№ 492 พาใครไปด้วย?
ใช่ เฟิ่งจิ่วรู้แล้ว รู้ว่าต้องทำอย่างไร รู้ว่าแม่บังเกิดเกล้ายังมีชีวิตอยู่ และรู้ว่านางเป็นคนอย่างไร เช่นนั้นเธอจึงรู้ว่าควรทำอย่างไรแล้ว
ในดวงตายิ้มแย้มของมีประกายจางวาบผ่าน ปลอบโยนพ่อเธอด้วยรอยยิ้ม แล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา บอกว่า “ท่านพ่อ อันที่จริงลูกเข้ามาวันนี้เพราะมีเรื่องต้องบอกท่านพ่อเจ้าค่ะ”
เฟิ่งเซียวจัดการอารมณ์ ถามว่า “เรื่องอะไรรึ?”
“ช่วงนี้วรยุทธ์ลูกถึงจุดคอขวด ตลอดมาไม่อาจบรรลุได้ ภายหลังหลิงโม่หานบอกว่าช่วงนี้ลูกไม่ต้องรีบบรรลุขั้นวรยุทธ์ และบอกว่าสิ่งที่ลูกขาดคือจุดประสาน ดังนั้นจึงต้องออกไปฝึกฝนวิชา เขาว่าจะไปด้วยกันกับลูก จะได้คอยชี้แนะอยู่ข้างๆ เช่นนั้นวันนี้พวกเราจึงเข้ามาบอกเรื่องนี้กับท่านเจ้าค่ะ”
เสียงเธอชะงักไป แล้วนึกอะไรบางอย่างได้ “โอ้ จริงสิ ตอนพวกเราออกมายังพบพี่สีหลิ่นด้วย ระหว่างทางเขาบอกลูกว่าตอนนี้ตลาดมืดให้โอกาสเขาออกไปได้แล้ว มีกลุ่มทหารรับจ้างให้เขาไปเข้าร่วม เขาคิดว่าไม่ช้าก็เร็วต้องไปจากที่นี่ จึงจะออกไปฝึกฝนวิชาก่อน ถึงเวลาค่อยอาศัยพละกำลังเข้าไปฝึกบำเพ็ญในสำนักศึกษาเจ้าค่ะ”
ได้ยินเช่นนี้แล้วเฟิ่งเซียวพยักหน้า “นี่เป็นเรื่องดี พรสวรรค์ของสีหลิ่นไม่ได้ด้อย ขอแค่แสดงฝีมือดีๆ ความสำเร็จในอนาคตต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่ มีโอกาสเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างเช่นนี้ไม่เลวเลย พ่อเห็นด้วย แต่ลูกกับโม่หาน…”
เขามองนาง เห็นท่าทางนางไม่คิดอะไรมากนัก จึงถอนใจอย่างอดไม่ได้ “ลูกคิดว่ายังไง? พ่อว่าเขาไม่เลวเลยจริงๆ ไม่ว่าความสามารถหรือบุคลิกล้วนโดดเด่นเป็นที่สุด สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือพ่อมองออกว่าเขาจริงใจกับลูก”
“ท่านพ่อ เรื่องลูกท่านไม่ต้องกังวล ลูกจะตัดสินใจเองเจ้าค่ะ” เธอกอดแขนเขาพลางเขย่าเบาๆ ร่างกายเอนพิงไหล่ บอกว่า “ท่านพ่อ ลูกไปครั้งนี้ไม่รู้ว่านานแค่ไหนจะกลับมา แต่ท่านไม่ต้องเป็นห่วงไป ลูกจะดูแลตัวเองดีๆ หากมีโอกาสจะถามหาข่าวคราวท่านปู่เสียหน่อย ดังนั้นท่านก็ไม่ต้องกังวลเรื่องท่านปู่ ขอแค่มีข่าวลูกจะส่งกลับมา ลูกไม่อยู่ข้างกาย ท่านต้องดูแลตัวเองดีๆ รอพวกเรากลับมานะเจ้าคะ”
ได้ยินคำพูดนี้ เฟิ่งเซียวเผยรอยยิ้มปลาบปลื้มออกมา ตบมือนางเบาๆ และกล่าวว่า “ดีๆๆ พ่อรู้แล้ว เจ้าอยู่ข้างนอกดูแลตัวเองดีๆ ก็พอ พ่อจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้า”
“ลูกทิ้งผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังทั้งสี่ไว้ให้ท่านเรียกใช้ นอกจากนั้นข้ายังกำชับองครักษ์อย่างดี พวกหลัวอวี่ก็อยู่ด้วย ท่านพ่อมีเรื่องอะไรใช้พวกเขาไปทำได้ ลูกจะพาเหลิ่งซวงไป ส่วนเหลิ่งหวาให้อยู่นี่คอยดูแลท่านแล้วกัน!”
“ไม่พาพวกหลัวอวี่ไป?” เขาแปลกใจนิดหน่อย นึกว่านางจะพาพวกหลัวอวี่ไปฝึกวิชาด้วยกัน
เธอบอกอย่างยิ้มแย้มว่า “ให้พวกเขาอยู่ที่นี่แหละ พวกเขาคุ้นเคยกับการควบคุมองครักษ์ หนำซ้ำพาพวกเขาแปดคนไปจะวุ่นวายเกิน”
“เจ้านี่นะ!”
เฟิ่งเซียวส่ายหน้าอย่างจนปัญญา แววตารักใคร่หยุดลงบนร่างนาง กล่าวยิ้มๆ ว่า “ไม่พาพวกเขาไปก็ได้ แต่พาเด็กเหลิ่งหวาคนนั้นไปด้วยเถอะ! เขาใส่ใจรู้จักดูแลคน หนำซ้ำร่างกายเขาลูกก็รักษาจนหายดีนานแล้ว แม้ไม่มีพลังเร้นลับในร่างแต่ก็รำไทเก๊กได้ไม่เลว อีกทั้งยังเป็นพี่น้องกับเหลิ่งซวง สองคนนี้มีความเอาใจใส่เหมือนๆ กัน ติดตามข้างกายลูกไปพ่อยิ่งวางใจ”
……………..