ตอนที่ 112 ฟ้าผ่า ต้นไม้แผดเผา
สถานที่แปลกตาแห่งนี้ แม้จะเป็นความระอุในฤดูร้อนยามค่ำคืนก็ยังอบอ้าวจนต้องหอบหายใจแรง อีกทั้งยังมีพายุฝนตกติดต่อกันหลายวัน ทำให้บ่อโคลนในป่าฝนเละเทะมากยิ่งขึ้น เดินลำบากยิ่งนัก
นี่เป็นสิ่งที่ซูหมิงไม่คุ้นชิน ภูเขาทมิฬถิ่นเติบโตของเขา แม้จะมีพายุฝน ทว่าก็น้อยมากที่จะเป็นเช่นนี้ ตกติดต่อกันหลายเดือน ช่วงฝนหยุดมีไม่มาก
อาการบาดเจ็บของซูหมิงสาหัสขึ้นเรื่อยๆ ความอ่อนแรงทวีคูณเพิ่มขึ้นทุกวัน แม้จะใช้การควบคุมความละเอียดอ่อนและแสงจันทร์ช่วยยับยั้ง ทว่าพลังเส้นเลือดที่เขาใช้ได้กลับลดเหลือเพียงแปดสิบเส้น
ณ ส่วนลึกของป่าฝน แม้ว่าเทือกเขาจะเล็ก ทว่ากลับมีจำนวนมาก บนเขาบางแห่ง มีรอยแยกเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่ในนั้น
ที่ตรงนี้ไม่มีแหล่งน้ำขัง ทว่าผนังหินโดยรอบกลับชุ่มชื้น เขาใช้มือวางไว้ด้านบน สัมผัสได้ถึงของเหลวเย็นๆ บนพื้นยังมีกองไฟมอดดับ เขาอาศัยอยู่ที่นี่ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
รอยแยกตามธรรมชาติตรงจุดนี้ ภายในมีลักษณะเหมือนน้ำเต้า ไม่เล็กไม่ใหญ่ พอเป็นที่บังฝนและหลอมโอสถให้กับซูหมิงได้ รอยแยกลักษณะเช่นนี้มีให้เห็นอยู่ในเทือกเขาไม่น้อย ฉะนั้นเขาใช้เวลาไม่นานก็พบกับโพรงถ้ำลึกลับ
“แม้ตรงนี้ฝนจะตกไม่หยุด ทว่าต้นไม้ก็อุดมสมบูรณ์เช่นกัน ทั้งยังมีสมุนไพรแปลกๆ กระทั่งว่านพันใบในป่าทึบยังมีไม่น้อย” นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย ก้มหน้ามองพื้นห่างไปไม่ไกลนัก พบว่าเป็นสมุนไพรกองหนึ่ง
สมุนไพรเหล่านี้ เขาใช้เวลาหนึ่งเดือนฝ่าพายุฝนเข้าไปในป่าทึบจนได้มันมา
เขามองสมุนไพรเหล่านั้น ก่อนยืนขึ้นจากท่านั่งขัดสมาธิ ความชื้นทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัว
“น่าเสียดาย สมุนไพรมากมายเหล่านี้กลับไม่มีใบตาข่ายเมฆา หลอมโอสถวิญญาณผาไม่ได้ ทว่าสมุนไพรสำหรับหลอมโอสถชำระล้างกับโอสถแดนใต้ ส่วนใหญ่ได้มาครบแล้ว เหลือแค่…กิ่งไม้ราตรีประกาย” ซูหมิงขมวดคิ้ว หนึ่งเดือนที่ผ่านมา เขายังคงหลอมเม็ดโอสถไม่ได้ ตั้งแต่ได้สติกลับมาก็คิดถึงเรื่องนี้ตลอด
ด้านนอกฝนยังตก มีเสียงฟ้าผ่าดังบ้างเป็นบางครั้ง เสียงแบบนี้ซูหมิงคุ้นเคยจึงเห็นเป็นธรรมดา เขาเดินไปเบื้องหน้าพลางขบคิด ผ่านซอกเขาจนไปถึงปากถ้ำ สิ่งแรกที่เห็นคือฟ้าแลบบนท้องฟ้ามืดทึบ ติดต่อกันจนเป็นแสงไฟ ทันใดนั้นเสียงฟ้าร้องดังขึ้น ราวกับมีคนแผดเสียงคำรามบนฟ้า สั่นสะเทือนถึงแผ่นดิน
แสงสายฟ้าประกายวูบวาบ ส่องสว่างบนผืนดินในชั่วพริบตา ก่อนจะมืดทึบลง พายุฝนถาโถมลงสู่พื้น มีไอฝนกระทบใบหน้าซูหมิงไม่น้อย เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ความอบอ้าวในฤดูร้อนหายไปเล็กน้อย แม้ว่าภายในถ้ำจะชื้นมากขึ้น แต่ก็ให้ความรู้สึกเย็นสบาย
ยามมองฟ้าดินที่มืดมิด ทุกสิ่งในแดนแห่งนี้ล้วนแปลกตา แม้แต่น้ำฝนยังไม่คุ้นเคย สีหน้าของเขากลับไม่เผยความโดดเดี่ยว ซ่อนมันลึกอยู่ภายใน แววตาสงบนิ่งมองท้องฟ้าพลางขบคิด
“ไม่มีกิ่งไม้ราตรีประกายแล้วจะหลอมโอสถอย่างไร หรือว่าจะต้องพาสภาพร่างกายอย่างนี้ออกไปหาข้างนอกป่าฝน…” ซูหมิงขมวดคิ้วมากขึ้น
ผ่านไปนาน ซูหมิงถอนหายใจ ทว่าท่ามกลางสายฟ้าที่ผ่าลงมาอย่างต่อเนื่อง มีสายฟ้าเส้นหนึ่งราวกับเบิกสวรรค์ผ่าตัดท้องฟ้าทันใด ราวกับว่ามันอยู่ใกล้ป่าฝนมากเกินไป จึงพลันเปลี่ยนทิศทาง ในสายตาของซูหมิง
สายฟ้าดังกล่าวพุ่งลงมาเป็นเส้นตรง ผ่าลงกลางป่าฝนส่งเสียงดังสนั่น จากนั้นมีควันดำลอยขึ้นท่ามกลางสายฟ้าแลบ อีกทั้งยังมีไฟลุกท่วม แม้แสงไฟจะมอดดับโดยเร็ว ทว่าสิ่งที่เขาเห็นในช่วงเสี้ยววินาทีนั้น กลับทำให้จิตใจเขาสั่นไหว
ยามนี้ในความคิดของซูหมิงราวกับมีประกายแสงแล่นผ่าน!
“กิ่งไม้ราตรีประกายไม่น่าจะเติบโตที่นี่ ข้าจำได้ว่าสมุนไพรชนิดนี้พบเห็นได้ง่ายในแถบภูเขาทมิฬ ทุกครั้งที่เก็บจะมีส่วนหนึ่งที่หากมันขยับประกาย เมื่อสัมผัสโดนตัวจะเกิดความรู้สึกราวกับถูกไฟเผาชั่วครู่ ดูท่าภายในตัวมันน่าจะแฝงพลังธาตุไฟเอาไว้ แต่ที่นี่มีพายุฝนติดต่อกันทำให้เปียกชื้น ฉะนั้นมันจึงเติบโตไม่ได้”
ตอนซูหมิงอยู่ในแถบภูเขาทมิฬ เขาไม่เคยขบคิดเช่นนี้ แต่ยามนี้อยู่ในสถานที่แปลกตาเพียงลำพัง จำเป็นต้องพึ่งตัวเองทุกอย่าง แววตาเขาขยับประกาย จ้องป่าทึบตรงจุดที่โดนฟ้าผ่าก่อนหน้านี้
ร่างเคลื่อนไหว ขยับถอยหลังไปหลายก้าว กลับเข้าไปในถ้ำดังเดิม เขาหยิบสมุนไพรขึ้นมาหนึ่งต้น ก่อนพิจารณามองอย่างละเอียด
“นี่คือเกสรดอกแกนเหล็ก สิ่งนี้…” ซูหมิงดีดนิ้วมือเบาๆ พบว่ามีเสียงกุญแจดังก้อง ราวกับโลหะและหินกระทบกัน
“ภายในเจ้าสิ่งนี้ น่าจะเป็นพลังจากหินและเหล็ก ฉะนั้นมันจึงแข็งมาก คนธรรมดายากจะเก็บเกี่ยวมัน”
“และยังมีว่านหิมวันต์ มันดูอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก ก่อนหน้านี้ข้าไม่ค่อยได้สังเกต พอตอนนี้มองดูแล้ว…”
ซูหมิงหยิบสมุนไพรอีกชนิด เด็ดมาหนึ่งใบมา พบว่ารอยแผลบนต้นมีของเหลวไหล ทว่าเพียงหนึ่งก้านธูป ของเหลวบนรอยแผลรวมตัวกันคล้ายกลายเป็นลูกตุ้ม ซูหมิงทราบดีว่า หากวางสมุนไพรชนิดนี้ลงบนพื้น ไม่นานตรงรอยแผลจะมีใบใหม่งอกออกมา พลังชีวิตของมันเต็มเปี่ยมไปด้วยความน่าอัศจรรย์
“สมุนไพรห้าชนิดสำหรับหลอมโอสถชำระล้าง ก่อนหน้านี้ข้าไม่ค่อยได้สังเกตมันเลย พอตอนนี้เห็นได้ชัดเลยว่าสมุนไพรทั้งห้าชนิดมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างกัน พลังหินเหล็ก พลังชีวิต และยังมีไฟแห่งราตรี ส่วนสมุนไพรอีกสองชนิดนับว่าหาได้ง่ายมากในแถบนี้ มันแฝงไว้ด้วยพลังแห่งน้ำและ…สมุนไพรชนิดนี้ไม่มีกิ่งใบ แต่เป็นรากที่ฝังอยู่ใต้ดิน” แววตาซูหมิงดูขบคิด จ้องรากเปื้อนดินในกองสมุนไพร
“น่าจะเป็นธาตุดิน!”
“ลักษณะพิเศษแตกต่างกันห้าชนิด หลอมเป็นโอสถชำระล้างอัศจรรย์ ตอนนี้ขาดเพียงอีกหนึ่งชนิด…..แต่ว่า หากหลักการของมันเป็นเช่นนี้ บางทีข้าอาจจะ…หาอย่างอื่นมาแทนได้” นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย ปัญหานี้รบกวนเขามาช่วงเวลาหนึ่ง ยามนี้หลังจากเห็นสายฟ้าผ่าจึงพลันสว่างชัด
เขาหมุนตัวกลับทันที กลายเป็นเงาคนทะยานออกจากปากถ้ำ ห้อเหยียดอยู่ท่ามกลางพายุฝน เม็ดฝนตกใส่ตัวเขา ไม่นานก็เปียกชุ่มไปทั้งตัว ไหลลงมาตามเส้นผม แต่ซูหมิงกลับรวดเร็วยิ่งนัก วิ่งห้อจากภูเขาเล็กเข้ามาในป่าฝนเบื้องล่าง ทิศทางของเขาคือจุดที่ถูกฟ้าผ่า
บนพื้นป่าฝนเป็นดินเลน ทั้งยังมีใบไม้เน่าทับถมจำนวนมาก ส่งกลิ่นชุ่มชื้น ท่ามกลางพายุฝน มีเสียงน้ำกระทบดังซ่าๆ ซูหมิงวิ่งผ่านป่าฝน ขณะขยับวูบ เขากระโดดขึ้นมานั่งยองอยู่บนกิ่งไม้เปียกชุ่ม
เบื้องหน้าเขาเห็นเป็นต้นไม้สูงใหญ่ต้นหนึ่ง ลักษณะของมันดูสูงกว่าต้นอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด ยามนี้กลับกลายเป็นสีดำ กิ่งไม้เป็นเถ้า ดูเหมือนโครงกระดูก
หนำซ้ำยังมีควันดำลอยขึ้น แม้ว่ารอบตัวจะมีฝนตกตลอด ทว่าซูหมิงก็ยังสัมผัสได้ว่าใกล้เคียงยังมีแรงกดดันน่าสะพรึงเหลืออยู่ เขามองอยู่เพียงชั่วครู่ ก่อนกระโดดลงจากกิ่งไม้ เข้าใกล้ต้นไม้ใหญ่แห้งสีดำ
ครั้นลองใช้มือคลำดูก็พบว่ายังมีความรู้สึกอบอุ่น แม้ภายนอกจะเปียกชุ่ม ซูหมิงออกแรงบีบนิ้วทั้งห้า พลันสัมผัสได้ถึงความแห้งของมัน
“พลังจากสายฟ้าเกี่ยวกับไฟ ช่วงที่ผ่าลงต้นไม้ต้นนี้ ความชุ่มชื้นของมันระเหยไปในชั่วพริบตา พลังแห้งเหี่ยวแล้วจึงถูกสายฟ้าแผดเผา ที่นี่ไม่มีสิ่งอื่นอีกแล้ว หลังจากต้นไม้ถูกเผา มันก็น่าจะมีพลังแห่งไฟ”
ซูหมิงกระโดดขึ้น เส้นเลือดแปดสิบเส้นพลันขยับแสงโลหิตวูบวาบ ก่อนตบเข้าไปยังต้นไม้ติดต่อกันหลายครั้ง ส่งเสียงดังสนั่น เปลือกต้นไม้แตกกระจุย เผยให้เห็นใจกลางที่ปล่อยไอร้อนระอุ
ซูหมิงใช้มือขวาเป็นมีด พลันสับลง ตัดใจกลางต้นไม้สูงสามจั้งกว่า แบ่งเป็นท่อนๆ แล้วรีบเก็บเข้าไปในถุงชำรุดอย่างรวดเร็ว
ทว่าถุงนี้บรรจุได้จำกัด มีอยู่หลายท่อนที่ใส่เข้าไปไม่ได้ ซูหมิงจึงแบกขึ้นหลังแล้ววิ่งกลับถ้ำหุบเขา
“ตามจริงแล้ว เพลิงที่แฝงอยู่ในโลหิตของข้าก็น่าจะทำได้ บางทีมันอาจทำให้ต้นไม้มีผลเหมือนกับกิ่งไม้ราตรีประกาย ทว่าหากเทียบกับฟ้าผ่าแล้ว แบบนี้มันดีกว่า!” ขณะซูหมิงห้อวิ่ง ในหัวผุดความคิดหลากหลาย ไม่นานก็ฝ่าพายุกลับมาถึงรอยแยกหุบเขา แล้วจึงเข้าใปในถ้ำ
ซูหมิงหอบหายใจแรงเล็กน้อย วางท่อนไม้แห้งสีดำหลายท่อนที่ยังอุ่นอยู่ลง ก่อนหยิบส่วนที่เหลือออกมาจากถุงชำรุด เมื่อมองวัตถุดิบเหล่านี้ เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนนั่งขัดสมาธิลง ปรับพลังโลหิตในร่างกาย ผ่านไปสองก้านธูป ซูหมิงพลันลืมตายกมือขวา ความคิดเคลื่อนไหว มีเสียงสะเก็ดแตกดังขึ้น พบว่ามีลูกไฟปรากฎอยู่ในมือเขา
ลูกไฟกระจายความร้อนโดยรอบ ทำให้ภายในถ้ำแห่งนี้มีแสงสว่างในชั่วพริบตา สีหน้าซูหมิงเคร่งขรึมยิ่งนัก ใช้ความละเอียดอ่อนควบคุมเปลวเพลิงในมืออย่างระมัดระวัง หลังจากสังเกตอยู่สักพัก จึงรอให้เปลวเพลิงในมือเสถียร
ก่อนใช้มือซ้ายหยิบสมุนไพรสำหรับการหลอมโอสถชำระล้างจากกองสมุนไพรข้างตัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นนำมาวางใส่เปลวเพลิงในมือ
ตั้งแต่เขามายังแดนแปลกตาแห่งนี้ เพราะหาสถานที่แบบยอดเขาเพลิงทมิฬไม่พบ จึงลองใช้เปลวเพลิงจากโลหิตตัวเอง อีกอย่าง หลังจากต่อสู้กับปี้ถู ซูหมิงก็รู้สึกว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไป อย่างเช่นเปลวเพลิงนี้ เขาไม่จำเป็นต้องใช้โลหิตก็เรียกมันออกมาได้
ฉะนั้นเขาจึงคิดวิธีการหลอมโอสถโดยใช้มือตัวเองเป็นหม้อยา
โอสถชำระล้าง ซูหมิงหลอมมาแล้วหลายครั้ง ทุกขั้นตอนเข้าใจอย่างถ่องแท้ เพียงแต่ว่าการใช้มือเป็นเป็นหม้อหลอมโอสถ เขาเพิ่งลองทำเป็นครั้งแรก หลังจากรู้สึกแปลกอยู่ชั่วครู่จึงค่อยๆ กลายเป็นชำนาญ
ส่วนท่อนไม้ถูกฟ้าผ่าเป็นสิ่งสุดท้ายที่ใส่ลงไป ซูหมิงมองวัตถุดิบห้าชนิดหลอมละลายอยู่ในเปลวเพลิงกลางฝ่ามือ รวบรวมสมาธิจดจ่อ หลอมสมุนไพรอย่างสงบนิ่ง