№ 839 กลิ่นอายของบ้าน
“ฉลองปีใหม่นะเจ้าคะ! จะไม่กลับมาได้อย่างไร อีกอย่างได้ยินพวกเหลิ่งซวงบอกว่าท่านย่าตั้งครรภ์แล้ว ต้องกลับมาดูเป็นธรรมดา” เฟิ่งจิ่วยิ้มหยีตา ควงแขนผู้เฒ่าพลางเอ่ยว่า “ท่านปู่ ข้านำของขวัญปีใหม่มาให้ท่านด้วย”
“เหอะๆๆ ดีๆๆ ข้ารู้ว่าแม่หนูเฟิ่งมีน้ำใจ” เขาพยักหน้าอย่างดีใจ ตบๆ มือเธอที่คล้องแขนเขาไว้
“นี่เจอปู่เจ้าก็ลืมพ่อแล้วกระมัง? ทำไมข้าไม่ได้ยินเลยว่าเจ้านำของขวัญมาให้?” เสียงเฟิ่งเซียวดังมาจากด้านหลัง แม้หน้านิ่งกลับยังคงมีรอยยิ้มที่ไม่อาจปกปิดไว้
“มีเจ้าค่ะๆ” เธอหัวเราะร่าขึ้นมา ยามหันกลับไปมองเห็นเด็กน้อยยืนมองเธออยู่ข้างกายท่านพ่อ จึงยิ้มเอ่ยว่า “ยมราชน้อยก็มีด้วย”
“ยมราชน้อย? เด็กคนนี้หรือ” เมื่อสายตาท่านผู้เฒ่าหยุดบนใบหน้าหดเล็กลงของยมราชน้อยที่เหมือนเซวียนหยวนโม่เจ๋ออย่างกับแกะ ก็หรี่ตาลงทันที “หรือว่าโม่หานแต่งงานแล้ว ขนาดลูกชายยังโตถึงเพียงนี้?”
สีหน้าเขาถมึงทึง เห็นเด็กน้อยเช่นนี้ก็คิดไปตามสัญชาตญาณว่าเซวียนหยวนโม่หานอาจจะแต่งงานแล้ว มิเช่นนั้นเด็กที่หน้าตาเหมือนเขาอย่างกับแกะนี่มาจากไหน?
“ท่านปู่ ข้าเป็นน้องชายเขาขอรับ ไม่ใช่ลูกชาย เขายังไม่ได้แต่งกับนางเลย! ลูกชายจะมาจากไหนได้?” เด็กน้อยคารวะผู้เฒ่าเฟิ่งด้วยท่าทางเช่นเด็กโตเกินวัย พูดไปพลางหยุดสายตาที่เฟิ่งจิ่วไปพลาง
ผู้เฒ่าได้ยินเช่นนี้สีหน้าก็ผ่อนคลายลง “น้องชาย? ไม่ใช่ลูกชายก็ดีแล้ว หากเขาแอบไปแต่งงานข้างนอกโดยปิดบังพวกเรา อย่าคิดเชียวว่าข้าจะยกหลานสาวให้เขา”
“ท่านปู่วางใจได้ ไม่หรอกขอรับ” น้ำเสียงไม่ประสาเอ่ยรับประกัน ทุกคนฟังแล้วในใจมีความคิดต่างกันไป สายตามองร่างเขาอย่างอดไม่ได้
กลับเห็นว่าร่างเล็กยืนตัวตรง สีหน้าท่าทางจริงจัง ภายใต้การเสริมของชุดคลุมสีดำที่เรียบง่ายแต่ไม่ขาดความหรูหรา ทั้งตัวเขาทำให้คนหาข้อตำหนิไม่เจอแม้แต่น้อย สง่างามสูงส่งจนน่าชื่นชม
“มาๆ ท่านปู่อุ้มเจ้าเอง”
ผู้เฒ่าเฟิ่งโน้มกายลง ยื่นแขนจะอุ้มเขา ใครจะรู้ว่าเด็กน้อยกลับถอยไปด้านหลังและส่ายหน้า เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ข้าไม่ต้องให้คนอุ้มขอรับ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ นอกจากท่านผู้เฒ่าแล้ว คนอื่นๆ ต่างมีสีหน้าตะลึงเล็กน้อย จากนั้นค่อยหลุดหัวเราะออกมา
หมายถึงไม่ต้องให้คนอื่นอุ้ม ไม่ใช่ไม่ต้องให้คนอุ้มกระมัง?
พวกเขาเดินไปพลางพูดคุยกัน มุ่งไปยังตำหนักของท่านผู้เฒ่า ครั้นมาถึงในตำหนัก ในที่สุดก็เห็นซู่ซีที่ท้องโตและใบหน้ามีรัศมีความเป็นแม่
“ท่านย่า”
เฟิ่งจิ่วเข้าไปคารวะอย่างยิ้มแย้ม สายตาที่มีรอยยิ้มหยุดลงบนท้องของนาง “ท่านย่าใกล้จะคลอดแล้วกระมัง?”
“แม่หนูเฟิ่งกลับมาแล้ว!” ซู่ซียิ้มพลางจูงมือเธอมานั่ง ยิ้มเอ่ยว่า “ข้ามปีใหม่ก็น่าจะคลอดแล้ว”
“เช่นนั้นข้าจะอยู่ต่อรอจนท่านย่าคลอดท่านอาตัวน้อยแล้วค่อยไปเจ้าค่ะ” เธอยิ้มบอก
“ถ้าเจ้าไม่รีบกลับสำนักศึกษา ก็พักอยู่บ้านหลายๆ วันสิ ปู่เจ้าพูดถึงเจ้าบ่อยๆ บอกว่าเจ้าไปตั้งหนึ่งปี ก่อนหน้านี้ไม่เคยจากบ้านไปไกลและนานเพียงนี้ จึงกังวลอยู่ตลอดว่าเจ้าจะกินไม่อิ่มหรือถูกรังแกข้างนอก”
เธอได้ยินก็หัวเราะร่า “ที่ผ่านมาข้ารังแกคนอื่นมากกว่า ไหนเลยจะมีคนมารังแกข้าได้?”
“เด็กคนนี้หน้าตางดงามจริงๆ น่าจะเพิ่งสามสี่ขวบกระมัง?” นางมองยมราชน้อยที่ยืนเงียบอยู่ด้านข้าง เพราะตนเองจวนจะเป็นแม่คนแล้ว พอเห็นเด็กน้อยเลยยิ่งเอ็นดูเป็นพิเศษ
ด้วยเหตุนี้นางจึงหยิบผลไม้ชิ้นเล็กสีแดงสดบนโต๊ะมายื่นให้เขา พูดเสียงอ่อนโยนว่า “มา ข้าให้เจ้า”
…………………………….