ตอนที่ 107 ความลับของท่านปู่
ฟ้าดินแข็งค้าง แม้แต่ลมยังหยุดกลางเวหา ทุกอย่างเงียบสงัด
ปี้ถูตัวสั่น คุกเข่าคารวะไปบนท้องฟ้าทางทิศเหนือ
“เป็นปี้ถูบริวารของท่านเชิญท่านมา ข้าเตรียมพลังชีวิตรอไว้แล้ว ใช้สองคนนี้เป็นเครื่องเซ่นไหว้ เทพหมานชั่วร้ายแห่งแดนเหนือโปรดมาเยือน”
แทบจะเป็นช่วงที่ปี้ถูกล่าว เบื้องหน้าเขา มีพลังไร้รูปกำลังรวมตัวค่อยๆ กลายเป็นภาพเลือนราง มันเป็นลักษณะคน รูปร่างดูไม่ชัดเจน กระทั่งหากมองไม่ละเอียดยังมองไม่ออกว่าเป็นคน
ท่านปู่ตัวสั่นเทา หายใจกระชั้นถี่
ซูหมิงที่อยู่ในร่างคนยักษ์ก็เช่นเดียวกัน เขาไม่อาจขยับร่างกายได้ และยังสัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งกว่าปี้ถูจากเงาคนโปร่งใส
ในตัวเขายังมีโอสถโลหิตเม็ดสุดท้ายเหลืออยู่ ทว่ามันก็เป็นดาบสองคม หากสัมผัสกับบาดแผลตัวเองก็เท่ากับทำลายตัวเอง ฉะนั้นทุกครั้งที่เขาใช้จะระวังเป็นพิเศษ
นี่เป็นอาวุธสังหารของเขา เขาไม่ทราบว่ามันจะส่งผลกับผู้แข็งแกร่งขั้นชำระล้างหรือไม่ มีเพียงต้องลองดูเท่านั้น ทว่าการจะเข้าประชิดตัวขั้นชำระล้างกลับยากเข็ญนัก ก่อนหน้านี้แม้ว่าจะมีโอกาสลองแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายสะบัดกระจาย กระทั่งเป็นไปได้สูงมากที่จะสะท้อนกลับมาหาตัวเองและท่านปู่
เงาคนโปร่งใสยืนอยู่เบื้องหน้าปี้ถูที่กำลังคุกเข่าคารวะ ยกมือขวาขึ้นราวกับกดไปยังหน้าผากของปี้ถู ปี้ถูตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรง สีหน้าเผยความเจ็บปวด ทว่าก็ยังกัดฟันทนไม่ส่งเสียงร้อง ก่อนพบว่ามีโพรงเล็กปรากฏขึ้นตรงกลางระหว่างคิ้ว มีโลหิตพุ่งกระฉูดจำนวนมาก ราวกับถูกเงาคนโปร่งใสกลืนกิน
ไม่นานเงาคนก็ไม่โปร่งใสอีกต่อไป แต่กลายเป็นสีโลหิต เห็นภายในร่างกายเขามีโลหิตหมุนเวียน จากนั้นค่อยๆ ขยายมาเป็นมือขวาและนิ้วทั้งห้าเพียงครึ่งเดียว
ร่างของปี้ถูแห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่ลมหายใจ คลับคล้ายโครงกระดูก
“ไม่พอ…” นิ้วมือเพียงครึ่งเดียวเป็นสีโลหิต ทว่าส่วนที่เหลือกลับยังเป็นเงาโปร่งใส เสียงยืดยานคางดังเข้ามาในจิตใจของคนทั้งสาม
ปี้ถูทราบอยู่แล้วว่าโลหิตย่อมไม่พอ จึงใช้สองมือกดไปทางผืนดิน แผ่นดินพลันสั่นสะเทือน ภูเขาทมิฬมืดสลัวลงไปชั่วพริบตา หิมะบนเขากลายเป็นสีดำทั้งหมด ค่อยๆ แผ่ขยายลงไปในป่าทึบ ต้นไม้ใบหญ้าทยอยกันแตกหักกลายเป็นละอองฝุ่น มีควันขาวลอยขึ้นมาจากทุกส่วนของผืนดิน ก่อนตรงเข้าหาปี้ถู
สีดำยังคงแผ่ขยายไปในป่าทึบใต้ตีนเขา สิ่งมีชีวิตทุกสรรพสิ่งที่ถูกปกคลุมยังล้มตายกันเป็นจำนวนมาก กลายเป็นควันขาวลอยขึ้นฟ้า ส่วนเจ้าลิงน้อยกำลังห้อวิ่งด้วยความตื่นกลัวบนต้นไม้ จึงหลบสีดำได้
ควันขาวลอยขึ้นฟ้าไม่หยุด หลอมรวมเข้าสู่ร่างกายปี้ถู ทำให้ร่างกายแห้งเหี่ยวของเขาฟื้นฟูกลับมาดังเดิมอีกครั้ง ทว่าขณะเดียวกัน เหมือนว่าโลหิตที่พุ่งจากโพรงเล็กตรงกลางระหว่างคิ้วมากขึ้น และถูกเงาคนตรงหน้าสูบกลืนเข้าร่างกาย
มันเป็นภาพที่น่าสะพรึงในสายตาซูหมิงกับท่านปู่ แต่พวกเขาไม่อาจขวางได้ ขยับร่างกายไม่ได้แม้แต่นิด
“ยังไม่พอ…” ยามนี้ห้านิ้วมือขวาของร่างเงาคนกลายเป็นสีแดงทั้งหมด
“นี่เป็นทั้งหมดของข้าแล้ว…เทพหมานโปรดมาเยือน…” ปี้ถูตัวสั่นเทา ยามนี้เขาขยับร่างกายไม่ได้แล้ว บาดแผลที่เพิ่งฟื้นฟูก่อนหน้านี้ปรากฏอีกครั้ง พากันเริ่มปริแตก
“การเซ่นไหว้ครั้งนี้ไม่พอ…มาได้เพียงแค่นิ้วมือ” เงาคนกล่าวเรียบๆ มีเพียงนิ้วมือทั้งห้าเปื้อนโลหิต ชี้ไปบนท้องฟ้า
เมฆลมเปลี่ยนสีทันใด เมฆดำจำนวนมากเคลื่อนตัวมารวมกันปกคลุมไปครึ่งฟ้า มีเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นหวั่นไหว เวลาเดียวกัน พบว่าในชั้นเมฆดำพลันมีประกายสายฟ้าสีดำผ่าลงมา สายฟ้านี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายความชั่วร้ายและมืดครึ้ม ในช่วงที่บังเกิด ราวกับเป็นตัวแทนแห่งความตาย!
ช่วงที่มันปรากฏ เดิมทีซูหมิงไม่อาจขยับร่างกาย ทว่าเศษหินสีดำที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมานานตรงหน้าอกเขาพลันปล่อยไออุ่น หลอมรวมเข้าสู่ร่างกาย มีเสียงกึกๆ ดังขึ้น ก่อนพบว่าเขาขยับร่างกายได้แล้ว
ซูหมิงไม่ทันได้ขบคิด แทบจะเป็นช่วงที่สายฟ้าผ่าลงมา เขาพลันก้าวเดินไปเบื้องหน้า อาศัยจังหวะที่ยามนี้ปี้ถูไม่อาจขยับร่างกายได้และบาดเจ็บหนัก หยิบโอสถโลหิตพร้อมกับก้าวเข้าประชิดตัว ยื่นมือขวาออกมาจากตัวคนยักษ์ แล้วดีดเข้าใส่บาดแผลจำนวนมากของปี้ถู
เมื่อดีดเข้าใส่แล้ว สายฟ้าสีดำตรงเข้าประชิดตัวคนยักษ์ เขาไม่อาจหลบได้ จึงกำหมัดขวาแล้วชกเข้าใส่สายฟ้า!
ภาพดังกล่าว หากมองไกลๆ จะเหมือนกับว่าคนยักษ์กำลังโกรธสวรรค์ คิดจะประมือกับสายฟ้าจากบนนั้น!
เงาคนเลือนรางที่มีเพียงนิ้วมือเป็นสีแดง ยามนี้พลันถอนหายใจเบา ขณะมองซูหมิง เหมือนกับว่าร่างกายของเขาไม่อาจคงรูปตรงนี้ได้นาน จึงค่อยๆ เลือนหาย
ท่านปู่กลับมาเป็นอิสระอีกครั้ง สีหน้าเขาดูเป็นกังวล เห็นคนยักษ์ซูหมิงกับสายฟ้าสีดำเข้าปะทะกันกลางเวหา!
ทว่ายามนี้ โอสถโลหิตก็รวดเร็วไม่ต่างกัน มันตรงเข้าใกล้ปี้ถู
เขาไม่ทราบว่าเจ้าสิ่งนี้คืออะไร แสยะยิ้มพร้อมกับสะบัดมือขวา เกิดเป็นลมแรงพัดผ่าน แต่ภายในโอสถชนิดนี้กลับซ่อนระเบิดพลังโลหิตของซูหมิงเอาไว้ ในช่วงที่กระทบกับโอสถโลหิต มันพลันปะทุกลายเป็นหมอกแดง ตรงเข้าใส่ปี้ถู
แม้เขาจะสะบัดออกไปบ้าง ทว่าส่วนใหญ่ก็ตกใส่ตัวเขา พลันมุดเข้าไปในบาดแผล ราวกับมีเพลิงแผดผาโลหิต
“อ่อนหัด!” ปี้ถูสีหน้าเปลี่ยน แสยะยิ้มพร้อมกับโคจรโลหิต ไม่ทราบว่าทำเช่นไรถึงทำให้การแผดเผามอดดับ ทว่าใบหน้าเขากลับขาวซีดขึ้นเล็กน้อย
ยามนี้สายฟ้าสีดำเผยกลิ่นอายความชั่วร้ายและมืดครึ้ม ในช่วงที่บังเกิดราวกับกลายเป็นแสงแห่งความตายตรงเข้าหาซูหมิง ก่อนปะทะกับกำปั้น
ไม่มีเสียงระเบิด ทุกอย่างเงียบสงัด ในสายตาของท่านปู่ เขาเห็นแขนคนยักษ์แหลกสลายกลายเป็นหมอกแดงมหาศาล ขณะเดียวกัน ร่างกายของคนยักษ์สั่นไหวอย่างรุนแรง เริ่มพังทลายจากส่วนไหล่แผ่ขยายลงมาต่อเนื่อง เพียงชั่วพริบตา ร่างคนยักษ์แปดส่วนกลายเป็นหมอกแดง สายฟ้าพุ่งทะลวงผ่านร่างไปโดยตรง
“ซูหมิง!” ท่านปู่ตาแดงก่ำ ขณะพุ่งทะยานเข้าไป คนยักษ์ที่เหลือเพียงครึ่งเดียวบนท้องฟ้าพลันรวมตัวกันขึ้นอีกครั้งท่ามกลางหมอกแดงปกคลุม
ตรงใจกลางเป็นซูหมิงซ่อนอยู่ในตัว ช่วงที่ปล่อยหมัดเมื่อครู่ เขาเปลี่ยนตำแหน่งของตัวเองในร่างคนยักษ์ ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น เขาก็ยังอาบชโลมไปด้วยโลหิต มาถึงปลายทางแล้วเช่นกัน
สายฟ้าสีดำทะลวงผ่านร่างคนยักษ์ ยามนี้หยุดอยู่กลางอากาศ ราวกับมืดลงไม่น้อย มันค่อยๆ เปลี่ยนทิศทาง ไม่ตรงไปหาท่านปู่ แต่ยังคงตรงเข้าใส่ร่างคนยักษ์ที่กำลังรวมตัวจากหมอกแดง
ปี้ถูอยู่ไกลๆ โลหิตไหลจากทวารทั้งเจ็ด ลมหายใจกระชั้นถี่ การอัญเชิญเทพหมานชั่วร้ายจำเป็นต้องสังเวยชีวิต แต่ขณะเดียวกัน การจะให้สายฟ้าสีดำทรงอานุภาพ เขาจำเป็นต้องสังเวยชีวิตไปเรื่อยๆ อีกทั้งก่อนหน้านี้ยังต้องดับเปลวเพลิงในร่างกาย จึงทำให้เขาเสียพลังงานเล็กน้อย
ความแข็งแกร่งของการโจมตี เกี่ยวโยงถึงขั้นพลังของเขาเป็นอย่างมาก พลังจากสายฟ้าหนึ่งนิ้วมือ แท้จริงแล้วเป็นพลังของเขาทั้งหมด เพียงแต่เทพหมานชั่วร้ายเปลี่ยนมันก็เท่านั้น ทว่าถึงอย่างไรก็ยังเกี่ยวกับขั้นพลังของเขาเป็นอย่างมากอยู่ดี
“เหตุใดยังไม่ตาย! ไปตายซะ!” ใบหน้าปี้ถูมีเส้นเลือดดำปูดโปน บนร่างซูบผอมของเขาก็เช่นกัน มองดูแล้วน่าสะพรึงยิ่งนัก
สายฟ้าสีดำค่อยๆ เลือนหาย เปลี่ยนทิศทางตรงเข้าใส่ซูหมิง ท่านปู่หันกลับไปมองงูเหลือมทมิฬที่ร่วมสู้กับเขาจนบาดเจ็บสาหัสในยามนี้ มันสร้างขึ้นจากลวดลายหมานของเขา อยู่กับเขามาชั่วชีวิต ในช่วงที่เขามองมัน ราวกับมันมีจิตใจ มองเขาเช่นเดียวกัน
ท่านปู่ไม่ลังเล หลับตาลง เสื้อผ้าบนร่างกายพลันระเบิดกระจุย เผยให้เห็นรอยแผลโชกโชน เส้นเลือดจำนวนมากบนตัวเขารวมกันขึ้นเป็นลวดลายงูเหลือมทมิฬ ยามนี้มันหลอมละลาย ประหนึ่งถูกล้างหายไปจากตัวท่านปู่
ในช่วงที่ลวดลายงูเหลือมทมิฬเลือนหาย ลวดลายฟันสีแดงโลหิตพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าอกท่านปู่ แผ่ขยายไปทั้งตัวเขา ปลายเขี้ยวฟันอยู่ตรงกลางระหว่างคิ้ว สมจริงดังมีชีวิต!
ยามลวดลายฟันปรากฏ ปี้ถูที่กำลังสังเวยชีวิตเพื่อควบคุมสายฟ้าดำให้เข้าโจมตีซูหมิงพลันสีหน้าเปลี่ยน ดูตื่นกลัวและเหลือเชื่อ!
ในค่ำคืนนี้มีหลายสิ่งที่ทำให้เขาตื่นตะลึง ตั้งแต่การปรากฏของจันทร์โลหิตและค้างคาวจันทรา และยังมีเคล็ดวิชาหมานเพลิงแท้จริง ทว่าหากเทียบกับสิ่งที่เขาเห็นในตอนนี้ ลวดลายฟันบนตัวโม่ซังกลับทำให้เขาตื่นตะลึงมากกว่า
“เป็นไปไม่ได้! ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าจะมีลวดลายหมานสองชนิด! นี่มันเป็นไปไม่ได้ ชาวเผ่าหมานตลอดชีวิตจะมีลวดลายหมานเพียงหนึ่งชนิดเท่านั้น! เจ้า…เจ้ากลับมีสองชนิด!” สีหน้าปี้ถูดูตื่นกลัว กระทั่งลืมควบคุมสายฟ้าสีดำ
เขาไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่ตนเห็น
เขาทราบดีว่า หากเรื่องที่โม่ซังครอบครองลวดลายหมานสองชนิดแพร่งพรายออกไป เกรงว่าใต้หล้าต้องสั่นสะเทือน เพราะตั้งแต่บรรพกาลจนถึงตอนนี้ เขายังไม่เคยได้ยินว่ามีใครมีลวดลายหมานสองชนิด แม้แต่เทพหมานในตำนานยังมีเพียงชนิดเดียว!
โม่ซังพลันลืมตา สีหน้าเรียบเฉย เมื่อลวดลายหมานที่สองปรากฏขึ้น เขาใช้มือขวากดไปยังหน้าอกตัวเอง ก่อนจับอากาศด้านนอก กลางฝ่ามือเขามีฟันยักษ์สูงราวมนุษย์หนึ่งซี่!
ฟันดังกล่าวเผยกลิ่นอายทะมึนทึบ ทุกส่วนเป็นแสงสีขาว เมื่ออยู่ในมือแล้ว ท่านปู่จึงกระโดดถอยหลังมายืนอยู่บนศีรษะของงูเหลือทมิฬที่ยังไม่หายไป
“นี่เป็นไม้ตายสุดท้ายของข้า…ข้าจะสำแดงมัน” สีหน้าท่านปู่เผยความเศร้าโศก ใช้ฟันยักษ์ในมือแทงเข้าไปในศีรษะของงูเหลือมทมิฬ สีหน้าของมันดูเจ็บปวด ทว่าก็ยังคงนิ่ง ปล่อยให้ท่านปู่แทงลึกลงไปในศีรษะของมัน
วินาทีที่แทงลึกเข้าไป ไม่นานดวงตามันก็มืดสลัว สิ้นลมหายใจ ช่วงที่สิ้นใจ ร่างกายของมันแห้งเหี่ยว ทว่าบาดแผลจากฟันตรงศีรษะกลับมีควันดำลอยขึ้น
งูเหลือมทมิฬค่อยๆ หายไปพร้อมกับจำนวนควันดำที่มากขึ้น
พริบตาเดียว งูเหลือมทมิฬมลายหายจนสิ้น แม้แต่ฟันก็ยังหายไปด้วย หมอกดำเข้นข้นเบื้องหน้าท่านปู่ไหลเชี่ยวกรากต่อเนื่อง กลายเป็นศีรษะสัตว์เขาเดียวหน้าตาดุร้าย
ศีรษะสัตว์ดังกล่าวราวกับมีชีวิต ตรงจมูกมีวงแหวนเหล็กสีดำ พลันพุ่งทะยานเข้าใส่ปี้ถูที่กำลังตื่นตะลึง พร้อมด้วยแรงกดดันน่าสะพรึงประดุจมีกลิ่นอายพลังขั้นชำระล้าง