№ 350 เยือนป่าเก้าหมอบอีกครั้ง!
แต่ถึงจะคุยกันเช่นนั้นเขากลับหาตัวนางในจวนไม่เจอ เมื่อเห็นเหลิ่งซวงเข้ามาจากด้านนอกจึงรีบร้อนเรียกนางมาถาม “เหลิ่งซวง แม่หนูเฟิ่งเล่า?”
“ท่านผู้เฒ่า นายท่านไปแล้วเจ้าค่ะ นางพาหลัวอวี่ไปด้วย”
“แม่หนูนี่ พาหลัวอวี่วิ่งไปป่าเก้าหมอบแค่คนเดียว หากพบอันตรายเข้าจะทำยังไง? ไม่ได้ ข้าต้องให้คนอื่นๆ ตามไปอารักขา” ผู้เฒ่ากระซิบอย่างกังวลใจ ก่อนจะหันตัวไปหาองครักษ์พวกนั้น
เดิมเหลิ่งซวงอยากเรียกเขาไว้ทว่าคิดๆ แล้วก็ล้มเลิกไป ตอนจะไปนายท่านสั่งให้องครักษ์พวกนั้นคอยเฝ้าจวนและอารักขาผู้นำตระกูล หากยังเชื่อฟังคำสั่งผู้เฒ่าภายใต้คำสั่งนายท่าน เดาว่าพวกเขาคงโดนเฉดหัวส่งแน่
ตอนที่ผู้เฒ่าหาอีกเจ็ดคนที่เหลือพบพวกเขากำลังนั่งอยู่ในศาลา เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาเพิ่งจะโดนเรียกไปด้วยกันแต่กลับมอบภารกิจที่แตกต่าง นึกถึงหลัวอวี่ที่ตามคุณหนูใหญ่ออกไปบนใบหน้าก็มีท่าทีแปลกใจ
“พวกเจ้าคิดว่าทำไมคุณหนูใหญ่ถึงพาแค่หลัวอวี่ไป?”
“ว่ากันด้วยพละกำลัง ในหมู่พวกเราหลัวอวี่อยู่แค่ระดับกลาง ทำไมถึงพาเขาออกไปกัน?”
ฟั่นหลินยิ้มๆ เอ่ยว่า “ในหมู่พวกเรามีเพียงหลัวอวี่ที่ยอมรับนางเป็นนาย ไม่พาเขาไปแล้วจะเป็นใครได้อีก?”
“แต่เราไม่ได้บอกว่าจะไม่ยอมรับนี่!”
“พวกเรากำลังพิจารณาอยู่ต่างหาก” อีกคนหนึ่งพูดขึ้นทั้งรอยยิ้ม ส่ายหน้า “ช่างเถอะ ในเมื่อให้พวกเราอยู่งั้นคอยเฝ้าไว้ดีๆ ก็พอ”
“ท่านผู้เฒ่ามาแล้ว” หนึ่งในพวกนั้นบอก พวกเขาจึงต่างลุกยืนขึ้น
“คารวะท่านผู้เฒ่า” ทั้งเจ็ดคนเรียกพร้อมคารวะด้วยความเคารพ
ผู้เฒ่าโบกๆ มือ เอ่ยว่า “พวกเจ้าเตรียมตัวซะ ต้องรีบตามไปโดยเร็ว แม่หนูเฟิ่งพาแค่หลัวอวี่ไปป่าเก้าหมอบข้าไม่วางใจเลย!”
ป่าเก้าหมอบ?
พวกเขามองหน้ากัน เพียงรู้ว่าคุณหนูใหญ่พาหลัวอวี่ออกไปกลับไม่รู้ว่าไปป่าเก้าหมอบ นั่นเป็นสถานที่อันตรายนางจะไปทำอะไรกัน?
ทว่าพวกเขาเพียงชะงักไปเล็กน้อยสักพักกลับไม่ขานรับ กล่าวอย่างขออภัย “ท่านผู้เฒ่า ขออภัยที่พวกเราไม่อาจฟังคำสั่ง”
ผู้เฒ่าตกใจ ถามว่า “เพราะเหตุใด?”
“ก่อนคุณหนูใหญ่จะไปได้สั่งพวกเราให้คอยเฝ้าจวนและอารักขาท่านผู้เฒ่ากับท่านผู้นำตระกูล ดังนั้นในขณะที่คุณหนูยังไม่กลับมาพวกเราจะออกไปโดยพลการไม่ได้ขอรับ”
ได้ยินคำพูดนี้ผู้เฒ่าก็นิ่งไป มองพวกเขาโดยไม่พูดอะไรอยู่พักหนึ่ง เวลานี้เขาจึงรู้เจตนาของแม่หนูเฟิ่ง นางอยากลองดูว่าองครักษ์พวกนี้จะปฏิบัติตามคำสั่งได้ถึงขั้นไหนกันแน่
เห็นเช่นนี้ก็ทำได้เพียงถอนหายใจ “งั้นก็ช่างมันเถอะ!” เขาคิดอยู่ว่าจะส่งคนอื่นนอกจากนี้ตามไปดีหรือไม่?
เหล่าองครักษ์ตระกูลเฟิ่งเหมือนจะมองความคิดเขาออก เพียงมองหน้ากันแวบหนึ่งแล้วให้สัญญาณฟั่นหลินเอ่ยปาก
“ท่านผู้เฒ่า”
ฟั่นหลินประสานมือคารวะ บอกว่า “อันที่จริงท่านผู้เฒ่าไม่ต้องเป็นห่วงความปลอดภัยของคุณหนูใหญ่หรอกขอรับ ตามความเข้าใจที่พวกเรามีต่อคุณหนูในช่วงนี้นางจะไม่ทำเรื่องที่ไม่มั่นใจว่าสำเร็จ ในเมื่อพาไปแค่หลัวอวี่งั้นต้องไม่มีอันตรายอะไรแน่ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้สิ่งที่นางไม่วางใจที่สุดก็คือความปลอดภัยภายในตระกูล”
ผู้เฒ่ามองพวกเขาพลันเผยรอยยิ้มออกมา “พวกเจ้าเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในหมู่องครักษ์ ได้ติดตามแม่หนูเฟิ่งถือเป็นความโชคดีของพวกเจ้าแล้ว”
เห็นพวกเขามีท่าทางสงสัยไม่เข้าใจเขาก็หัวเราะลั่นขึ้นมา “เรื่องนี้น่ะ! อีกหน่อยพวกเจ้าก็รู้เอง” พูดพลางโบกมือแล้วหมุนตัวจากไป
………………….