Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 178

№ 178 แม้ติดปีกก็ยากจะบินหนี!

ทั้งสิบหกคนได้ยิน ก็โผพุ่งตัวออกไปด้านหลังทันที

เห็นเช่นนี้ นายท่านเหยียนลุกยืนขึ้น ขณะกำลังจะเดินไปด้านหลัง ฝีเท้าก็ชะงักลง ลูบๆ คาง จากนั้นค่อยหยิบหน้ากากครึ่งหน้าสีเงินจากในห้วงมิติขึ้นมาสวม ถึงจะสาวก้าวเดินไปด้านหลัง

เมื่อเขามาถึงด้านหลัง เห็นเพียงเงาร่างสีแดงบนหลังคากำลังรับมือกับลูกน้องเขาราวกับภูตผี ความเร็วที่พุ่งขยับถอยหลบ และการโจมตีอันร้อนแรง ทำให้ดวงตาเขาสั่นไหวเล็กน้อย

ตอนแรกบนยอดเขา อาศัยที่ภูตหมอไม่ทันระวังทำให้สลบจากด้านหลัง ทว่าตอนนี้อยู่ในท่าเตรียมพร้อม ลูกน้องผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานก็ไม่มีทางจับตัวไว้ได้ ไม่พูดไม่ได้ ว่ามันทำให้เขาต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่อีกครั้ง

น่าเสียดาย เมื่อตกอยู่ในมือเขา คิดจะหนี ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว

“ซี๊ด!”

คนชุดดำวรยุทธ์ระดับสร้างรากฐานถูกเฟิ่งจิ่วเตะเข้าทีหนึ่ง ร่างกายถอยหลังไปป้องกันอยู่หลายก้าว กุมหน้าอกที่ถูกถีบจนเจ็บแล้วลูบๆ ก่อนจะสบถด่าเสียงเบา

“บ้าเอ้ย! เจ้าเด็กนี่กินอะไรโตมาเนี่ย? แรงเท้าหนักขนาดนั้นเลยรึ?”

เฟิ่งจิ่วเก็บเท้าชกหมัดโจมตีออกไปหาคนชุดดำระดับสร้างรากฐานอีกคนที่เข้ามาใกล้ ยิ้มเยือกเย็น “แน่นอนว่าต้องกินนมแม่โตมาน่ะสิ!”

ฟังคำพูดนี้ นายท่านเหยียนที่ยืนมือไพล่หลังอยู่ด้านล่างก็ยกมุมปากขึ้นมุมโค้งที่ยากจะสังเกตเห็น ดวงตาลึกล้ำจับจ้องบนร่างชุดแดง สั่งการว่า “จับคนลงมา”

“ขอรับ!”

ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังที่มองอยู่ข้างๆ ขานรับทันที สองคนในนั้นโผตัวออกไป แรงกดดันทรงพลังปกคลุมไว้ พอลงมือ ก็จับตัวเฟิ่งจิ่วไว้ได้

“เจ้าพวกบ้า! ไม่เพียงหมาหมู่ ยังจะใช้กำลังรังแกคนอ่อนแออีก! ซี๊ด! อย่าบิดซิ! แขนข้า!”

เธอร้องอย่างเจ็บปวด เบิกดวงตาขึ้นด้วยความโกรธ นี่คือความแตกต่างของพละกำลัง ในโลกที่ผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่

ต่อให้พละกำลังเธอเรียกได้ว่าเป็นที่หนึ่งไม่เป็นสองรองใครในแคว้นเล็กระดับเก้าอย่างแสงสุริยัน แต่พอมาถึงแคว้นกลางระดับหก เผชิญหน้ากับเหล่าเซียนผู้แข็งแกร่ง ก็ยังอ่อนแอโดยสิ้นเชิง

ผจญกับศัตรูเก่งกาจเช่นนี้ เดิมทีเธอก็รู้ว่าหนีไม่พ้น แต่ยังคิดจะลองดู เป็นไปตามคาด ผลลัพธ์ที่ได้ลองคือสองแขนถูกพลิกบิดไว้

ซี๊ด! ทุกทีที่บิดแขนคนอื่นก็ไม่คิดว่าจะเจ็บ ทำไมพอตัวเองถูกคนพลิกบิดไว้ ถึงรู้สึกเหมือนกระดูกจวนจะแยกจากกันเสียแล้วเล่า?

“นายท่าน จับคนกลับมาแล้วขอรับ” ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังสองนายจับคนคุมตัวมาด้านหน้านายท่านเหยียน

เฟิ่งจิ่วเงยหน้า ถึงจะเห็นชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีดำลายเมฆหลบยืนมือไพล่หลังอยู่ตรงหน้า ถึงแม้อีกฝ่ายจะใช้หน้ากากสีเงินครึ่งหน้าปกปิดใบหน้าไว้ เผยให้เห็นเพียงริมฝีปากบางน่ามองใต้จมูกและคางเฉยชารูปทรงคมชัด แต่เรือนร่างสูงโปร่งกำยำ รูปร่างตั้งตรงแข็งแรง รวมถึงท่าทางบนร่าง ยังคงทำให้ดวงตาเธอเป็นประกาย

ทันใดนั้น จึงผิวปากออกมาราวกับคุณชายผู้ลากมากดี เอ่ยชมว่า “ช่างเป็นหนุ่มรูปงามที่ทรงเสน่ห์น่าเย้ายวนจริงๆ!”

เห็นเขาพบหน้านายท่านก็ทำตัวลามปามขึ้นมาต่อหน้าทุกคนด้วยความหยอกล้อ ผู้ฝึกตนชุดดำทั้งสิบหกคนก็ผงะไป เหลือบมองนายท่านอย่างรวดเร็ว แล้วเร่งรีบก้มหน้าลงปกปิดรอยยิ้มที่เอ่อล้นตรงมุมปากอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่

หนุ่มรูปงามทรงเสน่ห์น่าเย้ายวน? พูดถึงนายท่านพวกเขารึ?

เด็กน้อยนี่คงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วกระมัง

เมื่อนายท่านเหยียนได้ยินคำพูดเฟิ่งจิ่ว ก็เลิกคิ้วขึ้น มุมปากยกโค้งชั่วร้าย

“ทรงเสน่ห์? น่าเย้ายวนรึ? อาจจะใช่ ข้าถือว่านี่เป็นคำชมก็ได้”

แต่น้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยที่ทุ้มต่ำและมีแรงดึงดูดนั้น ไม่ว่าฟังเช่นไร ล้วนคล้ายจะเคลือบแฝงด้วยอันตรายถึงชีวิต

คำ คำชมรึ?

คนชุดดำสิบหกนายมองหน้ากันแวบหนึ่ง ผิวหนังตึงตัว ยิ่งก้มหัวต่ำลงอีก

……………………………

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!