№ 468 อาการเมามายที่งดงาม
มิน่านายท่านถึงหยิบเหล้าวิญญาณชั้นเลิศราคาเป็นพันชั่งออกมา ที่แท้ก็รอภูตหมอจังหวะนี้อยู่? แต่นายท่านจะมอมเหล้าภูตหมอจริงหรือ?
สองคนชำเลืองมองเหลิ่งซวงด้านข้าง คิดว่าควรให้นางไปเสียก่อน ไม่อย่างนั้นต่อให้ภูตหมอเมา แต่หากยังมีแม่สาวคนนี้อยู่ นายท่านคิดจะทำอะไรสักหน่อยคงไม่สะดวก!
ดังนั้นฮุยหลางจึงหันไป เอ่ยยิ้มๆ ว่า “เหลิ่งซวง เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ! ตรงนี้พวกข้าเฝ้าไว้ก็ได้”
เหลิ่งซวงเหลือบมองพวกเขา ไม่พูดไม่จา ยังคงยืนเงียบๆ อยู่ในลาน คำพูดในเรือนนางก็ได้ยินเช่นกัน จึงกลัวว่านายท่านอารมณ์ไม่ดีดื่มมากไปจะก่อเรื่องอะไรขึ้นมา
พวกเขาเห็นนางไม่ใจสักนิด ฮุยหลางส่งสายตาไปทางอิ่งอี ส่วนตัวเองฉีกยิ้มถาม “เหลิ่งซวง เจ้าติดตามอยู่ข้างกายภูตหมอมานานแค่ไหนแล้ว มองออกเลยว่านางเชื่อใจเจ้ามาก! ครั้งก่อนไปแคว้นเหินเวหายังพาเจ้าไปแค่คนเดียว”
ยามมองทั้งสองคนเดินเข้ามาใกล้ นางขมวดคิ้ว “พวกเจ้า…” เพิ่งจะเอ่ยก็เจ็บตรงหลังคอ เหลิ่งซวงหมดสติไป
เห็นเหลิ่งซวงล้มลงบนพื้น ฮุยหลางถลึงตามองอิ่งอี “ทำไมเจ้าไม่รับนางไว้?”
อิ่งอีมองค้อนเขา บอกว่า “ทำไมเจ้าไม่รับเองเล่า”
“ข้าเห็นว่าเจ้าอยู่ใกล้กว่า!”
“ข้านึกว่าเจ้าจะรับ”
สองคนพูดจบก็ยืนมองตาปริบๆ โดยพูดไม่ออกอยู่นาน ผ่านไปสักพัก ฮุยหลางถึงจะเอ่ยว่า “เจ้ารีบๆ อุ้มนางไปห้องทางนั้นเถอะ”
“เจ้าอุ้มสิ ข้าไม่อุ้มหรอก” อิ่งอีถอยห่างทันที ไม่แม้แต่จะมองเขา
ได้ยินเช่นนี้ อีกทั้งเห็นกิริยาที่อีกฝ่ายหลบเลี่ยงอย่างรวดเร็ว ฮุยหลางแทบอยากจะเข้าไปถีบขาคู่ เขาถลึงมองอิ่งอีด้วยความโหดเหี้ยม และมองเหลิ่งซวงที่หมดสติอยู่บนพื้น ลังเลสักพักถึงจะเข้าไปโน้มกายอุ้มขึ้นมา และพาเข้าห้องไป
ส่วนสองคนที่ดื่มเหล้าอยู่ในเรือนกลับเป็นอีกภาพหนึ่ง
เฟิ่งจิ่วที่เดิมแค่คลุมเสื้อคลุม ยามนี้เสื้อคลุมบนร่างหลุดร่วงลงแล้ว เธอที่สวมเพียงชุดซับในยกชามดื่มเหล้าไปอึกใหญ่จนหมดเกลี้ยง แล้ววางชามลงบนโต๊ะอย่างแรง “รินมาอีก!”
เจ้าตำหนักยมราชที่นั่งอยู่ข้างๆ ชำเลืองมองสาวน้อยที่เมามายจนดวงตาพร่ามัวใบหน้าแดงก่ำ แววตาลึกล้ำสั่นไหว ไม่ได้รินเหล้าอีกแต่คีบอาหารให้นาง “กินอาหารบ้างสิ”
“เหล้า ข้าต้องการเหล้า” เฟิ่งจิ่วโบกๆ มือ ผลักชามเหล้าไปตรงหน้าเขา แล้วชี้ลงในชาม “ตรงนี้ รินมา”
เห็นเช่นนั้น เจ้าตำหนักจึงยกไหเหล้าขึ้นรินให้นางอีกชาม นี่เป็นเหล้าวิญญาณ แม้ฤทธิ์จะแรงมากแต่ก็ไม่ค่อยทำลายสุขภาพนัก หนำซ้ำอย่างน้อยๆ นางก็กินอาหารบ้าง ดื่มมากหน่อยคงไม่เป็นไร
เมื่อนางดื่มชามแล้วชามเล่า เหล้าวิญญาณไหหนึ่งก็จวนจะเห็นก้นไห เจ้าตำหนักเขย่าไหเหล้าที่ว่างเปล่า มองไปทางสาวน้อยข้างกาย มองคราวนี้คิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อยทันควัน “มองข้าทำไม?”
สาวน้อยที่ดื่มจนเมายามนี้กำลังใช้สองมือเท้าคางพลางยิ้มหยีตามองเขาทั้งใบหน้าแดงก่ำ ศีรษะที่โคลงไปมา รวมถึงดวงตาคู่นั้นที่ทอประกาย ทำให้เขาเห็นแล้วรู้สึกสนใจอย่างอดไม่ได้
ที่แท้ตอนนางเมาน่ารักเพียงนี้เลย
น่ารัก? ไม่เคยนึกว่าคำเช่นนี้จะผุดขึ้นมาในความคิดเขา
“ข้าจะแอบบอกท่านเรื่องหนึ่ง เข้ามาสิ” เธอหรี่ดวงตาเมามายที่น่าหลงใหลและทรงเสน่ห์ พลางกระดิกนิ้วไปทางเขา
หัวใจเจ้าตำหนักเต้นแรงเล็กน้อยเมื่อเห็นเช่นนี้ เต้นตึกตักเหมือนมีกวางตัวน้อยๆ พุ่งชนสะเปะสะปะ โน้มเข้าไปใกล้นางโดยไม่รู้ตัวราวกับโดนผีเข้าสิง เห็นริมฝีปากชุ่มฉ่ำน่าหลงใหลที่งามหยดย้อยอยู่ตรงหน้า ลมหายใจเขาหนักขึ้นเล็กน้อยโดยพลัน
…………………