Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 106

№ 106 นางอยู่ตรงนั้น?

“อืม เป็นเพื่อนคนหนึ่ง ข้าจะเข้าไปทักทายเสียหน่อย เจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้สักครู่นะ” เขากำชับบอกอย่างลนลาน เห็นคนผู้นั้นจะจากไป จึงรีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหา

เมื่อเฟิ่งชิงเกอเห็น ก็แปลกใจเล็กน้อย สายตาจับจ้องพินิจมองบนร่างชายหนุ่มผู้นั้น ดูไม่ออกเลยว่ามีตรงไหนที่โดดเด่น

ขณะที่กวนสีหลิ่นซื้อของเรียบร้อยและกำลังจะเตรียมตัวกลับ ก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังลอยมาข้างหู

“คุณชายท่านนี้”

มู่หรงอี้เซวียนเรียกไว้ มาถึงเบื้องหน้าเขา ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามผุดรอยยิ้มอ่อนโยน “วันนั้นจากกันที่หมู่บ้านป่าหิน นึกไม่ถึงว่าจะพบคุณชายอีกครั้งที่เมืองอวิ๋นเยวี่ยแห่งนี้”

กวนสีหลิ่นมองเขาอย่างไม่ค่อยเข้าใจนิดหน่อย “ท่านคือ?” จำคนคนนี้ไม่ได้โดยสิ้นเชิง

เห็นเขานึกไม่ออก มู่หรงอี้เซวียนยิ้มเจื่อนน้อยๆ แต่ยังกลับมาเป็นปกติได้ในทันที กล่าวว่า “ข้าแซ่มู่หรง ชื่ออี้เซวียน”

“มู่หรงอี้เซวียน?”

กวนสีหลิ่นตะลึงเล็กน้อย จากนั้นค่อยมองเขาอย่างประหลาดและตื่นเต้นใจ แม้แต่น้ำเสียงก็ยังยกสูงขึ้นน้อยๆ บางส่วน

“ท่านคือมู่หรงอี้เซวียน? ท่านอ๋องสามแห่งแคว้นแสงสุริยัน? อัจฉริยะในการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ผู้นั้นรึ?”

มู่หรงอี้เซวียน ชื่อนี้ในฐานะคนของตระกูลกวนแห่งเมืองอวิ๋นเยวี่ยเช่นเขาย่อมเคยได้ยินมาเป็นธรรมดา แต่กลับไม่เคยพบเจอกันมาก่อน รู้เพียงว่า คนผู้นี้ไม่เพียงเล่าลือว่าเก่งกาจยิ่งนัก หนำซ้ำยังเป็นอัจฉริยะในการฝึกฝนวิชาในหมู่คนรุ่นหลัง ผู้มีพรสวรรค์ดั่งฟ้าประทาน นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะได้พบเจอ

เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาก็ตื่นเต้นอยู่ในใจ “ท่านอ๋องสาม ข้าอยากพบท่านมานานแล้ว นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้จะเจอท่านบนถนนอย่างไม่คาดคิด ช่างมีวาสนาจริงๆ!”

ไม่รอให้เขาปริปาก ก็เอ่ยอีกว่า “ท่านรู้หรือไม่? ท่านเป็นเป้าหมายของข้ามาโดยตลอด เมื่อก่อนข้าคิดหมั่นเพียรฝึกฝนวิชา เพื่อโค่นล้มท่านในภายหลัง”

ตอนที่ฟังประโยคก่อนหน้านี้ รอยยิ้มมู่หรงอี้เซวียนก็ยิ่งลึกขึ้น กำลังจะเอ่ยปากถามว่าน้องสาวท่านมาด้วยหรือไม่? แต่หลังจากได้ยินประโยคที่ตามท้ายมา รอยยิ้มบนใบหน้ากลับแข็งทื่อน้อยๆ แอบคิดว่า ‘คนผู้นี้พูดจาไม่เกรงใจกันเลยจริงๆ’

แต่ว่า เขากลับไม่ถือสาหาความอะไร กล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้ายังไม่ถามชื่อเสียงเรียงนามคุณชายเลย?”

“ข้าชื่อกวนสีหลิ่น” เขารายงานชื่อตัวเองอย่างสุขใจนัก

“ที่แท้ก็เป็นคุณชายกวน ไม่ทราบว่าน้องสาวท่านมาด้วยกันกับคุณชายหรือไม่?” ตอนที่เดินเข้ามา ก็สังเกตเห็นว่าขนมที่เขาถือไว้ในมือมีหลายชุด หรือว่าจะซื้อให้น้องสาวคนนั้น? นางชอบกินของพวกนี้รึ?

“หืม?”

ได้ยินเขาเอ่ยถึงน้องสาวสุดที่รัก กวนสีหลิ่นจึงเก็บรอยยิ้มบนใบหน้าลง ถลึงมองเขาด้วยความระแวดระวัง “ท่านถามถึงน้องสาวข้าทำไมรึ? ท่านกับนางหาได้รู้จักกันไม่”

“เป็นเช่นนี้ ครั้งก่อนที่หมู่บ้านป่าหิน ข้าล่วงเกินน้องสาวท่านโดยไม่ตั้งใจ อยากหาโอกาสขอโทษนางมาโดยตลอด แต่ก็ไม่เคยได้เจอกันเลย” เจอกันแล้ว ครั้งนั้นในเวิ้งสวนท้อเห็นนางรางๆ ราวภูตพรายดอกไม้ หลังจากเขากลับมา ก็จิตใจเหม่อลอยตลอด หัวใจยิ่งดำดิ่งโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

ถึงขั้นว่า เวลาช่วงนี้ ก็เอาแต่นึกถึงความรู้สึกระหว่างเขากับชิงเกอ และคิดจะหาโอกาสเหมาะสมเพื่อบอกกล่าวคำพูดนี้กับนาง ทว่าก็หาโอกาสดีๆ ไม่ได้มาโดยตลอด

มือที่ถือชงโหยวปิ่งส่ายไปมา “ไม่ต้องหรอก น้องหญิงข้าใจกว้างมาก นางคงไม่ใส่ใจที่ท่านล่วงเกินอะไรไป” ไม่สนใจ นั่นเพราะท่านยังไม่ทันยุให้โกรธ หากทำให้โกรธแล้ว นางถึงจะไม่สนใจเรื่องใจกว้างใจแคบอะไรอีก

“อ๊ะ! นางยังรอชงโหยวปิ่งของข้าอยู่! อยู่คุยไม่ได้แล้ว ข้าไปก่อนนะ”

พอนึกถึงเรื่องของน้องสาวเขา เรื่องนอกเหนือจากนั้นถือเป็นเรื่องเล็กน้อย ตอนนี้จะทักทายเขาก็ไม่มีอารมณ์แล้ว ก่อนจะเร่งรีบวิ่งไปที่รถม้า ด้วยกลัวว่านางจะรอนาน

“คุณชายกวน…”

สายตามู่หรงอี้เซวียนมองตามทิศทางที่เขาวิ่งไป จับจ้องไปบนรถม้าที่จอดพักอยู่อีกด้าน หัวใจก็สั่นไหว

นางอยู่ด้านในรึ?

…………………………………….

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!