№ 488 ข้าจะตามเจ้าไปทุกเมื่อ
“ทำไม คิดว่าข้างดงามน่ากินอีกแล้วหรือ?” เจ้าตำหนักยมราชชายตามองเฟิ่งจิ่ว กล่าวอย่างเย็นชา “จะกินข้าไม่ง่ายนักหรอก หากกินแล้วไม่ยอมจ่ายหนี้ละก็ หึๆ!”
“แหะๆ จะกล้าได้ยังไง?” เธอยิ้มกระอักกระอ่วน เก็บท่าทางตะกละตะกลามทันใด แล้ววางสีหน้าจริงจัง “ท่านเจ้าตำหนัก เช่นนั้นท่านว่าพวกเราควรออกเดินทางเมื่อไหร่?”
เห็นนางทำสีหน้าจริงจังอย่างเสแสร้ง เขาแค่นเสียงเบาๆ “จะปล่อยพ่อเจ้าไว้ที่นี่ได้หรือ ขอแค่เจ้าปล่อยวางได้ ข้าตามเจ้าไปได้ทุกเมื่อ”
ได้ยินเช่นนี้แล้ว เฟิ่งจิ่วแอบๆ กลอกตา ตามเธอไปเมื่อไหร่ก็ได้? พูดเสียจนเหมือนตามอะไรไป กระนั้นใบหน้านางก็ยังคงมีรอยยิ้มเอาใจ บอกว่า “ปล่อยวางได้ๆ ท่านพ่อทางนี้ข้าทิ้งผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังสี่คนไว้ให้เขา อีกทั้งยังมีองครักษ์คอยปกป้อง คาดว่าแคว้นเล็กแคว้นอื่นคงไม่กล้ามารุกราน หากแคว้นเล็กอื่นๆ ไม่กล้า คนจากกลุ่มอำนาจทุกฝ่ายในราชวงศ์เฟิ่งหวงยิ่งไม่กล้า ก็ไม่มีเรื่องนั้นแล้ว”
“อีกอย่าง ข้ารู้ฝีมือความสามารถท่านพ่อดี ด้วยอำนาจและความารถในการจัดการ เขาจะดูแลราชวงศ์เฟิ่งหวงนี้ได้แน่นอน โดยเฉพาะเมื่อพวกเราเดิมทีก็เกิดและโตที่นี่ คุ้นเคยเสียจนไม่อาจคุ้นเคยได้อีก ไม่มีอะไรไม่น่าวางใจ”
นี่คือสิ่งที่เธอเคยไตร่ตรองมาหลายครั้ง ท่านพ่อจะปลอดภัยมากที่นี่ และได้แสดงความสามารถเต็มที่ ต่อให้เธอไปสักปีหรือครึ่งปีก็สบายมาก
เห็นเช่นนี้ เจ้าตำหนักยมราชมองนางแวบหนึ่ง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จะไปตอนนี้เลย?”
“ไม่จำเป็นต้องรีบถึงเพียงนั้น ยังไงก็ต้องเตรียมการสักพัก!” เธอคิดๆ แล้วจึงบอกว่า “สามวัน สามวันให้หลังค่อยไป ข้ายังต้องเข้าวังไปบอกท่านพ่อเรื่องนี้เสียหน่อย”
“เข้าวัง? ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า” พูดจบเขาก็ปัดชุดคลุมพลางลุกยืนขึ้น
เธอมองเขาเมื่อได้ยินเช่นนี้ ถามว่า “ข้าเข้าวังไปบอกลาท่านพ่อ ท่านจะตามไปด้วยทำไม? คงไม่กลัวข้าแอบหนีไปอีกหรอกนะ?”
“แค่ก!”
เจ้าตำหนักกระแอมไอ ในใจกระอักกระอ่วนเล็กน้อย แต่ใบหน้าไม่แสดงออกสักนิด แววตาลึกล้ำเคลื่อนจากใบหน้านางไปมองอีกด้าน กล่าวเบาๆ ว่า “ข้าต้องไปบอกลาเช่นกัน ถึงอย่างไรก็เป็นผู้อาวุโสกว่า”
“ก็ได้! งั้นไปด้วยกัน” เสียงชะงักไป เธอลังเลพักหนึ่ง ก่อนจะมองเขาพลางบอกอีกว่า “แต่ไปหาพ่อข้าแล้ว ท่านอย่าพูดจาซี้ซั้วล่ะ!”
“พูดจาซี้ซั้วอะไร?” ทีแรกเขาไม่เข้าใจจึงเพ่งมองนาง แต่เมื่อเห็นท่าทางนางเล่นหูเล่นตาก็รู้ในทันที
มุมปากเขากระตุก มองท้องฟ้าอย่างหมดคำพูด ผู้หญิงคนนี้กลัวว่าเขาจะพูดเรื่องคืนนั้นที่นางเมาเละเทะหรือ?
“อืม เจ้าเตือนข้าพอดีเลย หากพ่อเจ้ารู้ว่าเราสองคนไปถึงขั้นนั้นแล้ว จะยิ่งวางใจให้เจ้าติดตามข้างกายข้าแน่” เขาเอ่ยอย่างจริงจัง ในดวงตาดำขลับลึกล้ำกลับมีรอยยิ้มแวบผ่าน มุมปากยังยกมุมโค้งเล็กน้อยอย่างที่ไม่อาจสังเกต
เห็นเขาเอามือไพล่หลังสาวก้าวเดินออกไป เฟิ่งจิ่วก็ตกใจ รีบร้อนวิ่งตามไป “ท่านเจ้าตำหนัก ข้าเห็นว่าช่วงนี้ท่านผู้อาวุโสทั้งหล่อ เสน่ห์ความเป็นชายมากล้น…”
“ผู้อาวุโส?”
“แหะๆ พูดผิดไป ท่านนับเป็นผู้อาวุโสไม่ได้ อย่างมากก็เป็นเสน่ห์ชายชาตรีระดับท่านอา”
“ท่านอา?” เจ้าตำหนักแค่นเสียงหยัน “ปีนี้ข้าเพิ่งอายุยี่สิบห้า มากกว่าเจ้าเก้าปีเท่านั้น”
“อืม… เช่นนั้นเรียกพี่ใหญ่?” เธอถามอย่างระมัดระวัง
เจ้าตำหนักชายตามองนาง กล่าวอย่างเย็นชาว่า
“ทำไมตอนเจ้าทั้งลูบทั้งกอดข้าถึงไม่เรียกพี่ใหญ่บ้าง?”
………………..