№ 409 องครักษ์เต็มเมือง?
พวกเขารู้ว่าเฟิ่งชิงเกอคุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิ่งเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของแคว้นแสงสุริยัน ความงามของนางเป็นที่เลื่องลือ ข้อนี้พวกเขารู้กันนานแล้ว ก่อนหน้านี้ยังเคยเห็นนางปรากฏตัวบนถนน แต่ทำไมจู่ๆ พวกเขาถึงรู้สึกว่าคุณหนูใหญ่เฟิ่งคนนี้งามและน่าดึงดูดยิ่งกว่าเมื่อก่อนเล่า?
ความงามของนางแต่ก่อนอ่อนหวานมีเสน่ห์ดุจสายน้ำอ่อนโยน นุ่มนวลราวแสงจันทร์ ความงามยามนี้เปล่งประกายเช่นดวงอาทิตย์ร้อนแรง ทั้งแวววับจับตา ทำให้คนใจหวั่นไหว แววตากับรอยยิ้มล้วนเผยความเอื่อยเฉื่อยทรงเสน่ห์ กิริยาท่าทางยิ่งสง่างามไร้ใครเทียม…
แต่สตรีคนเดียวเช่นนาง เผชิญหน้ากับกองทหารรักษาพระองค์มากมายเพียงนี้ ไม่เกรงกลัวเลยหรือ?
นึกถึงตรงนี้ ผู้คนเก็บอารมณ์และมองไปที่นาง ในใจเป็นห่วงแทนนางขึ้นมารางๆ
สองผู้นำที่ทหารเป็นหัวหน้าเห็นนางออกมาจึงก้าวเข้าไป แววตาคมกริบจับจ้องบนใบหน้า เอ่ยปากบอกอย่างไม่ไว้หน้าว่า “คุณหนูใหญ่เฟิ่ง ข้ารับบัญชามา โปรดส่งตัวคนที่ทำร้ายองค์รัชทายาทแคว้นเหินเวหามาด้วย! ผู้ครองแคว้นมีคำสั่ง หากคุณหนูใหญ่เฟิ่งปกป้องผู้ทำผิด ให้พาไปรับโทษร่วมกัน!”
“ทำร้ายรัชทายาทแคว้นเหินเวหา? เรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมข้าไม่รู้เลย?” เฟิ่งจิ่วเลิกคิ้วมองสองผู้นำทหารที่เดินเข้ามา สีหน้าท่าทีหยอกล้อ
ได้ยินนางไม่ยอมรับ สีหน้าของสองผู้นำทหารจึงถมึงทึงขึ้นทันใด “คนที่พวกท่านส่งเข้าวังมาคืนนี้คือรัชทายาทแคว้นเหินเวหา! คุณหนูใหญ่เฟิ่งรีบส่งตัวคนมาดีกว่า มิเช่นนั้นอย่าหาว่าพวกข้าไม่เกรงใจ!”
“โอ้? พวกท่านจะไม่เกรงใจอย่างไร”
มุมปากเธอยกขึ้นเล็กน้อย มองพวกเขาด้วยแววตาเยียบเย็น “พาทหารรักษาพระองค์มาล้อมจวนข้ากลางค่ำกลางคืน คิดจะทำอะไร? ใครกันที่ให้อำนาจพวกเจ้า หากไม่บอกเหตุผลมา หึ! ข้าก็จะไม่ไว้หน้าพวกเจ้าแล้วจริงๆ!”
“บอกมา! ใครให้อำนาจพวกเจ้ามาปิดล้อมจวนตระกูลเฟิ่งเรา!”
เธอแค่นเสียงเย็น แต่ละเสียงที่เปล่งมาผสมปนเปกัน แต่กลับเป็นเสียงตะโกนลั่นที่เรียบร้อยทรงพลัง ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยอารมณ์ ดุดันน่าเกรงขาม และมีไอสังหารที่ทำให้ผู้คนเสียขวัญ เมื่อเสียงตะโกนดังขึ้น ทุกคนต่างรู้สึกได้ว่าในอากาศมีกลิ่นอายพลังเร้นลับขุมหนึ่งกำลังปั่นป่วนอยู่รางๆ
และสิ่งที่ยิ่งทำให้คนหวาดกลัวคือ เสียงนั้นเหมือนไม่ได้ดังมาจากแค่ภายในจวนตระกูลเฟิ่ง แต่คล้ายมาจากด้านหลังพวกเขาด้วย แม้กระทั่งบริเวณรอบๆ พริบตานั้น ใบหน้าของเหล่าทหารรักษาพระองค์ก็เผยอาการตื่นตระหนกอย่างอดไม่ได้ ราวกับไม่ใช่พวกเขาที่ล้อมจวนตระกูลเฟิ่ง แต่เป็นคนตระกูลเฟิ่งที่ล้อมพวกเขาไว้
แทบทันทีที่เสียงตะโกนดังมา ชาวบ้านโดยรอบหรือแม้แต่คนของตระกูลบางส่วน ใบหน้าต่างเผยความตื่นตกใจและเสียขวัญเล็กน้อย!
องครักษ์ตระกูลเฟิ่ง! เป็นหน่วยองครักษ์ไพ่ตายของจวนตระกูลเฟิ่ง!
ไม่นึกเลยว่าพวกเขาจะดักซุ่มอยู่ในเมืองอวิ๋นเยวี่ย! ที่แท้ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง! มิน่าคนตระกูลเฟิ่งถึงกล้าไม่ยี่หระเช่นนี้ ที่แท้มีองครักษ์อยู่ในเมือง คอยอารักขาตระกูลพวกตน!
ทันใดนั้น หัวใจพวกเขามีคลื่นซัดกระหน่ำ ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก!
ตระกูลเฟิ่งคิดจะสู้กับราชวงศ์งั้นรึ? หากเป็นตระกูลอื่นคงไม่มีกำลังเพียงนั้นแน่ แต่หากเป็นตระกูลเฟิ่ง ก็ไม่แน่ว่าอาจมีกำลังโค่นล้มมู่หรงป๋อได้จริงๆ!
นึกถึงความเป็นไปได้นี้ ในใจพวกเขามีความตื่นเต้นและเฝ้ารอคอยอยู่หลายส่วน…
ผู้นำทหารสองคนนั้นถูกเสียงที่ดังสะเทือนหูนั้นตะโกนใส่ จึงรู้สึกใจฝ่อเล็กน้อย พวกขามองไปรอบๆ กลับเห็นเพียงคนมากมายตรงมุมมืด ไม่รู้ว่าเป็นชาวบ้านหรือองครักษ์ตระกูลเฟิ่ง? แต่ที่มั่นใจได้คือองครักษ์ตระกูลเฟิ่งก็แฝงตัวอยู่ในหมู่ชาวบ้านพวกนั้นด้วย!
………………………………….