№ 404 ซ้อมเนี่ยเถิง
“ไม่เป็นไร พวกเขารู้จักความพอดี ไม่ทำร้ายถึงชีวิตหรอก” เธอยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ หลังดื่มอีกสองแก้วถึงจะไปยังเรือนด้านหน้าพร้อมกันกับกวนสีหลิ่น
เมื่อมาถึงตรงนั้น ร่างหนึ่งที่ศีรษะคลุมถุงกระสอบไว้กำลังโดนองครักษ์คุมตัวเข้ามา เห็นเฟิ่งจิ่วพวกเขาก็คารวะทันที “นายท่าน พวกเราจับมือสังหารที่ปีนกำแพงเข้ามาได้คนหนึ่งขอรับ”
“อ้อ? มีผู้บุกรุกมาจวนตระกูลเฟิ่งงั้นหรือ” มุมปากเธอยกขึ้นเล็กน้อย ส่งสัญญาณให้พวกเขาเอากระสอบออก
ฉีคังดึงกระสอบออกมา เผยให้เห็นชายหนุ่มที่โดนพวกเขาซ้อมเสียจนจมูกช้ำหน้าบวม สองสามคนที่เดิมทีคุมตัวชายหนุ่มต่างละมือกลับ ร่างนั้นจึงอ่อนเปลี้ยล้มลงบนพื้น เพียงเบิกตาที่ถูกชกบวมเป่งจ้องมองเฟิ่งจิ่ว แม้แต่พูดยังพูดไม่ออก
เพราะแสงสว่างที่เรือนหน้า ยามนี้ต่อให้ใบหน้าชายหนุ่มบนพื้นโดนชกจนบวมช้ำ กลับยังเห็นรูปลักษณ์เดิมได้เลาๆ รวมถึงชุดคลุมที่หรูหรานั่น
เมื่อสายตาเฟิ่งจิ่วประสานกับชายหนุ่มบนพื้น ก็อดแปลกใจไม่ได้ “เจ้านั่นเอง?” กล่าวจบ กลับหัวเราะขึ้นมาทันควัน “เหอะๆ นึกไม่ถึงเลยจริงๆ เจ้าโดนข้าวางยาถึงสองครั้ง ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ดีเท่าไหร่สินะ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าเฟิ่งจิ่วฉีกกว้างอย่างอดไม่อยู่ นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเป็นคนนี้ คนที่ติดกับในเงื้อมมือเธอครั้งก่อนกลับมาติดกับอีกครั้ง ยากนักที่เธอจะไม่หัวเราะ
ครั้งนั้นเธอคิดว่าคนคนนี้ไม่ธรรมดาแน่ เป็นไปตามคาด! ที่แท้ก็เป็นเนี่ยเถิงรัชทายาทแคว้นเหินเวหา มิน่าถึงมีบุคลิกท่าทางเช่นนั้น แต่เขาก็อวดดีเกินไปหน่อย กล้ามาจวนตระกูลเฟิ่งตัวคนเดียว สมควรแล้วที่โดนซ้อมหน้าบวมช้ำ
เนี่ยเถิงนอนอยู่บนพื้น ร่างกายไร้เรี่ยวแรงตอนนี้จึงขยับไม่ได้ นอนหงายอยู่เช่นนั้น ดวงตาสีดำสนิทจับจ้องสาวน้อยงดงามเบื้องหน้าที่แย้มยิ้มราวบุปผา พลันคิดว่าครั้งนี้โดนซ้อมจนล้มก็ไม่ได้ยอมรับยากถึงเพียงนั้น อย่างน้อยๆ ได้เห็นนางยิ้มเบิกบานเช่นนี้ รอยยิ้มแบบนี้ครั้งก่อนเขายังไม่เคยเห็นเลย
ยามนี้ เขาเพียงรู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นช่าง…งดงามยิ่ง
เดิมทีมีไฟโกรธสุมในอก ยามนี้เห็นรอยยิ้มนางแล้วก็หายเป็นปลิดทิ้ง ยิ่งพบหน้ายิ่งรู้สึกว่าสตรีคนนี้นี่แหละคือสิ่งที่เขาต้องการ!
“ข้าคือรัชทายาทแคว้นเหินเวหา นามเนี่ยเถิง”
สายตาเขามองแต่นาง พลางพูดประโยคนี้ออกไปโดยไม่รีบไม่ช้า เห็นใบหน้านางเผยความประหลาดใจ ในดวงตามีท่าทีเหลือเชื่อ มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย กำลังจะเอ่ย แต่เมื่อได้ยินคำพูดต่อมาของนางมุมปากกลับกระตุก คำที่เคยอยากบอกก็ติดอยู่ในลำคอ
“เจ้าบังอาจยิ่งนัก! ถึงกับกล้าแอบอ้างเป็นรัชทายาทเนี่ยเถิง? คนอื่นไม่รู้จักเจ้าแต่ข้ารู้จัก เจ้าคือคนบ้ากามที่ตามข้าอยู่ในเขตแคว้นเสงสุริยันครั้งก่อนไม่ใช่หรือ ไม่นึกเลยว่าครั้งนี้จะยิ่งกำเริบเสิบสานปีนกำแพงเข้ามาบ้านข้า”
อารมณ์บนใบหน้าเฟิ่งจิ่วเปลี่ยนจากแปลกใจเป็นเหลือเชื่อตามด้วยโกรธเคือง มือชี้เขาอย่างเกรี้ยวกราด จากนั้นยิ้มขึ้นทันใด
รอยยิ้มนั้นพิลึกอยู่บางส่วน ทำให้คนรู้สึกสั่นเทิ้มหวาดกลัว
“วิธีจัดการคนบ้ากามที่ดีที่สุดคืออะไรเจ้ารู้ไหม?” เธอโน้มตัวลงไป ดวงตางดงามโค้งยิ้ม สายตามองจากใบหน้าเขาลงไป ระหว่างที่สายตาหยุดอยู่ตรงกลางหว่างขาก็เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา
“คือทำลายต้นเหตุซะ”
เสียงหัวเราะเบาๆ ลอยเข้าหู สีหน้าเนี่ยเถิงดูไม่ได้ขึ้นมา แม้รู้ว่านางคงไม่กล้าทำเช่นนั้น แต่ฟังคำพูดแล้วนึกถึงนิสัยที่อยากทำอะไรก็ทำของนาง รู้สึกเพียงว่าบริเวณสองขามีลมหนาวพัดผ่าน ทำให้ร่างกายหดเกร็งขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
…………………….