№ 575 ท่านพ่อ ใครจะแต่งกับท่าน?
พ่อลูกสองคนเดินไปด้านในราชวังพลางพูดคุยกัน ส่วนเฟิ่งจิ่วถูกพวกหลัวอวี่ล้อมไว้ โดยเฉพาะหลัวอวี่ที่ถามบ่อยครั้งว่าพวกเขาออกไปครั้งนี้เจอเรื่องน่าสนใจอะไรหรือไม่
เพราะเฟิ่งจิ่วไม่พูดอะไร หนำซ้ำเหลิ่งซวงไม่ชอบเอ่ยปากอีก สุดท้ายจึงไปตามตื๊อเหลิ่งหวาเสีย ทำให้เหลิ่งหวาต้องเล่าเรื่องที่ไปพบเจอข้างนอกในช่วงนี้ให้พวกเขาฟังเสียหน่อย
เฟิ่งจิ่วไม่ได้กลับไปพักผ่อนในตำหนัก แต่ตรงไปหาท่านพ่อกับท่านปู่ทันที คิดจะปรึกษาพวกเขาเรื่องงานแต่งของท่านปู่กับท่านน้าซู่ซีเสียก่อน
ภายในท้องพระโรง ท่านพ่อกับท่านปู่ของเธอสองคนกำลังพูดคุยกัน เมื่อเห็นเธอเข้ามาจึงกวักมือเรียก
“เสี่ยวจิ่ว เจ้าเพิ่งบอกตอนอยู่ด้านนอกว่าจะจัดงานมงคล เป็นงานมงคลอะไรกัน?” เฟิ่งเซียวถามยิ้มๆ ขณะมองลูกสาวที่เดินเข้ามา
ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วมองท่านปู่อย่างแปลกใจ “ท่านปู่ ท่านยังไม่บอกหรือเจ้าคะ?”
“เหอะๆ ต้องรอเจ้าพูดด้วยกันไม่ใช่หรือ?” ผู้เฒ่าเฟิ่งยิ้มเจื่อน สงบสติอารมณ์ เก็บรอยยิ้มบนหน้าและมองเฟิ่งเซียวด้วยสีหน้าจริงจัง สีหน้าท่าทางที่เคร่งขรึมจริงจังทำให้เฟิ่งเซียวเห็นแล้วหวั่นๆ ใจขึ้นมา ก่อนจะกลั้นหายใจรอฟังคำพูดเขา
“ข้าจะแต่งงาน ประเดี๋ยวเจ้าสั่งคนไปหาฤกษ์งามยามดี ลองดูว่าช่วงนี้มีวันดีๆ หรือไม่ จากนั้นค่อยลงมือเร่งเตรียมเรื่องงานแต่ง”
เมื่อได้ยินผู้เฒ่าทำหน้าเคร่งพลางเอ่ยว่าตนจะแต่งงาน เฟิ่งเซียวงุนงงไปหมด นึกว่าฟังผิดไป ถามว่า “ท่านพ่อ เมื่อครู่ท่านบอกว่าอะไรนะ? ใครจะแต่งงาน?”
“แค่กๆ!”
ผู้เฒ่าเฟิ่งกระแอมไอสองครั้ง ถลึงตามอง “ข้า หรือพ่อของเจ้าจะแต่งงานอีกครั้ง รอบนี้ฟังเข้าใจหรือยัง?”
“อะ อะไรนะขอรับ? ท่านจะแต่งงาน?” เฟิ่งเซียวตาค้าง มองเขาด้วยสีหน้าตะลึง
“ท่านพ่อ นี่เป็นเรื่องมงคลครั้งใหญ่ที่บ้านเราต้องจัดการนะเจ้าคะ!” เฟิ่งจิ่วเม้มริมฝีปากยิ้มน้อยๆ เห็นท่าทางตาค้างและตกตะลึงของบิดา ก็รู้สึกว่าจิตใจเป็นสุขยิ่งนัก
ดูเถอะ! รู้ข่าวเช่นนี้ ไม่ใช่เธอคนเดียวเสียหน่อยที่มีปฏิกิริยาเช่นนี้
ผ่านไปสักพัก เฟิ่งเซียวถึงจะได้สติกลับมาท่ามกลางการถลึงตามองจากผู้เฒ่า แต่เขายังมองผู้เฒ่าด้วยสีหน้าแปลกๆ และถามว่า “ท่านพ่อ ใครจะแต่งกับท่านขอรับ?” พ่อเขาอายุปูนนี้ แม้บอกว่าในโลกผู้ฝึกวิชาเซียนอายุยังไม่ถือว่ามาก แต่รูปลักษณ์ผู้เฒ่าแก่ชราแล้ว ใครกันจะแต่งงานกับเขา
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เฒ่าหายไปนานเพียงนี้ กลับมาบอกว่าจะแต่งงาน เปลี่ยนเป็นใครอื่นก็งุนงงกันทั้งนั้น
ได้ยินเช่นนี้ ผู้เฒ่าเฟิ่งถลึงมองเขาด้วยสีหน้าแดงก่ำ สะบัดแขนเสื้อลุกขึ้นยืน “เร่งจัดการเรื่องนี้ให้ข้าด้วย อย่าถามอะไรมากความ ข้าเหนื่อยแล้ว จะไปพักผ่อนก่อนเสียหน่อย”
เห็นผู้เฒ่าสะบัดแขนเสื้อจากไปอย่างเขินอายเสียจนโกรธเคือง พ่อลูกในท้องพระโรงนิ่งงันกันไป จากนั้นจึงยิ้มขึ้นมา
“เสี่ยวจิ่ว นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ทำไมท่านผู้เฒ่ากลับมาก็บอกว่าจะแต่งงาน? ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ไหน เชื่อถือได้หรือ?” เฟิ่งเซียวเอ่ยถามพลางมองลูกสาว กลัวจริงๆ ว่าผู้เฒ่าจะไม่รู้จักนางดี
“ท่านพ่อโปรดวางใจ เรื่องนี้เชื่อถือได้แน่นอน ข้าจะเล่าให้ท่านฟังแล้วกัน! เรื่องเป็นเช่นนี้…”
เธอยิ้มพลางเล่าเรื่องท่านปู่กับท่านน้าซู่ซีให้บิดาฟังคร่าวๆ สุดท้ายจึงเอ่ยด้วยสีหน้าแปลกพิกล “นอกจากนั้น! เหมือนในวันที่ลูกไป เรื่องท่านปู่กับท่านน้าซู่ซีก็เลยเถิดเกินจะแก้ไขแล้ว ดังนั้นจึงต้องเร่งเลือกวันให้เรียบร้อย จากนั้นค่อยสั่งให้คนทำรายการสินสอดทองหมั้น ถึงเวลานั้นก็ส่งฤกษ์กับสินสอดไปให้ตระกูลหลินที่เมืองซานเจียงก่อน งานนี้พวกเราจำต้องจัดอย่างสมเกียรติ”