№ 486 ไม่ซ่อนแล้วหรือ?
ช่วงนี้เฟิ่งจิ่วที่กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ตลอด พบว่าวรยุทธ์พลังเร้นลับถึงระดับยอดปรมาจารย์นักรบขั้นสูงสุดก็ข้ามระดับไม่ได้อีกเลย อยากบรรลุถึงระดับบรรพชนนักรบ แต่มักจะรู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่าง เธอไม่ใช้ยาอายุวัฒนะกับตนเอง แต่หลังจากบรรลุขั้นไม่ได้จึงมาปรึกษากับหงส์ไฟน้อย
“ข้ารู้สึกว่าขาดจุดประสานไปหนึ่งอย่าง เจ้าว่าเราหาเวลาออกไปเดินเล่นดีหรือไม่?” แววตาเธอวาววับเล็กน้อย สีหน้ากระฉับกระเฉง คล้ายว่าตัดสินใจเรื่องนี้มานานมากแล้ว
ใช่ เธอไล่เจ้าตำหนักยมราชไปไม่ได้ พาตนเองไปคงได้กระมัง?
หนำซ้ำธุระในมือท่านพ่อก็จัดการไปได้มากแล้ว ขอแค่ไม่มีแคว้นอื่นมาระราน และมีองครักษ์ตระกูลเฟิ่งคอยปกป้อง ตำแหน่งผู้ครองแคว้นจะมั่นคงจนไม่อาจมั่นคงไปกว่านี้อีกแล้ว
“ชายคนนั้นไม่ใช่คนธรรมดา เจ้าคิดว่าจะหลบพ้นหรือ?” หงส์ไฟน้อยที่บนร่างอ้วนท้วนขาวเนียนสวมเพียงผ้าเตี่ยวเหลือบมองนางอย่างดูแคลน ในปากเคี้ยวโสมที่เฟิ่งจิ่วเก็บมาให้เขา แน่นอนว่าอายุยังห่างไกลสู้โสมพันปีไม่ได้
เขาชอบกินโสม ยังมีของจำพวกผลไม้วิญญาณกับยาทิพย์ที่มีธาตุไฟด้วย แต่ที่นี่มีของพวกนั้นน้อยมาก มีเพียงโสมอายุไม่กี่ร้อยปีที่คลายความอยากของเขาได้
แม้เป็นเช่นนี้ ช่วงนี้ก็ยังเลี้ยงเขาเสียจนขาวอ้วนท้วน แขนขาที่เผยออกมาขาวเนียนราวรากบัว เห็นแล้วชวนให้อยากกัดสักคำ
โดนเด็กน้อยมองเหยียด เฟิ่งจิ่วจึงยิ้มเจื่อนๆ จากนั้นค่อยเชิดคางขึ้นด้วยสีหน้าภูมิใจน้อยๆ “ใครใช้ให้ข้าเสน่ห์แรงจนแม้แต่เจ้าตำหนักยังไม่อาจต้านทานได้เล่า? เฮ้อ อันที่จริงข้าก็ไม่อยากหรอก”
เห็นท่าทางนางเสแสร้งแกล้งทำ หงส์ไฟน้อยกลอกตามอง กอดโสมที่กัดไปครึ่งหนึ่งพลางหันกายไปทันที ทิ้งไว้เพียงแผ่นหลังเจ้าเนื้อที่รัดสายผ้าเตี่ยวไว้กับบั้นท้ายเล็กๆ มีเนื้อจ้ำม่ำ
เห็นเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วยื่นมือไปสะกิดบั้นท้ายเล็กนั้นอย่างชอบใจ เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มอิ่มเอมว่า “ทำไมช่วงนี้เจ้าชอบสวมผ้าเตี่ยวตัวเล็ก? ดูสิ บั้นท้ายโผล่ออกมาแล้ว”
“หึ! นกน้อยของคุณชายน้อยไม่โผล่ออกมาก็พอ”
เขาพูดโดยไม่หันหน้ากลับมา พลางโบกๆ มือไปทางนางอย่างรังเกียจ “เจ้าอย่าอยู่ในนี้ทั้งวันเป็นเต่าหดหัวในกระดองรบกวนข้าเลย รีบๆ ออกไปซะ ข้างนอกตามหาเจ้าแทบพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินแล้ว”
“เฮ้อ! หลบไม่พ้น งั้นก็ออกไปเถอะ!” เธอถอนใจเบาๆ ลุกยืนขึ้นปัดๆ ชุดกระโปรงบนตัว ก่อนจะแวบออกจากห้วงมิติ
“คนขี้ขลาด” หงส์ไฟน้อยกระซิบ กัดโสมนั้นหมดแล้วก็ไปพลิกหาตรงจุดที่วางยาทิพย์เรียงไว้
ด้านนอก กลางลานบ้าน เจ้าตำหนักยมราชที่หาตัวนางไม่พบนั่งเฝ้าต้นไม้รอกระต่ายในเขตเรือนนางอยู่ตลอด เมื่อเฟิ่งจิ่วออกจากห้วงมิติ เขาที่ดื่มชาอยู่ในลานบ้านจึงชะงักท่ายกถ้วยช้าเล็กน้อย ดวงตาดำขลับลึกล้ำฉายประกาย มองไปทางเรือนหลังนั้น
เดิมทีไม่มีกลิ่นอายนาง ตอนนี้อยู่ดีๆ ก็ปรากฏขึ้นทันใด
ยังคิดอยู่ว่าทำไมถึงหาตัวนางไม่พบ ที่แท้นางมีสมบัติห้วงมิติติดตัว มิน่าล่ะ
เมื่อประตูเรือนเปิดออก ร่างนั้นปรากฏตัวตรงประตู ก็มองมาทางเขาพร้อมเผยรอยยิ้มเอาอกเอาใจ “เหอะๆ ท่านเจ้าตำหนัก ทำไมท่านดื่มชาอยู่ในเรือนนี้เล่า? ต้องให้ข้าอยู่เป็นเพื่อนหรือไม่?”
“ไม่ซ่อนแล้วหรือ?” เขาเลิกคิ้วขึ้น ดวงตาดำล้ำลึกหยุดลงบนร่างนาง มองเสียจนหนังศีรษะนางด้านชา
เฟิ่งจิ่วยิ้มเหยเก ชัดเจนว่าคนอื่นเธออยากปฏิเสธก็ปฏิเสธได้ แม้แต่มู่หรงอี้เซวียนที่เจ้าของร่างเดิมรักมาตั้งหลายปีเพียงนั้น แค่สองสามประโยคนางยังตัดความหวังเขาได้ แต่ทำไมพอเป็นผู้ชายคนนี้เธอถึงไม่กล้าเสียแล้ว?
………………..