Skip to content

สู่วิถีอสุรา 30

ตอนที่ 30 สวรรค์หนอสวรรค์ เหตุใดเจ้าเศร้าโศกอยู่ผู้เดียว

ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ซูหมิงตื่นตะลึง ทว่าการเคลื่อนไหวของเขาไม่หยุดชะงักเพียงเท่านั้น แต่กลับรวดเร็วขึ้น นิสัยของซูหมิงก็เป็นเช่นนี้ หากตัดสินใจแล้วยากจะแก้ไข

แทบจะเป็นช่วงเดียวกับที่ซูหมิงมาถึง ดวงตาทั้งสองข้างของไป๋หลิงเหม่อลอย ราวกับไม่กังวลสิ่งใด นางมองซูหมิงด้วยความตะลึง น้ำตาพลันไหลโดยไม่รู้ตัว

ช่วงวินาทีนั้น ซูหมิงพลันใช้เขากระดูกแทงเข้าไปในลำต้นจนทะลุเข้าไปครึ่งหนึ่ง ของเหลวสีแดงข้นดุจโลหิตไหลจากปากแผลบนลำต้น ในขณะเดียวกันมีเสียงคำรามร้องด้วยความเคียดแค้น สั่นสะเทือนไปทั้งแอ่งกระทะ

ใบหน้าซูหมิงขาวซีด แววตาของเขากลับเป็นประกายแสงเย็นเยือก หลังจากใช้เขากระดูกแทงเข้าไปแล้ว ก็พลันออกแรงกรีดลงส่งเสียงดังฉึก เกิดเป็นรอยยาวใหญ่ ทั้งยังมีไอหนาวแผ่ซ่านมาจากข้างใน

รอยยาวแทบจะขนาบตัวไป๋หลิง เมื่อกรีดเสร็จแล้ว ซูหมิงมองร่างไป๋หลิงแวบหนึ่ง ก่อนมุดเข้าไปจับแขนของนางที่ติดอยู่ในลำต้น คำรามเสียงต่ำแล้วพลันออกแรงดึงจนไป๋หลิงหลุดออกมาได้

ไป๋หลิงตะลึงค้าง นางมองซูหมิงที่กำลังดึงตนด้วยแววตาเหม่อลอย น้ำตาไหลอาบแก้ม ยามนี้ภาพของซูหมิงฝังลึกเข้าไปในสมองของนาง

ซูหมิงพาไป๋หลิงกระโดดถอยออกทันที หัวใจเขาเต้นโครมคราม ขณะกำลังคิดจะหลบหนี เสียงร้องคำรามพลันรุนแรงยิ่งขึ้น ก่อนมีค้างคาวจันทราหลายตัวบินออกมาจากรอยกรีดตรงลำต้น ความโศกเศร้าและความอ้างว้างของพวกมันก่อนหน้านี้มลายหายไปจนหมดสิ้น แทนที่ด้วยความคลุ้มคลั่งและกระหายเลือด

ซูหมิงเป็นกังวล รีบถอยอย่างรวดเร็ว ค้างคาวจันทราเบื้องหน้าของเขามีมากเกินไป อยู่กันแน่นขนัดไม่ต่ำกว่าหลายพันตัว กระทั่งในลำต้นยังมีค้างคาวจันทราจำนวนที่มากกว่าอยู่

แทบจะเป็นจังหวะเดียวกับที่พวกมันออกมา ซูหมิงพลันสังเกตเห็นได้ชัดว่า ค้างคาวจันทราพวกนี้ถูกคลื่นไอร้อนซัดสาด ทำให้พวกมันเกิดความกลัว กระทั่งมีหลายตัวที่ร่างพลันแข็งค้างตกลงสู่พื้นหินหนืดทันที ส่งเสียงดังซู่แตกสลายเหมือนกลายเป็นหิน พวกมันไม่มีเลือด มีเพียงไอหนาวที่ลอยขึ้น

“ตำนานเล่าว่าเผ่าหมานเพลิงมีชีวิตเป็นนิรันดร์ ก่อนถูกเทพหมานเปลี่ยนให้เป็นค้างคาวจันทรา เรื่องนี้น่าจะเป็นจริง! เดิมทีพวกมันไม่กลัวไฟ แต่หลังจากกลายเป็นค้างคาวจันทราแล้วจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงพิสดาร พวกมันกลับกลัวไฟขึ้นมา….

ดูจากลักษณะการตายแล้ว เหมือนร่างของพวกมันคล้ายน้ำแข็ง….. “

ซูหมิงเพ่งมองพลางกระโดดถอยอย่างว่องไว ก่อนใช้มือซ้ายเหวี่ยงไป๋หลิงขึ้นไปบนทางออกใกล้ๆ

“มัวใจลอยอะไร! รีบหนี!” ซูหมิงตะโกนขึ้นไป ไป๋หลิงพลันได้สติราวกับตื่นจากฝันร้าย นางหันมองซูหมิงแวบหนึ่ง ลังเลเหมือนอยากจะกล่าวอะไรบางอย่าง

“วิ่ง!” ซูหมิงกระโดดไปยังทางขึ้น ยามนี้หินหนืดในแอ่งกระทะเบื้องล่างท่วมมิดหลังคาบ้านเรือน เหลือไว้เพียงยอดหลังคาบางแห่งเท่านั้น ใบหน้าไป๋หลิงขาวซีด นางไม่ลังเลอีก หมุนตัววิ่งออกไปตามเส้นทางอย่างรวดเร็ว แม้จะเจ็บขาทั้งสองข้าง นางกลับไม่สนใจ ความคิดเดียวในตอนนี้คือต้องหนีไปจากที่นี่ให้ได้

ซูหมิงกระโดดตามยอดหลังคาเรือนที่เหลืออยู่จนมาถึงตรงทางขึ้น มีเสียงคำรามของค้างคาวจันทรามหาศาลตามหลังเขามา

แต่พวกมันกลับไม่กล้าจู่โจม ทำได้เพียงร้องเสียงดังก้องอยู่ในลำต้น ถึงกระนั้นก็ยังมีพวกมันสิบกว่าตัวที่บ้าบิ่นยิ่งนัก พุ่งโจมตีเข้าใส่ซูหมิง

โลหิตในกายซูหมิงเดือดพล่าน เส้นเลือดเส้นที่สิบเอ็ดปรากฏขึ้น

ยามค้างคาวจันทราสิบกว่าตัวบุกเข้ามา เขากวัดแกว่งเขากระดูกในมือพลางกระโดดขึ้นไปบนทางออก หากกล่าวคงจะยืดยาวนัก แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นในช่วงเสี้ยววินาที เมื่อซูหมิงมาถึงทางออก มีพวกมันบางตัวตกลงสู่พื้นหินหนืด ร่างระเบิดกระจาย

ซูหมิงหัวใจเต้นโครมคราม ทว่าเขายังคงสงบนิ่ง ทุกอย่างยังคงอยู่ในการคำนวณของเขา หากเมื่อครู่เขาเลือกลงมือในขณะที่อุณหภูมิความร้อนยังไม่มากพอ เกรงว่าคงไม่ราบรื่นเช่นนี้ ค้างคาวจันทราพวกนั้นจะต้องออกมาเยอะกว่านี้แน่นอน

ตอนนี้ซูหมิงวิ่งไปตามเส้นทาง ใต้ฝ่าเท้าส่งกลิ่นเนื้อถูกแผดเผา เขายังไม่หยุดชะงัก กลับวิ่งทะยานสุดกำลังไปเบื้องหน้า

ด้านหลังของเขามีเสียงร้องคำรามดังกึกก้องไปทั้งแอ่งกระทะ พวกมันไม่กล้าบุกจู่โจม แต่ก็ยังมีบางตัวที่เห็นสหายตายตกไปเมื่อครู่ จึงพุ่งตามเข้ามาตรงทางออกและส่งเสียงหวีดร้องแหลมใส่ซูหมิง

‘ค้างคาวจันทรากลัวความร้อน…ฉะนั้นก็เลยอยู่แต่ในลำต้นไม่ออกมา เส้นทางนี้ยิ่งออกไปไกลเท่าไหร่ ความร้อนจะยิ่งลดลง….’ ขณะซูหมิงพุ่งทะยาน เสียงร้องแหลมยิ่งชัดเจนขึ้น

‘ต้องฆ่าพวกมันก่อน จะยืดเวลาไปอีกไม่ได้แล้ว!’ แววตาซูหมิงขยับประกาย บนเส้นทางเบื้องหน้ามีหินใหญ่ที่เขาวางเอาไว้ก่อนหน้านี้ เขาพลันวิ่งเข้าไปที่ข้างหินใหญ่ก้อนนั้น หมุนตัวกลับ ในมือถือเขากระดูก เห็นค้างคาวจันทราสี่ตัวกำลังส่งเสียงหวีดร้องใกล้เข้ามา

ใบหน้าซูหมิงซีดขาว แววตากลับเย็นเยือก แทบจะเป็นจังหวะเดียวกับที่พวกค้างคาวจันทราเข้าถึงตัว ซูหมิงพลันใช้เท้าถีบหินก้อนใหญ่ ก่อนหน้านี้เขาได้คาดคะเนน้ำหนักของมันไว้ และกะให้มีขนาดใกล้เคียงกับทางสายนี้ ด้วยแรงถีบจากพลังโลหิตทั่วร่าง หินก้อนใหญ่กระเด็นไปพร้อมกับส่งเสียงดังสนั่น ดุจดั่งประตูบานใหญ่ปิดตายเส้นทางสายนี้!

ตามแผนการของเขา หินก้อนใหญ่จะขวางค้างคาวจันทราสามตัวได้ชั่วคราว จะเหลือเพียงหนึ่งตัวที่เขาสามารถใช้เขากระดูกสังหารมันท่ามกลางเส้นทางอันร้อนระอุได้

ทว่าความเป็นจริงค้างคาวจันทราว่องไวเกินไป หินก้อนใหญ่ขวางพวกมันได้เพียงสองตัวเท่านั้น เหลืออีกสองตัวที่ส่งเสียงหวีดร้องตรงเข้ามา

ซูหมิงขมวดคิ้ว พลันหมุนตัวพุ่งทะยานต่อไป แม้เขาจะสังหารพวกมันได้ทั้งสองตัว แต่ก็อาจจะได้รับบาดเจ็บฉะนั้นเขาจึงเลือกวิธีที่ดีกว่า

ค้างคาวจันทราด้านหลังตามเข้ามาด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น ตอนห่างกันไม่ถึงสิบจั้ง เบื้องหน้าซูหมิงปรากฏหินก้อนใหญ่ขึ้นอีกหนึ่งก้อน

ซูหมิงใช้วิธีแบบเดิม ถีบหินกระเด็นส่งเสียงดังสนั่น หินก้อนใหญ่ขวางเส้นทางเอาไว้ ทำให้ค้างคาวจันทราตัวหนึ่งถูกขวางเอาไว้หลังหิน ส่วนอีกตัวหนึ่งบินลอดมาได้

แววตาซูหมิงฉายประกายเย็นเยือก พุ่งทะยานเข้าใส่ ในมือถือเขากระดูก หนึ่งคนหนึ่งสัตว์เกิดการต่อสู้กันขึ้นทันที หากเป็นซูหมิงที่ไม่ได้ฝึกพลังหมาน เกรงว่าเขาคงไม่อาจรับมือได้ หากแต่ยามนี้เขามีเส้นเลือดสิบเอ็ดเส้น ทั้งในมือยังถือเขากระดูกคมกริบ การต่อสู้ครั้งนี้เขาจึงกำชัยชนะเอาไว้ได้ทั้งหมด

เสียงสวบดังขึ้น เขากระดูกในมือของซูหมิงแทงทะลุแล้วฉีกร่างของมันออก ทว่าบาดแผลของมันกลับฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว มันมีสีหน้าเจ็บปวด แต่ไม่มีทีท่าว่าจะตายลงได้เลย

แววตาซูหมิงเป็นประกาย ก่อนฟันร่างมันอีกหลายบาดแผล ทำให้ค้างคาวจันทราไม่อาจฟื้นตัวได้ทัน ซูหมิงอาศัยจังหวะนี้หมุนตัวแล้ววิ่งหนีไป ห้อเหยียดตลอดเส้นทาง เมื่อพบกับหินก้อนใหญ่ที่ตนเตรียมไว้ เขาจะถีบมันให้เป็นปราการขวางเส้นทางทุกครั้งไป

แม้จะมีหยุดชะงักเล็กน้อย แต่ความเร็วเป็นสิ่งที่ซูหมิงเก่งกาจที่สุด ตัวเขาดุจประกายแสงวูบผ่าน ไม่นานก็มาถึงใจกลางที่มีโพรงจำนวนมาก

“ข้า…ข้าอยู่นี่!” เมื่อมาถึง ซูหมิงพลันได้ยินเสียงอ่อนแรงจากไป๋หลิง เขาเห็นใบหน้านางซีดขาวและหวาดกลัว กำลังหลบอยู่ในโพรงเล็กแห่งหนึ่ง ตัวสั่นเทา ไป๋หลิงมาถึงตรงนี้นานแล้ว เพียงแต่นางไม่รู้ว่าโพรงไหนคือทางออก จึงไม่กล้าเดินสุ่มสี่สุ่มห้า กลัวว่าจะเจอกับค้างคาวจันทราอีกครั้ง

ไป๋หลิงในยามนี้ไม่มีท่าทางโอหังอวดดีเฉกเช่นที่ซูหมิงพบในตลาดอีก นางในตอนนี้ราวกับสัตว์น้อยที่กำลังตื่นตระหนก แววตาลนลาน ยิ่งทำให้ซูหมิงกลั้นหัวเราะไม่อยู่

“เจ้า….เจ้ายังมีหน้ามาหัวเราะอีก!” ไป๋หลิงวิตกกังวลยิ่งนัก ขณะกำลังจะกล่าวต่อ กลับเห็นซูหมิงขยับร่างเข้ามาแล้วคว้าแขนของนางไว้ ก่อนตรงไปยังโพรงเล็กแห่งหนึ่ง

“นี่เป็นทางออกหรือ?” ไป๋หลิงมองซูหมิง กล่าวขึ้นเสียงเบา ความหวาดกลัวในจิตใจลดน้อยลงโดยไม่รู้ตัว

ซูหมิงพยักหน้าไม่กล่าวใดๆ แต่ดึงมือของไป๋หลิงวิ่งตรงไปตามเส้นทางอย่างรวดเร็ว หูของเขาได้ยินเสียงหอบหายใจแรงจากไป๋หลิง

เสียงนั้นเสนาะหูยิ่งนัก หัวใจซูหมิงเต้นระรัว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะวิ่งหรือเป็นเพราะเจ้าสิ่งนุ่มนิ่มในมือของเขากันแน่

ทั้งคู่เงียบมาตลอดทาง ไป๋หลิงไม่กล่าวสิ่งใด เพราะซูหมิงจับมือของนางพาวิ่งไปตามเส้นทางที่แสนอันตรายนี้ หัวใจของนางจึงเต้นเร็วขึ้น เมื่ออยู่กับซูหมิง ความหวาดกลัวและความสิ้นหวังก่อนหน้านี้ค่อยๆ มลายหายไป

เพียงแต่เวลาแห่งความเงียบสงัดไม่อาจยาวนานได้ ไม่นาน ซูหมิงก็พาไป๋หลิงมาถึงถ้ำหลอมสมุนไพรของเขา ซูหมิงปล่อยมือนาง สายตาจับจ้องไปบนร่องดินที่ตนใช้เขากระดูกขุดให้เกิดเปลวเพลิงสำหรับการหลอมสมุนไพร ทั้งยังขมวดคิ้วราวกับกำลังวางแผนอะไรบางอย่าง

ใต้หม้อฮวงที่อยู่ไม่ไกลนัก ยามนี้มีเปลวเพลิงพวยพุ่งและค่อยๆ ลุกไหม้อย่างเชื่องช้า ไป๋หลิงมองซูหมิงด้วยแววตาสับสน ในใจปั่นป่วน

นางในตอนนี้ยังคิดว่าตัวเองฝันอยู่ หลังจากถูกค้างคาวจันทราจับตัวมา นางคิดว่าคงสิ้นหวังแล้ว ทว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดกลับทำให้นางคิดว่าอาจจะยังไม่ตื่นจากฝัน

ยามนี้เสียงคำรามร้องแหลมดังขึ้นอีกครั้ง อีกทั้งยังรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกำลังใกล้เข้ามา

ไป๋หลิงตัวสั่นเทา คิดจะเข้าไปหาซูหมิง ทว่าก้าวได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกซูหมิงดึงตัวเข้าไป และพานางวิ่งผ่านแอ่งเพลิงเล็กบนพื้น ก่อนหมุนตัวกลับไปมองด้านใน

ผ่านไปไม่นาน เสียงร้องแหลมพลันดังชัดเจนขึ้น ค้างคาวจันทราสามตัวตรงดิ่งเข้ามาอย่างดุร้าย ไป๋หลิงตัวสั่นคิดจะถอยหนี กลับเห็นแววตาซูหมิงเป็นประกาย ใช้เขากระดูกกรีดลงไปบนพื้นขนาบกับเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้อยู่ใต้หม้อฮวง และลากยาวเชื่อมเข้ากับร่องเขา

ทันใดนั้นเปลวเพลิงพลันพวยพุ่ง แทบจะคลับคล้ายทะเลเพลิง ค้างคาวจันทราสามตัวที่ตรงเข้ามาถูกทะเลเพลิงปกคลุม ส่งเสียงร้องโหยหวน ก่อนตกลงสู่พื้นแล้วระเบิดกระจุย ไอหนาวแผ่ซ่านหลอมรวมเข้ากับไฟ

ภายใต้แสงสะท้อนจากเปลวเพลิง ใบหน้าซูหมิงดูมืดทะมึนเล็กน้อย ไป๋หลิงที่อยู่ด้านหลังเขานัยน์ตาฉายแววหวาดกลัวยิ่งขึ้น

“พวกมัน…..พวกมันกลัวไฟหรือ?” ไป๋หลิงกล่าวเสียงเบา

“ตอนยังมีชีวิตพวกมันคารวะเพลิง เพลิงเป็นเกียรติยศ ทว่าหลังจากเป็นค้างคาวจันทรา พวกมันไม่เพียงแต่สูญเสียร่างกายและสติปัญญาเท่านั้น ยังเสียเกียรติยศด้วย….มันไม่ได้กลัวเพลิง แต่ละอายต่อเพลิง…เกิดเป็นเพลิง ตายเพราะเพลิง…”

ซูหมิงกล่าวพึมพำ ปรากฏภาพตัวอักษรประโยคนั้นพร้อมกับโครงกระดูกที่เขาพบในชนเผ่าหมานเพลิง

‘สวรรค์หนอสวรรค์ เหตุใดเจ้าเศร้าโศกอยู่ผู้เดียว….’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!