Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 224

№ 224 ม้าอ้วนท้วนนัก!

ทว่า ผู้อาวุโสสองท่านที่เหลือก็ไม่เกรงใจกวนเหล่า ปริปากทิ้งคำพูดไว้เหมือนๆ กัน เพื่อให้คำมั่นสัญญา

เฟิ่งจิ่วเห็นเช่นนี้ก็ยิ้มๆ ประสานมือกล่าวว่า “น้อมรับความเอ็นดูจากท่านผู้อาวุโสทั้งหลาย คำพูดพวกท่านข้าน้อยจะจำเอาไว้ แต่เพราะมีธุระ จึงไม่อาจอยู่ที่นี่ได้นานนัก ท่านผู้อาวุโสทั้งสาม รองหัวหน้ากวน ข้าน้อยขอลาก่อน”

“ได้ๆๆ เจ้าไปเถอะ!” กวนเหล่าโบกๆ มือหรี่ดวงตาลงยิ้ม กลัวว่าหากเขาอยู่ที่นี่ต่อ ไม่รู้ว่าสามคนนั้นจะใช้กลอุบายอะไรมาแย่งตัว จึงให้เขาไปเสียก่อน

เห็นแบบนี้ เฟิ่งจิ่วก็ไม่อ้อมค้อม สับเท้าวิ่งจากไปทันที

จนกระทั่งเงาร่างสีแดงนั้นหายลับจากในสายตาพวกเขา หนึ่งในนั้นพลันตบหน้าขาร้องลั่น “อ๊ะ! พวกเจ้าดูสิ กลับลืมเรื่องสำคัญกันหมด! พวกเรายังไม่ทันถามให้ชัดเจนเลยว่าเขาเข้าป่าฝึกวิชาไปได้เช่นไรก็ปล่อยไปเสียแล้ว!”

ได้ยินคำพูดนี้ คนอื่นๆ ถึงจะนึกขึ้นมา ได้แต่ถอนใจที่พวกเขาต่างตกใจกับการบรรลุขั้นของหนุ่มน้อยชุดแดงผู้นั้น จึงลืมเลือนเรื่องนี้ ตอนนี้คนไปแล้ว จะถามอีกก็เปล่าประโยชน์

มีเพียงกวนเหล่าของสำนักศึกษาที่ลูบเคราจ้องมองยังทิศทางที่เฟิ่งจิ่วจากไปอย่างมีความนัย แอบคิดว่า ‘ทำไมรู้สึกเหมือนถูกหนุ่มน้อยนั่นหลอก? เขาจะมาเข้าสำนักศึกษาหมอกดาราพวกเขาจริงๆ ใช่หรือไม่?’

ส่วนอีกด้านหนึ่ง เฟิ่งจิ่วที่มาถึงถนนบนเขาถอนหายใจเบาๆ เผยรอยยิ้มกว้าง “โชคดีที่หนีเร็ว ไม่งั้นก็ไม่รู้ว่าจะถอนตัวออกมาได้ยังไงเลยจริงๆ!”

เธอมองไปตามถนนบนเขา คล้ายจะยาวไกลไม่มีที่สิ้นสุด เห็นเช่นนี้ ก็กระซิบอย่างอดไม่ได้ “พวกเซียนจะควบคุมกระบี่ได้ต้องบรรลุระดับสร้างรากฐาน พลังเร้นลับมีเพียงบรรพชนนักรบที่ควบคุมกระบี่ให้เหาะเหินได้ ร่างข้ามีทั้งพลังเร้นลับและพลังวิญญาณ ตอนนี้กลับทำไม่ได้แม้แต่ควบคุมกระบี่เหาะเหิน หากสามารถสร้างอาวุธเหาะเหินสักชิ้น คงใช้เดินทางได้บ้าง”

ด้วยเหตุนี้ เธอทำได้เพียงเดินหน้าต่อไปตลอดทาง บางครั้งก็แสดงฝีเท้าตามเมฆโผบินผ่านไป…

จนกระทั่ง มาเห็นภาพแปลกๆ บนถนนกลางเขาตรงหน้า

ม้าสีขาวที่อ้วนพีเสียจนเหมือนหมูกำลังก้าวเดินถอยหลังเชื่องช้า ชายหนุ่มชุดฟ้าที่นั่งขี่อยู่บนหลังม้าใช้สองขาหนีบท้องม้าไว้เป็นครั้งคราว คุมเชือกจูงม้าพลางโต้เถียงกับม้าตัวนั้น

“เหล่าไป๋ เดินไปข้างหน้าสิ! รอถึงหมู่บ้านข้างหน้า อย่างมากสุดข้าจะเตรียมอาหารมื้อใหญ่ไว้ให้เจ้าไม่ดีรึ?”

“ฮี้!”

ม้าตัวนั้นหันหัวพ่นลมหายใจออกมาจากจมูกสองครั้ง และเพราะมันหันหน้ามา เฟิ่งจิ่วที่กำลังเดินเข้ามาด้านหลังจึงเห็น ว่ามันไม่ใช่ม้าธรรมดา เพราะบนหัวมันมีสองเขาที่คล้ายกับต้นกล้าอ่อนงอกอยู่

“เหล่าไป๋ ข้าบอกเจ้าได้เลย หากไม่เชื่อฟังเช่นนี้ ข้าจะตีเจ้าแล้วนะ!”

ชายหนุ่มพูดขู่หน้าบึ้ง ดึงแส้เส้นบางจากข้างเอว ทำท่าจะสะบัดลง ทว่า เพียงวาดแส้ขึ้นส่งเสียงดังกลางอากาศ ยังไม่ทันแตะม้า ก็เห็นม้าตัวนั้นเตะขาหลัง สะบัดชายหนุ่มบนม้าลงมาเสียดื้อๆ

“อ๊ะ!”

ชายหนุ่มคิดจะหนีบท้องม้าไว้ด้วยความตื่นตระหนก กลับล้มลงบนพื้นเพราะแรงสะบัดอันแข็งแรงนั้น “ซี๊ด!”

“เหล่าไป๋! นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้าเหวี่ยงข้า? เจ้า เจ้ารอก่อนเถอะ! รอไปถึงในหมู่บ้าน ข้าจะขายเจ้าแน่!” ชาหนุ่มลุกขึ้นยืนโกรธปึงปัง เพียงรู้สึกว่าฝ่ามือถูกหินทรายครูดข่วน เสียจนแสบร้อนผ่าวๆ

เฟิ่งจิ่วเห็นภาพนี้ ก็ยิ้มอย่างอดไม่ได้ เดินไปด้านหน้า ตบบั้นท้ายม้า

“เป็นม้าที่อ้วนท้วนนัก ยังรู้จักเดินถอยหลังด้วย? น่าแปลกจริงๆ”

เมื่อชายหนุ่มเห็นเฟิ่งจิ่ว สะดุ้งตกใจเล็กน้อยสักพัก

“เจ้าเป็นใครกัน?” ดึงเชือกจูงม้าเอ่ยถามอย่างระแวดระวัง

ทว่าในเวลานี้เอง ม้าตัวนั้นกลับหันหัวไป ถลึงมองเฟิ่งจิ่วด้วยดวงตาเป็นประกาย พุ่งเข้าไปหาเฟิ่งจิ่ว แลบลิ้นออกจะมาเลียหน้า เธอตกใจเสียจนรีบร้อนถอยหลัง

“เจ้าบ้านี่! ลูบเจ้านิดหน่อยต้องลวนลามกลับเลยรึ!”

………………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!