Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 122

№ 122 ท่านผู้เฒ่าเฟิ่ง!

เสียงสาวน้อยลอยเข้าหูเจ้าของร้านอย่างกะทันหัน ราวกับได้ยินเสียงจากสวรรค์ จึงมองไปทางต้นเสียงด้วยดวงตาลุกวาว

ผู้คนรอบด้านมองสาวน้อยที่เดินนวยนาดมาอย่างแปลกใจ เมื่อสายตาจับจ้องบนร่างนาง ดวงตาก็พากันเปล่งประกาย และแอบชื่นชมอยู่ในใจ

ช่างเป็นสาวน้อยที่ท่าทางโดดเด่นยิ่งนัก

แม้จะผูกผ้าคลุมหน้าไว้ทำให้มองไม่เห็นรูปโฉม แต่ท่วงท่าผ่องแผ้วสง่างามกลับทำให้ภาพเบื้องหน้าแสนสว่างไสว จึงต่างพากันเคลื่อนขยับตัวเปิดทางให้นางเดินมาด้านหน้า

“คุณหนู? ที่คุณหนูเพิ่งพูดเป็นเรื่องจริงหรือขอรับ? ท่านรู้จักผู้เฒ่านั่นรึ? ดีเหลือเกิน! รบกวนท่านรีบพาเขาไปโดยเร็วเถิด ข้าปล่อยเขาทำเสียเวลาหากินมาทั้งวันแล้ว” เจ้าของร้านเหมือนเห็นขอนไม้ลอยมาช่วยชีวิต จึงออกหน้าพูดพร่ำเสียยืดยาว

เฟิ่งจิ่วโยนก้อนเงินออกไป “นี่ค่าเหล้า” ถึงจะหันมองท่านผู้เฒ่าเฟิ่ง

ผู้เฒ่าเฟิ่งที่ยืนอยู่ตรงประตู ตั้งแต่เฟิ่งจิ่วเดินออกมา สองตาก็กลอกมองบนตัวนาง เวลานี้เห็นนางมองมา จึงคลี่ยิ้มออกอย่างอดไม่ได้ มุ่ยปากด้วยอารมณ์ที่มีความซุกซน สีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะเอ่ยถามอย่างสงสัยมากๆ “เสี่ยวเฟิ่งเอ๋อร์ ทำไมหลานหาปู่เจออีกแล้วล่ะ?”

เสี่ยวเฟิ่งเอ๋อร์ ทำไมหลานหาปู่เจออีกแล้วล่ะ…

เฟิ่งจิ่วตกใจเล็กน้อย ยืนอยู่ในนั้นมองท่าทางเขาที่มุ่ยปากหมดสนุกอย่างตกตะลึง เห็นบนใบหน้ามีความเบื่อหน่ายที่ถูกหาตัวเจอ แต่ในดวงตากลับยังมีความสุขสนุกสนานที่ไม่อาจปิดบังได้เอ่อล้นอยู่

คำพูดประโยคนี้อยู่ในหัวเพราะเขา หวนนึกถึงวัยเด็กของสองคนปู่หลานที่มักจะเล่นซ่อนหากันบ่อยๆ

ทุกครั้งที่โดนเจอตัว เขาจะเอ่ยถามอย่างสงสัยและหมดสนุกเช่นนี้ ‘เสี่ยวเฟิ่งเอ๋อร์ ทำไมหลานหาปู่เจออีกแล้วล่ะ?’

หัวใจหดหู่น้อยๆ รอบตาร้อนผ่าวหน่อยๆ ชั้นละอองน้ำที่ไม่อาจควบคุมได้เอ่อล้นขึ้นดวงตา สายตาเธอจึงพร่ามัว

เพราะเขาดูออกในแวบเดียว ซ้ำยังเรียกเธอว่าเสี่ยวเฟิ่งเอ๋อร์ มันช่างมีผลกระทบต่อหัวใจโดยไม่รู้ตัว

ปู่เธอขี้หลงขี้ลืมเป็นบางครั้งคราว

จะลืมว่าบ้านอยู่ที่ไหน? ลืมว่าตัวเองเป็นใคร? และลืมว่าลูกชายชื่ออะไร? แต่กลับไม่เคยลืมเธอแค่คนเดียว

เขามักบอกว่าเธอเป็นหงส์น้อยของบ้านตระกูลเฟิ่ง เป็นสมบัติล้ำค่าในมือ พวกเขาทั้งรัก เอ็นดู และห่วงใยเธอ ล้วนนำสิ่งของที่ดีที่สุดมาให้ เพื่อจะได้เห็นท่าทางร่าเริงเบิกบานของเธอ

เห็นรอบตานางมีน้ำตาคลอ ท่านผู้เฒ่าเฟิ่งก็ตกใจ จึงรีบเร่งออกหน้า “เสี่ยวเฟิ่งเอ๋อร์? หลานเป็นอะไรรึ? มีใครแกล้งหลานใช่หรือไม่? บอกปู่มา ปู่จะช่วยหลานกำราบมัน!” เพื่อแสดงออกว่าเขาจะลงแรงช่วย จึงกำหมัดขึ้นกวัดแกว่ง

เธอส่ายหน้า แล้วจูงมือพาเขาเดินออกจากฝูงชน ไปยังทิศทางจวนตระกูลเฟิ่ง

ระหว่างที่เดินอยู่ช้าๆ นางไม่พูดไม่จา ส่วนผู้เฒ่าเฟิ่งข้างกายก็ปล่อยให้จูงมือและเดินตามอย่างว่าง่าย หันมองอย่างระมัดระวังเป็นครั้งคราว ไม่รู้ว่าทำไมนางถึงร้องไห้?

“เสี่ยวเฟิ่งเอ๋อร์ หลานยังมีเงินอยู่หรือไม่?” เขาเอ่ยถามอย่างคุมเชิง

เฟิ่งจิ่วหยุดฝีเท้าลง มองไปหาเขา จากนั้นค่อยล้วงเงินก้อนหนึ่งให้

ผู้เฒ่าเฟิ่งรับไปอย่างระรื่น คลี่ปากแย้มยิ้ม “หลานรอปู่ตรงนี้สักครู่นะ อย่าวิ่งซนล่ะ” พูดพลางวิ่งเตาะแตะออกไป

ไม่นานนัก เขาก็วิ่งกลับมา นำสิ่งของในมือยื่นให้นางราวกับเป็นสมบัติ “นี่ ปู่ซื้อให้หลานนะ เป็นเม็ดบัวหวานที่หลานชอบกินที่สุด พอกินเม็ดบัวหวาน หลานก็ไม่ต้องร้องไห้อีกแล้วนะ”

เมื่อฟังคำพูดเขา และมองถุงเม็ดบัวหวานในมือ เธอก็ตื้นตันขึ้นเล็กน้อยในลำคอ หัวใจเหมือนถูกเติมเต็มด้วยอะไรบางอย่างที่อบอุ่น แต่กลับมีความเศร้าหมอง อยากจะเรียกท่านปู่ ทว่ากลับไม่กล้าเอ่ยปาก

………………………………

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!