อยไหมขอรับ?” ชวี่จูถาม
“อร่อยดี” ธิดาสามพยักหน้า ยิ้มให้ชวี่จูอีกครั้ง
จอมมารมองชวี่จูอย่างไม่ค่อยพอใจนักที่ธิดาสิงห์ยิ้มให้ชวี่จู ก็รอยยิ้มของนางควรจะยิ้มให้เขาคนเดียวซิ
ชวี่จูเห็นจอมมารจ้องมองอย่างไม่พอใจ เขาทำไม่รู้ไม่ชี้ ยืนรับใช้อยู่ข้างกายนายท่าน
อสูรสุนัขก็ลุกไปนั่งใกล้ๆ เทพแมวขาว
ธิดาสามมองมันนิดหนึ่ง นางไม่คิดจะชวนมันกินด้วยหรอกนะ เพราะรู้ว่าถึงชวนมันก็ไม่กินหรอก มันนั้นชอบกินเนื้อเหมือนกับจอมมารนั่นแหละ อ่อ ต้องรวมชวี่จูเข้าไปด้วย มีนางคนเดียวนี่แหละที่กินผัก ผลไม้
จนกระทั่งนางกินเสร็จ ชวี่จูก็เก็บจานชามไปล้าง
ธิดาสามรอจนชวี่จูกลับมา นางจึงลุกขึ้นยืน บอกทุกคนว่า “พวกเราเดินทางต่อเถอะ”
“เดินทาง? นายท่านจะไปที่ใดหรือขอรับ?” ชวี่จูถาม
“แดนสิงห์” ธิดาสามตอบแล้วเดินไป
ชวี่จูรีบเดินตามไปทันที คราวนี้มันจะไม่ยอมแยกจากนายท่านอีกแล้ว
จอมมารรีบเดินตามไป เขาเดินเคียงข้างนางด้านขวา
อสูรสุนัขรีบตามไปเช่นกัน มันพุ่งไปเบียดภูตแมงมุมออกไป
ชวี่จูถูกเบียดจนหลุดจากตำแหน่งด้านซ้ายของนายท่าน เขามองอสูรสุนัขอย่างโมโหแล้วกลายร่างเป็นแมงมุม จากนั้นก็รีบไต่ขึ้นไปบนไหล่นายท่าน
ธิดาสามมองชวี่จูที่ขึ้นมาอยู่บนไหล่ นางมองแล้วก็ละสายตาไปมองทางเบื้องหน้า
ชวี่จูมองอสูรสุนัขอย่างเยาะเย้ย
อสูรสุนัขมองภูตแมงมุมอย่างไม่พอใจ
หนึ่งภูต หนึ่งอสูร จ้องหน้ามองตากันไปมาอย่างไม่ลงรอยกัน
ธิดาสามส่งเสียงดุ “พวกเจ้าจะติดตามข้าก็ทำตัวดีๆ หากทะเลาะกัน ก็ไม่ต้องติดตามข้าแล้ว”
“ขอรับ” ชวี่จูรับคำ เขาดึงสายตากลับไป
อสูรสุนัขก็ดึงสายตากลับ ไม่กล้าก่อเรื่องก่อราวให้เทพแมวขาวโกรธ