บทที่ 556
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เจ้าเล่ห์ยิ่งกว่า 3
“อวิ๋นซิงหลัว ถึงแม้เจ้าจะถูกคนควบคุมถึงได้กระทำเรื่องเช่นนี้ แต่ถึงอย่างไรในใจเจ้าก็คิดร้ายต่อผู้อื่นอยู่ก่อนแล้ว ถึงได้ถูกผู้อื่นหลอกใช้ กู้ซีจิ่วคือศิษย์ของเปิ่นจุน เจ้าบังเกิดจิตคิดสังหารนางต่อให้ไม่ได้กร ะทำความผิดอันใดก็สมควรได้รับโทษทัณฑ์แล้ว!”
ร่างกายอวิ๋นซิงหลัวสั่นเทิ้ม ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มองนางครู่หนึ่ง กล่าวอย่างเฉยชา “เห็นแก่ที่เจ้าเป็นสานุศิษย์ของสวรรค์เบื้องบน จะละเว้นโทษตายให้เจ้า แต่ก็จำเป็นต้องลงโทษเพื่อให้เจ้าหลาบจำ หลังจากหายดีแล้วขอลงโทษให้เจ้าเข้าไปสำนักผิดในแดนทุรคาเป็นเวลาหนึ่งเดือน”
อวิ๋นซิงหลัวไม่ทราบว่าแดนทุรคาคืออะไร แต่ก็เดาได้ว่ามิใช่สถานที่ดีอันใด เมื่อเห็นสายตาของทูตเฉิงเอ้อที่มองนางอย่างเวทนา นางก็ทราบแล้วว่านั่นจะต้องเป็นสถานที่ทุกข์ยากลำบากอย่างยิ่งเป็นแน่…
แต่ดีชั่วอย่างไรก็ยังรักษาชีวิตไว้ได้ อวิ๋นซิงหลัวยังคงซาบซึ้งในพระคุณอย่างล้นเหลือ
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มองไปที่องค์ชายหรงเช่อ องค์ชายทรงเชือยิ้มขื่น “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ หรงเช่อมีความผิด ขอท่านเทพศักดิ์สิทธิ์โปรดลงโทษด้วยขอรับ”
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กล่าวอย่างเฉยชา “เจ้ารู้ตัวก็ดี! โทษของเจ้าก็คือไสหัวกลับอาณาจักรเฟยซิงไปเดี๋ยวนี้!”
องค์ชายหรงเช่อพูดอะไรไม่ออก
สีหน้ากู้ซีจิ่วแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย เรื่องครั้งนี้ทำให้องค์ชายหรงเช่อสูญเสียพลังยุทธ์ไปถึงสามในสี่ส่วน อีกทั้งสภาพของเขาในยามนี้แค่จะลุกก็ยังลุกไม่ขึ้นเลย เขาจะกลับไปได้อย่างไร? ต้องทราบก่อนว่าที่นี่อยู่ห่างไกลหลายพันลี้…
เธอไม่รู้ว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เห็นอะไรในความทรงจำขององค์ชายหรงเช่อ แต่องค์ชายหรงเช่อเป็นเพื่อนของเธอมาตลอด เธอมองเขาตกระกำลำบากโดยไม่ช่วยเหลือไม่ได้
เธอจึงคิดจะลองขอความเมตตาให้แก่องค์ชายหรงเช่อ “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เจ้าคะ องค์ชายแปดสูญเสียพลังยุทธ์ไปมาก ยามนี้เกรงว่าแม้แต่สัตว์พาหนะเขาก็คงปีนไม่ขึ้น มิสู้ให้…” ขณะที่กำลังจะกล่าวว่า ‘มิสู้ให้เขาพักสักวันแล้วค่อยจากไป’ กลับถูกท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ตัดบทด้วยวาจาเลื่อนลอยประโยคหนึ่ง “ต่อหน้าเปิ่นจุนมีที่ให้เจ้าสอดปากพูดหรือ?”
กู้ซีจิ่วตะลึง
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่มองเธออีก หันหลังจากไป เพียงพริบตาเดียวก็หายลับไป
ทูตทั้งสี่มองหน้ากันเหลอหลา ทูตส่างซั่นมองกู้ซีจิ่ว เกรงว่านางจะเก้อกระดาก จึงกระแอมไอพลางเอ่ย “แม่นางกู้ไม่จำเป็นต้องทุกข์ใจ แท้จริงแล้วท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เขา…”
“ข้าไม่ได้ทุกข์ใจ” กู้ซีจิ่วเงยหน้าขึ้นยิ้มน้อยๆ คล้ายไม่ใส่ใจ “เมื่อครู่เป็นข้าลํ้าเส้นเอง”
ฐานะของเธอกับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์แตกต่างกันลิบลับ เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาเธอไม่มีที่ให้สอดปากพูดจริงๆ เป็นเธอที่อารมณ์ร้อนไปชั่วขณะประกอบกับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ปฏิบัติต่อเธอไม่เลวนักมาโดยตลอด ทำให้เธอเข้าใจผิด คิดว่าเขาเป็นเหมือนปู่แท้ๆ สามารถพูดจาได้ตามสบาย สรุปแล้วเป็นเธอที่ประเมินฐานะตนเองในใจเขาผิดไป โดนตอกหน้าเช่นนี้ก็สมควรแล้ว
เธอกล่าวปลอบทูตทั้งสี่ “วางใจเถิด ภายหน้าเมื่ออยู่ต่อหน้าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ซีจิ่วจะระวังคำพูดของตนให้มากขึ้น”
ทูตทั้งสี่เงียบงัน เหตุใดพวกเขารู้สึกไม่วางใจยิ่งกว่าเดิมกันนะ?
เพียงแต่ยามนี้พวกเขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ ซ้ำยังมีภาระที่พวกเขาต้องไปจัดการอยู่
ทูตส่างซั่นมองรอยคลํ้าใต้ตาของกู้ซีจิ่ว กล่าวด้วยความเป็นห่วง “แม่นางกู้ ท่านก็กลับไปพักผ่อนเถิด อีกไม่กี่ชั่วยามฟ้าก็จะสางแล้ว ท่านไปนอนสักงีบก็ได้”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า เดินไปหยุดเบื้องหน้าองค์ชายหรงเช่อ ยื่นมือไปช่วยพยุงเขา “องค์ชายแปด ข้าจะไปส่งท่านลงเขา”
คำสั่งของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์คือให้องค์ชายหรงเช่อไสหัวลงเขาไปทันที คำสั่งนี้ไม่มีผู้ใดกล้าฝ่าฝืน ดังนั้นต่อให้ยามนี้องค์ชายหรงเช่อเป็นอัมพาตอยู่บนพื้น ก็ทำได้เพียงเดินไปทีละก้าวๆ เท่านั้น เส้นทางลงเขานั้นขรุขระอย่างยิ่ง ขนาดรถม้ายังผ่านไม่ได้ ถ้าเขาจะลงเขาก็ทำได้เพียงเดินหรือขี่ม้าลงไปเท่านั้น แต่ด้วยสภาพร่างกายในปัจจุบันทั้งสองวิธีนี้เขาล้วนทำไม่ได้
แผนของกู้ซีจิ่วคือพาเขาลงเขา เสาะหาจ้างวานครอบครัวที่มีรถม้า รอจนไปถึงเมืองเล็กๆ ที่อยู่ข้างหน้า ค่อยหารถม้าคันอื่นที่ดูเข้าท่ากว่าส่งเขากลับไป