№ 464 ที่แท้เป็นเธอ!
เฟิ่งจิ่วสงบหัวใจที่ว้าวุ่นเล็กน้อย สูดหายใจเข้าลึกๆ ให้ใจเย็นลง
ตอนแรกเขาตายอย่างกะทันหัน คนอื่นบอกว่าเขาถูกไอพิษเข้าตอนกำลังวิจัยยาจึงเสียชีวิต แต่ต่อมาเมื่อเธอลงมือตรวจสอบกลับพบว่าเป็นฝีมือผู้หญิงคนหนึ่งในห้องทดลองพวกเขา ทำเพื่อแก่งแย่งคุณวุฒิสำหรับไปวิจัยต่างประเทศ
เหอะ! คุณวุฒิไปวิจัยต่างประเทศ? วางแผนฆ่าเขาเพื่อเหตุผลน่าขันแบบนั้น
เธอไม่ได้จับผู้หญิงคนนั้นส่งเขาคุกให้ทางการลงโทษ แต่พากลับมาขังคุกในองค์กรลับด้วยตัวเอง และใช้เวลาหนึ่งปีทรมานให้ตายอย่างช้าๆ
กล้าลงมือกับคนของเธอ จะไม่ให้โดนทรมานจนตายได้อย่างไร?
นึกถึงตรงนี้ เฟิ่งจิ่วพลันลืมสองตาขึ้น นัยน์ตาฉายแววเย็นเยือกออกมา
เป็นเธอ!
คนคนนั้นที่สิงอยู่ในร่างซูรั่วอวิ๋นคือเธอ! เป็นผู้หญิงคนนั้นที่โดนทรมานจนตายเมื่อชาติก่อน! ในความทรงจำของเฟิ่งจิ่วไม่มีส่วนที่เกี่ยวกับซูรั่วอวิ๋นเลยสักนิด แต่ในความทรงจำของเฟิ่งชิงเกอกลับมี!
“บ้าจริง! ทำไมฉันเพิ่งคิดได้ตอนนี้!” เธอสบถเสียงเบา ในดวงตามีจิตสังหารเย็นเยียบ หากตอนนั้นรู้ว่าซูรั่วอวิ๋นคือผู้หญิงคนนั้นเมื่อชาติที่แล้ว คงไม่ให้นางตายอย่างง่ายดายเพียงนั้นแน่!
แต่ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงข้ามมิติมาที่นี่ด้วย หนำซ้ำยังมาก่อนเธออีก?
เมื่อนึกถึงซูรั่วอวิ๋น เฟิ่งจิ่วขมวดคิ้วเบาๆ หัวใจกลับสั่นไหวเล็กน้อย เธอมา ผู้หญิงคนนั้นก็มาด้วย เช่นนั้นเขาจะอยู่ที่นี่ด้วยหรือไม่?
พอนึกถึงความเป็นไปได้นี้ หัวใจพลันเต้นแรงขึ้นมา ทว่าเมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมาก็ถูกเธอสะบัดทิ้งไป โลกนี้มีความเป็นไปได้มากมายเพียงนั้นเลยหรือ เรื่องแบบนั้นไม่น่าจะเกินขึ้นได้แน่
“นายท่าน น้ำเย็นไปหรือไม่เจ้าคะ? ต้องเติมน้ำร้อนเสียหน่อยหรือไม่?”
เสียงเหลิ่งซวงลอยมาจากด้านนอก นางเฝ้าด้านนอกเห็นเฟิ่งจิ่วแช่น้ำนานนักและยังไม่ให้คนเข้าไปเทน้ำ จึงเป็นห่วงว่าจะแช่น้ำนานเกินไป ถึงได้ส่งเสียงเอ่ยถาม
“ไม่ต้อง” เฟิ่งจิ่วจัดการอารมณ์พลางลุกขึ้นจากอ่าง หยิบผ้าขนหนูเช็ดคราบน้ำบนตัวให้แห้ง จากนั้นสวมเสื้อผ้าเดินไปด้านในห้องพลางว่า “ให้คนเข้ามาเทน้ำได้”
“เจ้าค่ะ” เหลิ่งซวงขานรับ ก่อนจะให้สาวใช้สองคนเข้าไปเทน้ำทิ้ง และเก็บอ่างอาบน้ำไปไว้อีกห้อง
“นายท่าน ห้องครัวตุ๋นรังนกมาให้ท่าน ทานก่อนค่อยพักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ” เหลิ่งซวงยกชามรังนกเข้ามา เห็นนางนั่งพิงหัวเตียง จึงยกรังนกมาส่งตรงหัวเตียง
เฟิ่งจิ่วที่เดิมทีจะบอกให้นางกินไปก็ได้เงยหน้าขึ้น เห็นในดวงตานางมีความกังวลซึ่งยากจะปิดบัง จึงยิ้มๆ บอกว่า “ได้ ข้าไม่เป็นไร แค่รู้สึกไม่ค่อยดีเท่านั้น อาบน้ำก็ดีขึ้นมากแล้ว” ระหว่างพูดเธอก็รับรังนกขึ้นมากินอย่างช้าๆ
เห็นเช่นนี้ใจเหลิ่งซวงที่วิตกถึงจะค่อยๆ ผ่อนคลายลง รอเจ้านายกินเสร็จก็เก็บชามวางกลับลงถาด บอกว่า “นายท่านพักผ่อนเร็วหน่อยเถอะเจ้าค่ะ จริงด้วย เมื่อตอนเย็นพวกหลัวอวี่เข้ามาบอกว่ากำลังขององครักษ์ต่างพัฒนาขึ้นติดต่อกันสองสามระดับ พลังพวกเขาเองก็ก้าวหน้าขึ้นเช่นกัน”
“อืม รู้แล้ว” เธอพยักหน้าให้สัญญาณนางถอยไป
เหลิ่งซวงถึงจะคารวะแล้วยกถาดเดินออกไปข้างนอก
พอออกมาก็เห็นเหลิ่งหวาโดนฮุยหลางลากไปยังทางเดินเล็กๆ บริเวณไม่ไกล ไม่รู้ว่าพูดอะไรกันอยู่ตรงนั้น เห็นเช่นนี้เธอจึงเดินไปเรียกใกล้ๆ “อาหวา”
“พี่สาว” เหลิ่งหวารีบเดินกลับมา ถามว่า “นายท่านทานรังนกหรือยัง?”
“อืม ทานแล้ว”
เหลิ่งซวงชำเลืองมองฮุยหลาง ก่อนบอกเหลิ่งหวาว่า “เจ้ากลับไปพักผ่อนเร็วหน่อยเถอะ! ตรงนี้มีข้าเฝ้าไว้ก็พอ”
“นายท่านเจ้าไม่คิดจะไปดูนายท่านข้าหน่อยหรือ?” ฮุยหลางถลึงตา คิดว่าเย็นนี้ภูตหมอทำเรื่องเช่นนี้ จะอย่างไรก็ควรไปคุยกับนายท่านให้รู้เรื่อง
…………………