ตอนที่ 307 การสวนกลับของซูหมิง
ซูหมิงมีสีหน้าปกติ เพียงขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วคลายออก หากเป็นคนอื่นเคาะประมูล ซูหมิงอาจจะเข้าไปแย่งชิงเพราะสนใจนกกระเรียนตัวนี้อยู่บ้าง
แต่ในเมื่อเป็นเทียนหลันเมิ่ง อีกทั้งยังเคาะทีเดียวห้าแสนเหรียญหิน ซูหมิงจึงขบคิดชั่วครู่ และไม่คิดจะแย่งอีก
ทว่าเขาไม่เคาะประมูล ไม่ได้แปลว่าคนอื่นๆ ในลานนี้จะไม่ทำ จื่อซานข้างกายสังเหตเห็นซูหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย นัยน์ตาแอบขยับประกายเล็กน้อย ก่อนกล่าวเสียงนุ่มนวลแกมหัวเราะ
“เจ็ดแสน!”
เดิมทีภายในลานประมูลเงียบเพราะการเคาะประมูลของเทียนหลันเมิ่ง ด้วยฐานะของเทียนหลันเมิ่ง ทำให้ผู้คนมากมายต้องครุ่นคิด กระทั่งไม่คิดจะแย่งชิงกับนาง ถึงอย่างไรสิ่งนี้ก็ไม่ได้มีประโยชน์มากนัก
ฉะนั้นภายในความเงียบนี้ เสียงกึกก้องของจื่อซานจึงทำให้ผู้คนในลานประมูลล้วนมองขึ้นมาบนแท่นเปิดหมายเลขเก้า
ซูหมิงยืนอยู่ตรงนั้น จื่อซานข้างกายอมยิ้มมองเขา ท่าทางและสีหน้าเหมือนทำตามคำสั่งซูหมิง
ในความคิดของคนส่วนใหญ่เมื่อเห็นภาพนี้บนแท่นเปิดหมายเลขเก้า สิ่งแรกที่คิดคือซูหมิงเป็นคนสั่งให้สตรีผู้นี้เคาะประมูล!
เทียนหลันเมิ่งเงยหน้าขึ้นเช่นกัน เมื่อเห็นซูหมิงบนแท่นเปิด นางมีสีหน้าปกติ ก่อนกวาดสายตามองจื่อซาน
“หนึ่งล้าน!” เทียนหลันเมิ่งกล่าวเสียงนุ่นนวล
“สหายซู ยังอยากได้สิ่งนี้อีกหรือไม่?” ภายในห้องหมายเลขเก้า จื่อซานปิดปากยิ้มพลางมองซูหมิง
ซูหมิงมองสตรีผู้นี้ด้วยแววตาเย็นชาแวบหนึ่ง
การกระทำของนางค่อนข้างน่ารังเกียจ ให้เขามายืนข้างตนเพื่อเป็นตัวช่วยหลบหนีจากการต่อสู้ระหว่างซูหมิงกับเทียนหลันเมิ่ง เพียงกล่าวเล่นๆ ก็เจ็ดแสนเหรียญหิน ทำให้เทียนหลันเมิ่งต้องจ่ายอีกเท่าตัว
“ไม่ต้อง” ซูหมิงละสายตากลับ กล่าวอย่างสงบนิ่ง
จื่อซานหรี่ม่านตา เดิมทีนางคิดว่าซูหมิงจะต้องโกรธมากแน่ ต่อให้ไม่ระบายออกมา ทว่าก็ต้องเผยออกมาบ้าง หากเป็นเช่นนั้นจะตรงกับความคิดนาง
กระทั่งในใจนางยังเตรียมคำตอบซูหมิงเอาไว้แล้ว นางไม่คิดว่าการกระทำเล็กๆ แบบนี้ ซูหมิงจะมองไม่ออก แต่ก็มั่นใจว่าซูหมิงจะไม่ใส่ใจเรื่องนี้ ถึงอย่างไรทุกอย่างที่นางทำก็เพื่อเขา
ทว่ายามนี้นัยน์ตาซูหมิงเพียงเย็นชาเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีอย่างอื่นอีก นี่ทำให้จื่อซานเกิดความรู้สึกว่าอ่านบุคคลตรงหน้าไม่ออก
นกกระเรียนถักขึ้นจากเชือกฟางตัวนี้ สุดท้ายแล้วเทียนหลันเมิ่งก็ได้ไปครอง ต่อให้จ่ายมากกว่าเดิมเท่าตัว นางก็มิได้ใส่ใจนัก
สิ่งที่นางสนใจคือนกกระเรียนตัวนี้มาจากต่างแดน และมันจะมีส่วนช่วยให้นางเข้าใจเต๋าได้หรือไม่ก็เท่านั้น
งานประมูลดำเนินต่อไป ชายชราผมฟ้ากล่าวแล้วหยิบสิ่งของทีละชิ้นออกมาประมูล นางเงือกและมังกรทะเลว่ายไปมารอบๆ เสียงสนทนาเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ยากจะสงบลง กลิ่นอายการแย่งชิงที่เข้มข้นค่อยๆ ถูกชักนำ อบอวลอยู่ในลานประมูล
จื่อซานเริ่มอ่านซูหมิงไม่ออก ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้นางผู้นี้ จนถึงตอนนี้ยังไม่เคาะประมูลสิ่งใด เขาเพียงยืนมองคนประมูลสิ่งของหลากชนิดอย่างเงียบๆ
จนกระทั่งครึ่งชั่วยามผ่านไป การแย่งชิงในการประมูลเหมือนเกิดเป็นคลื่นเสียง ราวกับโดยรอบมีพลังไร้รูปบางอย่างโอบล้อมอยู่และชักนำอารมณ์ของผู้คน ทำให้พวกเขาคลุ้มคลั่งเพื่อสิ่งที่ต้องการ
ทว่าซูหมิงยังคงสงบนิ่งเหมือนน้ำ มองอยู่ตรงนั้นไม่เคลื่อนไหว
‘เขาดูเหมือนสงบ แต่ความจริงแล้วยังอ่อนนัก ทำเป็นสุขุม หากเขาเคาะประมูลเมื่อไร นั่นจะต้องเป็นที่สนใจแน่นอน คิดจะได้ของมาง่ายๆ และไม่มีใครแย่งมันก็ยากเอาเรื่องอยู่ กลับกันจะไม่เหมือนพวกที่เคาะประมูลทุกอย่าง ของพวกนั้นจะได้มาง่ายๆ’ จื่อซานมองซูหมิงแวบหนึ่ง แล้วละสายตากลับ
ภายในงานประมูล ยามนี้ชายชราผมฟ้าตรงกลางเสาหินกระแอมเสียง ทำให้บรรยากาศคุกรุ่นเบาบางลง จนเมื่อเริ่มเงียบแล้ว เขาจึงกล่าวเสียงก้องกังวานแปดทิศ
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความรักและเมตตาจากสหายเหมันต์สวรรค์ทุกท่าน สมบัติก่อนหน้านี้ถูกขายไปแล้ว เช่นนั้นของชิ้นต่อไปก็น่าจะเช่นเดียวกัน แต่ข้าอยากเตือนทุกท่านก่อนว่าของชิ้นนี้เกรงจะเกิดการแย่งชิงกันอย่างดุเดือด ขอให้ทุกท่านเตรียมใจให้ดี” ชายชราผมฟ้ากล่าวจบ พลันยกมือขวาขึ้น
“ยกขึ้นมา!”
กล่าวจบ มวลอากาศหลายสิบจั้งด้านหลังเขาเกิดระลอกคลื่นบิดเบี้ยว มีเสียงอึกทึกดังแว่วมาจากในระลอกคลื่น จากนั้นมีคนเก้าคนเดินออกมา ทั้งเก้าคนนี้เป็นชายร่างกำยำ พวกเขาแบกหอกยาวยักษ์บนบ่าหนึ่งเล่ม ช่วงที่คนเหล่านั้นเดินออกมาจากระลอกคลื่น สิ่งที่ประจักษ์ต่อหน้าทุกคนคือหอกยาวสีดำยักษ์ยาวสิบกว่าจั้ง!
เมื่อหอกนี้ปรากฏ มีพลังชั่วร้ายน่าสะพรึงแผ่ขยายปกคลุมแปดทิศ ทำให้ทุกคนโดยรอบได้ยินเสียงร้องโหยหวน กระทั่งผู้มีขั้นพลังสูงส่งบางคนยังมองออกว่าในหอกยาวเล่มนี้รวมวิญญาณอาฆาตเอาไว้เหลือคณนานับ พวกมันโอบล้อมหอกและแผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
“หอกเชมันนภา!”
“นี่…..ข้าเคยอ่านเจอมันในคัมภีร์ ไม่ผิด มันคือหอกเชมันนภา!”
“หนึ่งพันปีก่อน เผ่าเชมันรุกรานกำแพงหมอกนภาครั้งใหญ่ เคยใช้วิธีพิเศษบางอย่างสร้างหอกเชมันนภามาเก้าเล่ม ตำนานกล่าวว่าทุกเล่มจะมีพลังสะเทือนฟ้าดิน สามารถสังหาร…..ผู้แข็งแกร่งขั้นวิญญาณหมาน!”
เสียงเกรียวกราวดังขึ้นระงม จนเกิดเป็นคลื่นเสียงอยู่ในลานประมูล มีหลายคนยืนขึ้น เผยสีหน้าเหลือเชื่อ
ชายชราผมฟ้ามีสีหน้าลำพองใจเล็กน้อย ก่อนงานประมูล พวกเขาเคยถกเถียงกันในสำนักทะเลตะวันออกเรื่องจะนำสิ่งนี้มาประมูลหรือไม่ ผลสุดท้ายก็ยังส่งมาแผ่นดินเหมันต์สวรรค์
“สิ่งนี้ก็คือหอกเชมันนภา อีกทั้งยังเคยผ่านการตรวจสอบจากสำนักทะเลตะวันออก จึงยืนยันได้อย่างแน่นอน! จะใช้มันต้องทำการเซ่นไหว้ก่อน อานุภาพเพียงพอจะทำลายผู้แข็งแกร่งขั้นวิญญาณหมานคนหนึ่ง!
ทว่าสิ่งนี้ เหตุเพราะกาลเวลา และยิ่งไปกว่านั้นคือวิธีสร้างหอกเล่มนี้ของเผ่าเชมันได้หายสาบสูญไปแล้ว ฉะนั้นจึงใช้มันได้เพียงครั้งเดียว เมื่อใช้เสร็จจะกลายเป็นธุลีหายไป ทว่าแม้เป็นเพียงครั้งเดียว หากมีเจ้าสิ่งนี้อยู่ ท่านก็จะมีพลังที่ทำให้ขั้นวิญญาณหมานหวาดกลัว มีเจ้าสิ่งนี้ในสงครามหมอกนภาล่าเชมัน มันอาจทำให้ท่านมีชีวิตรอด! ราคาเริ่มต้นหนึ่งแสนเหรียญหิน เริ่มประมูล!” ชายชราสะบัดแขนเสื้อ เมื่อกล่าวจบมีเสียงประมูลดังขึ้นระงม
“หนึ่งแสนห้าหมื่น!”
“สองแสน!”
“สองแสนสามหมื่น!”
“สองแสนเจ็ดหมื่น!”
“สามแสนห้าหมื่น!”
น้ำเสียงดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ในลานประมูล ภายในห้องหมายเลขเก้า จื่อซานลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นมองซูหมิง ช่วงที่นางมองไป เขายังคงสงบนิ่งเหมือนเดิม
“สหายซู หากท่านชอบสิ่งนี้ ข้าซื้อให้ท่านได้…..”
“อาจารย์เจ้าให้ข้าซื้อของได้อย่างเดียวมิใช่รึ?” ซูหมิงหันไปมองจื่อซานแวบหนึ่ง
“ได้แค่อย่างเดียว” จื่อซานพยักหน้า
“ของสิ่งใด” ซูหมิงยิ้ม
“แล้วสหายซูสนใจสิ่งใด!” จื่อซานเงยหน้าขึ้น น้ำเสียงไพเราะยิ่งนัก
“ทว่าข้าไม่เชื่อเจ้า เรื่องนี้ต้องมีหลักฐาน” ขณะซูหมิงกล่าว เขาหยิบหนังสัตว์เปล่ามาจากอกเสื้อหนึ่งผืน ปูไว้บนโต๊ะ ก่อนมองจื่อซาน
จื่อซานลังเลครู่หนึ่ง พอนึกถึงคำสั่งของอาจารย์จึงไม่คิดอะไรมาก ตรงมาใช้นิ้วชี้มือขวาวาดเป็นลายอักษรงดงามบนหนังสัตว์ เมื่อเขียนตามสัญญาเสร็จแล้วจึงประทับฝ่ามือลงไปเป็นตรา
“ถ้าอยากซื้อแม่นางจื่อซานจะได้หรือไม่” ซูหมิงยังคงยิ้ม เก็บหนังสัตว์แล้วมองจื่อซาน
คำพูดของเขาทำให่จื่อซานตะลึงงัน ก่อนมีสีหน้าทะมึนทึบ
“สหายซูอย่ามาล้อเล่น ข้าหมายถึงของในงานประมูล อีกอย่างหากอยากซื้อข้า สหายซูคงจ่ายไม่ไหว” จื่อซานนึกโกรธในใจ สีหน้าเย็นชา
“เช่นนั้นก็บอกราคามา” ซูหมิงกล่าวสบายๆ ไม่สนใจความเย็นชาจากในคำพูดนาง
“เจ้า!” จื่อซานจ้องซูหมิง นางไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน ไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอย่างไรดี
ยามนี้เสียงเคาะประมูลด้านนอกเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ หอกเล่มนี้กระตุ้นความตื่นตะลึงในก้นบึ้งหัวใจของผู้คนจำนวนมาก ทำให้พวกเขาต้องร่วมประมูล
“แปดล้านหกแสน!”
“เก้าล้านสี่แสน!”
“สิบล้าน!”
คำกล่าวว่าสิบล้านมาจากห้องที่เหมือนกับซูหมิง เป็นห้องหมายเลขสาม แม้น้ำเสียงนุ่มนวลกลับมีความน่าเชื่อถือ บางทีเพราะเสียงนั้นจึงทำให้ลานประมูลเงียบไปพักหนึ่ง เมื่อจื่อซานได้ยิน นางจ้องซูหมิงแล้วยิ้มเยาะ
“ต่อให้เป็นสิบล้านเจ้าก็ซื้อข้าไม่ได้ ซูหมิง ข้าเคารพเจ้าเป็นแขกก็จริง แต่เจ้าอย่ามาทำตัวน่ารังเกียจ! พูดแบบนี้เท่ากับดูถูกข้า!” น้ำเสียงจื่อซานเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ
“ดูถูกอย่างนั้นรึ…แม่นางจื่อซาน ข้าต้องการสิ่งนี้ รบกวนเจ้าจ่ายแทนข้าด้วย!” ซูหมิงยิ้ม กล่าวจบ เขาหันหน้าไปมองลานประมูลนอกแท่นเปิด
“หนึ่งร้อยล้าน!” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ ทว่าเสียงนั้นปานฟ้าผ่า ทำให้ทั้งลานประมูลเงียบงัน สายตานับไม่ถ้วนมองซูหมิงบนแท่นเปิดหมายเลขเก้าเป็นตาเดียว
จื่อซานตะลึงไปครู่หนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนไป
ยามนี้คนที่หน้าเปลี่ยนสีมิใช่เพียงนาง ยังมีคนในห้องหมายเลขแปดอีก เขาเป็นชายชราร่างแห้งเหี่ยวเหมือนโครงกระดูกที่กำลังดื่มสุรา ยามนี้แก้วแตกดังเพล้ง สีหน้าอำมหิต ลมหายใจกระชั้น ทว่าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงยับยั้งอารมณ์เอาไว้
“หนึ่งร้อยล้าน….นี่…..นี่….”
“เขาคือซูหมิง ไม่อยากเชื่อว่าจะประมูลหนึ่งร้อยล้าน!”
“เหตุใดเขาถึงมีเหรียญหินมากขนาดนั้น หนึ่งร้อยล้าน นี่มันเป็นไปไม่ได้ ในประวัติศาสตร์งานประมูลแทบจะไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ ต่อให้หอกเชมันนภามีพลังน่าสะพรึง แต่ก็ใช้ได้เพียงครั้งเดียว ไม่คุ้มเลยจริงๆ!”
“ท่านแน่ใจรึ หากประมูลมั่ว ไม่มีเหรียญหินมากเท่านั้นจริงๆ จะถือเป็นการยั่วยุสำนักทะเลตะวันออก เรื่องนี้ต่อให้ท่านเป็นศิษย์สำนักเหมันต์สวรรค์ก็จ่ายไม่ไหว!” ชายชราผมฟ้าจ้องซูหมิง กล่าวเสียงแหบแห้ง