Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 170

№ 170 โปรดถอดหน้ากาก!

เฟิ่งจิ่วตอบรับ เห็นว่าอิ่มพอสมควรแล้ว จึงวางตะเกียบลงเช็ดมุมปาก ถึงจะเดินไปหาเขา “ไปกันเถอะ!”

“เชิญขอรับ” ชายวัยกลางคนท่าทางมีสัมมาคารวะ เพราะรู้ว่าคนตรงหน้าต้องไม่ธรรมดาแน่นอน จึงไม่อาจละลาบละล้วงได้เป็นปกติ

หากบอกว่าเขาเป็นคนจากแคว้นเล็กระดับเก้า แต่ ครั้งแรกที่เห็นเรือบิน กลับไม่มีแม้แต่ความสงสัยและแปลกใจเลยสักนิด เหมือนเคยเห็นพาหนะบินเช่นนี้มาก่อน จึงไม่อาจทำให้เขาประหลาดใจมาแต่ไหนแต่ไร

หนำซ้ำ หลังจากมาถึงแคว้นเหินเวหานี้ ท่าทางสง่างามสงบนิ่งที่เขาแสดงออก ทำให้คนไม่กล้าดูหมิ่นและละเลยโดยสิ้นเชิง

ชายวัยกลางคนพาเฟิ่งจิ่วมาถึงห้องรับรองด้านหน้า หลังจากไปรายงานด้านใน ก็บอกกับเฟิ่งจิ่วว่า “ใต้เท้าภูตหมอ เชิญขอรับ”

เฟิ่งจิ่วสาวก้าวเดินเข้าไป แต่เหลิ่งซวงกลับถูกขวางอยู่ด้านนอก

ทุกคนในห้องรับรองใช้สายตาพินิจมองจับจ้องบนเรือนร่างสีแดงชั่วร้ายที่เดินเข้ามาอย่างไม่ปิดบัง นัยน์ตาพวกเขามีทั้งความดูถูกเหยียดหยาม และการสำรวจตรวจสอบ

ขณะที่พวกเขาพินิจมองมา สายตาเฟิ่งจิ่วก็มองผ่านทุกคนในห้องรับรอง สายมองตรงไปบนร่างคนผู้นั้นบนตำแหน่งที่นั่งอาวุโส

นั่นเป็นชายวัยกลางคนท่านหนึ่ง สวมชุดผ้าแพรสีดำนั่งตัวตรงตั้งสองขามั่นคง ทั่วร่างมีกลิ่นอายของผู้เหนือกว่ากระจายอยู่ และเวลานี้ สายตาที่เฉียบแหลมคู่นั้นก็กำลังพินิจมองจ้องเธอ

“ใต้เท้าเชิญนั่ง” ชายวัยกลางคนตรงตำแหน่งที่นั่งอาวุโสเอ่ยเสียงเข้ม ผายมือเป็นสัญญาณ ชี้ไปยังที่นั่งแรกที่ว่างอยู่ทางด้านซ้าย

เฟิ่งจิ่วยกริมฝีปากขึ้นยิ้ม เดินไปด้านหน้าอย่างไม่เกรงใจ มาถึงที่นั่งแรกด้านซ้ายมือนั้น หมุนตัวกำลังจะนั่งลง ก็มีแรงหนึ่งผลักเก้าอี้ออก

เห็นเช่นนี้ เธอเหลือบมองชายวัยกลางคนที่ด้านซ้ายล่างแวบหนึ่ง เห็นอีกฝ่ายเผยแววตายียวน ก็อดไม่ได้ที่จะผุดเผยรอยยิ้ม ฝ่ามือปล่อยพลังเร้นลับออกมา เก้าอี้ที่เดิมถูกผลักไปด้านหลัง จึงกลับมาตรงตำแหน่งเดิมในเวลาต่อมา และเธอก็นั่งลงอย่างใจเย็น

“พรึบ!”

เสียงเก้าอี้เสียดสีพื้นดังขึ้น ก็เห็นเก้าอี้ชายวัยกลางคนด้านซ้ายล่างเคลื่อนตามมา ตัวเขาทรุดนั่งลงบนพื้น พร้อมทั้งร้องอุทาน

“อ๊ะ!”

คนอื่นๆ เห็นท่าทาง ก็หลุดยิ้มออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ และไม่ลืมตาน้อยๆ

ชายวัยกลางคนเห็นเช่นนั้น สีหน้าแดงก่ำ พอลุกขึ้นมาก็ปรี่ไปหาเรื่องเฟิ่งจิ่วด้วยความอับอายเสียจนโกรธเคือง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร? ช่างอาจหาญนัก! ถึงกล้ามาล้อเล่นกับข้า!”

ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วที่นั่งเอนตัวอย่างเกียจคร้านก็เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “แม้ไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร แต่ก็เดาว่าเป็นคนของตลาดมืด บอกว่าแขกเข้ามา แล้วต้องทำยังไง? หรือนี่คือกิริยาท่าทางที่พวกท่านใช้ปฏิบัติต่อแขก?”

“เจ้า!”

“นักปรุงยาหลิน ที่ใต้เท้าภูตหมอพูดก็ถูก แขกเข้ามา จะเสียมารยาทไม่ได้”

ชายวัยกลางคนตรงที่นั่งอาวุโสเอ่ยขึ้น น้ำเสียงทุ้มต่ำช่างมีอำนาจ ทำให้นักปรุงยาหลินที่สีหน้าขุ่นข้องใจไม่กล้าปริปากอีก

เวลานี้ คนที่เหลือกลับเอ่ยปากว่า “ท่านประมุข เห็นเขายังสวมหน้ากากอยู่ ท่าทางไม่กล้าให้ใครเห็น ซ้ำก็ไม่รู้ที่มาอะไรเลย พวกเราจะเชื่อคนเช่นนี้ได้อย่างไรขอรับ?”

“จริงด้วยท่านประมุข ไม่ว่ายังไง ก็ไม่อาจฝากชื่อเสียงทั้งหมดของตลาดมืดแคว้นเหินเวหาปีนี้ไว้กับตัวคนผู้นี้ได้ ท่านดูท่าทางเฉื่อยชาของเขาสิขอรับ หนำซ้ำเดาว่าอายุคงยังไม่มาก คนเช่นนี้ จะรับผิดชอบงานใหญ่ได้เช่นไร?”

ชายวัยกลางคนตรงที่นั่งอาวุโสมองไปยังเฟิ่งจิ่ว สายตาจับจ้องบนหน้ากากที่มีดอกลำโพงเบ่งบานอยู่นั้น เอ่ยถามว่า “ไม่ทราบว่าใต้เท้าภูตหมอจะถอดหน้ากากออกมาเพื่อเผยใบหน้าแท้จริงแก่ทุกคนได้หรือไม่?”

……………………………

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!