№ 308 คลื่นใต้น้ำแห่งจิตสังหาร!
“ภายในหนึ่งเดือนต่อไปข้าจะไปเก็บตัวฝึกบำเพ็ญ เจ้าต้องคอยสังเกตสถานการณ์ในบ้านให้มากหน่อย หากเป็นเรื่องไม่สำคัญอย่าได้รบกวนข้า” เธอกำชับไว้ถึงจะเดินไปยังเรือนที่พำนักอยู่
หลังเหลิ่งซวงขานรับก็ไม่ได้ตามไป แต่เก็บกวาดข้าวของในเรือนยานี้พักหนึ่งถึงจะหันตัวจากไป
หลังเฟิ่งจิ่วที่กลับมาถึงเรือนอาบน้ำก็แวบตัวเข้าไปในห้วงมิติ
วรยุทธ์พลังเร้นลับเธอถึงแค่ระดับปรมาจารย์นักรบ จึงวางแผนว่าจะพัฒนาวรยุทธ์ถึงระดับยอดปรมาจารย์พลังเร้นลับขั้นสูงสุดภายในครึ่งเดือน พลังวิญญาณอันคละคลุ้งในห้วงมิตินี้จะช่วยเธอในการฝึกบำเพ็ญ ซ้ำยังมียาน้ำที่สามารถช่วยยกระดับพลังอยู่อีก
ยิ่งไปกว่านั้น เวลาสามวันด้านในเทียบเท่ากับหนึ่งวันด้านนอก ความแตกต่างของเวลาจะยิ่งเป็นข้อได้เปรียบในการฝึกบำเพ็ญ ด้วยเหตุนี้เธอจึงมั่นใจอย่างมากว่าจะสามารถบรรลุถึงระดับยอดปรมาจารย์พลังเร้นลับขั้นสูงสุดได้ภายในครึ่งเดือนนี้
เธอมองหงส์ไฟน้อยที่หลับสนิทยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาก่อนจะหาที่นั่งลงขัดสมาธิแล้วเริ่มฝึกบำเพ็ญ…
เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ทำให้คนต่างสงสัยที่ช่วงนี้จวนตระกูลเฟิ่งไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร และน้อยนักที่จะเห็นคุณหนูใหญ่ออกมาข้างนอก พอสอบถามถึงรู้ว่าที่แท้คุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิ่งไม่อยู่จวน ส่วนผู้เฒ่าเฟิ่งก็อยู่ในช่วงเก็บตัว
เดิมนึกว่าเรื่องราวจะสงบเงียบต่อไปเช่นนี้จนกว่าคุณหนูใหญ่จะกลับมา ผู้เฒ่าเฟิ่งออกจากการเก็บตัว หรือสมเด็จองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเหินเวหาคนนั้นมาเยือนด้วยตนเองถึงจะทำลายความสงบนี้ได้ กลับไม่คิดว่าจิตสังหารจะกำลังเอ่อล้นอยู่ภายใต้ความเงียบสงบเช่นนี้…
“เหล่าไป๋ พวกเราเดินสักรอบแล้วค่อยกลับจวนเถอะ! อาศัยที่ชิงเกอไม่อยู่บ้านข้าจะสั่งคนเพิ่มอาหารให้เจ้าเป็นยังไง?”
ระหว่างทางบนเขาเฟิ่งเซียวในชุดลำลองนั่งขี่อยู่บนหลังเหล่าไป๋กำลังพามันไปเดินรอบๆ นี่เป็นเรื่องที่หมู่นี้เขาต้องมาทำทุกวัน นั่นคือการช่วยลูกสาวฝึกเหล่าไป๋ให้ดีๆ เสียหน่อยเพื่อลดไขมันบนตัวมัน
“ฮี้!”
พอได้ยินว่าจะเพิ่มอาหารเหล่าไป๋ก็แสดงท่าทีดีอกดีใจผิดปกติ หางม้าล้วนกวัดแกว่งขึ้นมาแม้แต่สะโพกยังขยับส่ายตาม คล้ายกำลังบอกเขาว่า ‘ความคิดนี้ไม่เลวเลย มันชอบ’
“ฮ่าๆๆ! เอาล่ะ เจ้าอย่าดิ้นสิ ข้าจะได้ไม่ตกลงไป”
เฟิ่งเซียวหัวเราะร่า สองขากระทุ้งบริเวณท้องเหล่าไป๋พร้อมลูบๆ หัวมันบอกว่า “ที่จริงหลายวันที่ผ่านมานี้เจ้าก็แข็งแรงขึ้นไม่น้อย แต่ถึงเป็นเช่นนี้จะเกียจคร้านไม่ได้ ต้องรู้ไว้ว่าทุกเรื่องล้วนสำคัญที่ความพากเพียร”
“ฮี้!”
เหล่าไป๋พ่นลมสองทางออกจากจมูก กระทืบกีบม้าเดินนวยนายไปข้างหน้า
ทันใดนั้น ต้นไม้สองข้างทางภูเขาก็ขยับเองโดยไม่มีลม ใบไม้เขียวชอุ่มส่งเสียงซ่าๆ ทำให้เหล่าไป๋ที่เดิมเคยเดินไปข้างหน้าหยุดฝีเท้าลงมองไปรอบๆ ด้าน ส่งเสียงร้องหันตัวเดินกลับไป
เฟิ่งเซียวรู้สึกไม่ค่อยถูกต้องเช่นกัน ใบหน้าที่เคยมีความผ่อนคลายยามนี้เคร่งขรึมขึ้น แววตาดุดันกวาดมองรอบด้าน พูดเสียงเข้มว่า “สหายมาจากทางไหนกัน? ไม่มีอะไรอันตรายหรอกออกมาให้เห็นเถอะ”
พอเขาเปล่งเสียงไปรอบๆ ก็เงียบลง ราวกับว่าแม้แต่สายลมยังนิ่งเงียบตาม ทว่าเวลาต่อมาลูกศรคมดอกหนึ่งกลับยิงออกมาจากแมกไม้ที่อุดมสมบูรณ์พร้อมกับไอสังหารที่มีความโหดเหี้ยมมุ่งมายังเฟิ่งเซียวที่ขี่อยู่บนหลังเหล่าไป๋
“ฟิ้ว!”
ดวงตาพยัคฆ์ของเฟิ่งเซียวหรี่ลง ร่างกายแวบหลบลูกศรคมนั้นออกไปด้านหลัง ทว่าดอกที่สองที่สามกลับมาไล่เลี่ยกันพร้อมกับไอสังหารที่น่าสะพรึง
“ฟิ้ว! ฟิ้วๆ!”
“แกร๊ง! ชิ้ง!”
เฟิ่งเซียวหยิบดาบใหญ่ออกมาขวางไว้ทันที เมื่อคบดาบกับลูกศรคมชนกัน เพียงรู้สึกว่าแรงที่ผ่านเข้ามาจากบนลูกศรนั้นสะเทือนเสียจนขากรรไกรระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้เขาชาไปเล็กน้อย ขณะกำลังกวาดลูกศรลงลูกศรอีกดอกหนึ่งกลับยิ่งมาตรงแขนที่ถือดาบไว้…
………………………