Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 555

บทที่ 555

ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เจ้าเล่ห์ยิ่งกว่า 2

เธอก็มองท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ทารกก่อกำเนิดมิสูญสลาย แสดงว่าสักวันหนึ่งเขาอาจยืมศพคืนวิญญาณใช่ไหมเจ้าคะ?”

เมื่อเอ่ยประโยคนี้ออกมา คนทั้งหลายล้วนมีสีหน้าระแวดระวังดั่งพบศัตรูตัวฉกาจ

คนผู้นี้ร้ายกาจและวิปริตถึงขนาดนี้ หากคืนวิญญาณสำเร็จ เช่นนั้นจะไม่เกิดเภทภัยขึ้นอีกครั้งหรอกหรือ?

หนนี้เป็นเพราะยอดฝีมือผู้ลํ้าเลิศของทวีปนี้บังเอิญรวมตัวห้อมล้อมอยู่ที่นี่พร้อมหน้าพอดี ถึงโค่นเขาลงได้ หากตอนที่เขาก่อกรรมทำชั่วทุกคนไม่ได้อยู่กันพร้อมหน้าเช่นนี้ ถูกเขาโจมตีสารพัด เกรงว่า เรื่องราวคงบานปลาย!

แน่นอน ขอเพียงทวีปนี้มีท่านเทพศักดิ์สิทธิ์อยู่ ทุกคนยังมีเสาหลักอยู่

“พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกเช่นนี้ ทารกก่อกำเนิดของเขามิสามารถยืมร่างคืนชีพได้ มันทำได้เพียงรวมตัวกันไปถือกำเนิดใหม่อีกครั้งเท่านั้น และถึงแม้เมื่อครู่ทารกก่อกำเนิดของเขาจะโชคดีหนีรอดไปได้ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บจากค่ายกลของเปิ่นจุน ในระยะพันปีนี้มันจะก่อเรืองไม่ได้ ถือกำเนิดใหม่ก็ไม่ได้เช่นกัน”

ทุกคนถึงได้โล่งอก

พันปี เป็นระยะเวลาที่ยาวนานเหลือเกิน พวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลกับเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในอีกพันปีข้างหน้า…

ผู้คนบนโลกใบนี้นอกเหนือจากท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ล้วนมิได้เป็นอมตะไม่แก่ไม่เฒ่า อย่างมากพอฝึกฝนถึงระดับที่แน่นอนแล้ว อายุก็ยืนยาวขึ้นเท่านั้น

เฉกเช่นกู่ฉานโม่ พลังวิญญาณของเขาจวนจะบรรลุขั้นเก้าแล้ว แต่อายุขัยทั่วไปก็อยู่ที่สี่ถึงห้าร้อยปีโดยประมาณ คนอื่นๆ ก็เช่นกัน

ดังนั้นเรื่องราวในอีกหนึ่งพันปีข้างหน้า ก็ไม่ใช่เรื่องที่คนยุคเขาควรจะเป็นกังวลจริงๆ อย่างมากพวกเขาก็แค่บันทึกเรื่องราวไว้ให้ชนรุ่นหลังอ่านก็พอแล้ว

ในที่สุดมือมืดที่บงการอยู่เบื้องหลังก็ถูกจับมาสำเร็จโทษได้แล้ว คนทั้งหลายล้วนโล่งอก

กู่ฉานโม่พาคนไปจัดการเรื่องราวต่อจากนี้ ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็พากู้ซีจิ่วกลับมาพบว่าองค์ชายหรงเช่อและอวิ๋นซิงหลัวล้วนได้สติขึ้นมาแล้วจริงๆ ขณะนี้หลงซือเย่กำลังรักษาให้พวกเขาอยู่

สองคนนี้ถูกคนควบคุมให้เร่งเร้าพลังยุทธ์ออกมามากว่ายามปกติถึงสิบเท่า พลังชีวิตย่อมบาดเจ็บสาหัส หนักหนากว่าการใช้วิชาพลีร่างทลายมารเสียอีก ไม่เพียงแต่กระอักโลหิตเรี่ยวแรงถดถอย เท่านั้น บัดนี้ยังเป็นอัมพาตอยู่ตรงนั้นแม้แต่ขยับก็ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ร่างกายเปื้อนดินโคลน ราวกับว่าแม้แต่หายใจก็ยังเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองเรี่ยวแรงยิ่งนัก

หากมิใช่ว่ามีหลงซือเย่คอยเฝ้าอยู่ที่นี่ ป้อนโอสถฟื้นฟูพลังวิญญาณจำนวนหนึ่งให้พวกเขา เกรงว่ายามนี้พวกเขาคงไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะลืมตาด้วยซ้ำ

พวกเขาทราบจากปากหลงซือเย่แล้วว่าคืนนี้ตน ‘ถูกคุณไสย’ กระทำเรื่องชั่วช้ายิ่งลงไป ทั้งสองคนจึงกระวนกระวายเป็นอันมาก เมื่อเห็นท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กลับมา ความกระวนกระวายนี้ก็ยิ่งทวี

ขึ้น

พากันเอ่ยขอรับโทษจากท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาขยับไม่ไหวกันจริงๆ ไม่เช่นนั้นเกรงว่าคงคุกเข่าโขกศีรษะไปแล้ว

ใบหน้าหล่อเหลาขององค์ชายหรงเช่อซีดเผือด เขามองไปที่กู้ซีจิ่ว ใบหน้าเปี่ยมด้วยความละอาย “ซีจิ่ว ขอภัยด้วย เกือบจะทำร้ายเจ้าเสียแล้ว…”

กู้ซีจิ่วส่ายศีรษะ “ท่านก็ถูกผู้อื่นควบคุมอยู่ เรื่องนี้ย่อมไม่โทษท่าน”

ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์พลันชี้นิ้วข้างหนึ่งออกมา แสงพร่างพราวสองสายพุ่งออกมาซึมเข้าสู่หน้าผากของคนทั้งสอง อ่านความทรงจำของพวกเขาทีละคน…

ในความทรงจำของอวิ๋นซิงหลัวเขามองเห็น ‘ตี้ฝูอี’ ปรากฏตัวขึ้น…

ส่วนในความทรงจำขององค์ชายหรงเช่อเขามองเห็นหรงฉู่ลักพาตัวกู้ซีจิ่วไป นั้นคือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงช่วยอวิ๋นซิงหลัวยื้อแย่งตัวคนอย่างไม่คิดชีวิต ในความทรงจำเขาเหตุผลที่ช่วยเหลืออวิ๋นซิงหลัว เป็นเพราะมองเห็นอวิ๋นซิงหลัวเป็นผู้วิเศษอันใดสักอย่าง และผู้วิเศษคนนี้ก็ช่วยเขาโจมตีหรงฉู่…

แสงพร่างพราวสลายไปจากปลายนิ้วท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ อวิ๋นซิงหลัวทราบว่าความทรงจำตนถูกอ่าน ในใจกระวนกระวายหนักกว่าเดิม แต่ก็ฝืนทำเป็นสงบนิ่ง คิดว่าตนเพียงแค่ถูกผู้อื่นควบคุมถึงได้ทำเช่นนั้น

ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ปรายตามองนางแวบหนึ่ง สายตานี้เย็นชาเหลือเกิน ทำให้อวิ๋นซิงหลัวสั่นสะท้านขึ้นมาทันที ก้มหน้าลงไป รู้สึกเพียงว่าสายตาของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์สามารถมองทะลุได้แม้แต่ผิวหนังและกระดูกทั้งหมดของนาง ทำให้นางไม่มีทางซ่อนเร้นอะไรได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!