ตอนที่ 493 สิบห้าปีก่อน
“สิบห้าปีก่อน…โลกเก้าหยินไม่ได้มีเชมันระดับสูงสุดคนเดียว แต่มีสามคน! นอกจากผู้แข็งแกร่งของวิหารเทพเชมันแล้ว ยังมีคนเผ่าอื่นๆ อีก ตอนนั้นงานพนันสมบัติเพิ่งจบลง มีเผ่าเชมันไม่น้อยที่สลายตัวไปยังจุดสืบทอดทั้งสามแห่ง…ฝันร้ายมันก็เริ่มตั้งแต่ตอนนั้น…”
“ข้าไม่มีวันลืมวันนั้นได้ ในระยะหนึ่งล้านลี้ของเผ่าเชมันเกิดเหตุการณ์ประหลาดไม่หยุดหย่อน เหมือนกับว่าทั้งโลกเก้าหยินกำลังขับไล่คนนอกอย่างพวกเราสุดกำลัง
แผ่นดินสะเทือน เกิดรอยร้าวขึ้นจำนวนมาก มีเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์บินมาจากในรอยแยกนั้น ดวงจันทร์ดวงที่เก้าบนท้องฟ้ากลายเป็นสีโลหิต ทั้งผืนดินถูกสะท้อนเป็นแสงสีเลือด”
“ป่าไม้นับไม้ถ้วนประดุจฟื้นคืนชีพและเคลื่อนที่จากพื้นดินเอง พร้อมส่งเสียงร้องแหลมประหลาดกังวานรอบทิศปานเสียงร้องไห้ อีกทั้งบนท้องฟ้ายังปรากฏน้ำวนขึ้นทีละวงอย่างรวดเร็ว พวกมันหมุนโคจรและมีแสงสีดำมาจากข้างในนั้น เมื่อแสงดำเหล่านี้โดนตัวคน มันจะผสานรวมกับวิญญาณ ทำให้วิญญาณกับร่างแยกจากกัน กลายเป็นเผ่าล่องลอยหนึ่งในสามเผ่าศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ของที่นี่
เผ่าวิญญาณหยินก็เปลี่ยนไปเช่นกัน พวกเขาไม่ทำตามสัญญาในกาลก่อนของเผ่าเชมันอีก แต่เข่นฆ่าและขับไล่ชาวเผ่าเชมันในโลกเก้าหยิน”
“สาเหตุทุกอย่างมาจากแผนการของเผ่าเชมัน และมีวิหารเทพเชมันเป็นตัวการ อีกทั้งทุกๆ เผ่าใหญ่ยังเห็นด้วย! แผนการนี้คือเปิดเส้นทางโลกเก้าหยิน ให้ทุกๆ เผ่าใหญ่ไม่ต้องมีขีดจำกัด และเข้ามาในโลกเก้าหยินได้พร้อมกันทั้งหมด!
ภัยพิบัติแดนรกร้างบูรพาบีบกระชั้นเข้ามา ทั้งยังมีสงครามช่วงชิงกับเผ่าหมานอีก เพื่อให้มีชีวิตรอดปลอดภัยสูงที่สุดเมื่อภัยพิบัติรกร้างบูรพาปกคลุมทั้งแดนอรุณใต้
วิหารเทพเชมันจึงร่วมมือกับทุกเผ่าใหญ่และคนจากเผ่าเซียน ผลักดันแผนการนี้ด้วยกัน!
พวกเขาวางอาคมเคลื่อนย้ายแกร่งกล้าเอาไว้ เพื่อให้กลายเป็นที่หลบหนีภัยพิบัติของเผ่าใหญ่เชมันและวิหารเทพเชมันขณะอยู่ในช่วงภัยพิบัติรกร้างบูรพา!”
“แผนการนี้บางทีวิหารเทพเชมันอาจคิดเอาไว้นานมากแล้ว บางทีอาจมิใช่เพื่อหลบหลีก แต่ยังมีเป้าหมายอื่นอยู่อีก ทว่าตอนนั้น ขณะภัยพิบัติรกร้างบูรพาบีบเข้ามาเรื่อยๆ ด้วยความช่วยเหลือจากเผ่าเซียน สุดท้ายพวกเขาก็สร้างวงแหวนอาคมนี้ขึ้นในโลกเก้าหยิน!
หากท่านไปซากเมืองเชมัน น่าจะยังเห็นร่องรอยของวงแหวนอาคมนี้อยู่
จนสุดท้ายก็เปิดวงแหวนอาคม ทำให้โลกเก้าหยินเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นไม่หยุด ช่วงที่เปิดเส้นทางให้คนเผ่าใหญ่เชมันเข้ามาทั้งหมดนั้น ไม่รู้ว่าเผ่าวิญญาณหยินใช้อภินิหารอะไร ศีรษะที่มีเสาหินค้ำยันไว้สูงตระหง่านในเมืองเชมันถึงฟื้นคืนชีพ…การฟื้นคืนชีพครั้งนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของภัยพิบัติครั้งนี้”
“วงแหวนอาคมทลายลง เส้นทางที่ถูกเปิดบนท้องฟ้าถูกผนึก เมืองเชมันล่มสลาย…นี่คือสิ่งที่ข้ารู้และเห็น ในนั้นอาจมีความลับที่คนอื่นไม่รู้อยู่อีก ข้าเองก็ไม่แน่ใจ
แต่เผ่าวิญญาณหยินคงนึกไม่ถึงว่าวงแหวนอาคมของเผ่าเชมันไม่ได้มีเพียงจุดเดียว แต่วางไว้สามจุดในโลกเก้าหยิน เพียงแต่ว่า…วิกฤติน่าสะพรึงครั้งนั้นเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แผนการของเผ่าเชมันจึงล้มเหลว
วิกฤตในครั้งนั้น ถึงตอนนี้ข้าก็ยังไม่ลืม ทั้งผืนฟ้าเกิดพายุทรายกลายเป็นร่างยักษ์ จุดที่มันผ่านสิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะกลายเป็นกระดูก
วงแหวนอาคมอีกสองจุดก็พินาศตามกันไป ก่อนวงแหวนอาคมสุดท้ายจะพังลง เผ่าเชมันส่วนใหญ่ที่มีชีวิตรอด มากกว่าครึ่งหนีออกไปจากที่นี่ได้ก่อนวงแหวนอาคมจะถูกทำลาย บางทีอาจเป็นเพราะเผ่าพันธุ์ของที่นี่จงใจให้โอกาสรอดชีวิต…
ทว่ายังมีบางคนหนีไม่สำเร็จ หลังจากวงแหวนอาคมพังลงก็ถูกบังคับให้อยู่ที่นี่และตายตกกันไป คนเหล่านี้รวมอยู่ด้วยกัน พวกเขาในตอนนั้นมีหมื่นคน ทว่าตอนนี้เหลือแค่พวกเราหลายร้อยคน”
ดวงจันทร์เก้าดวงบนท้องฟ้าลอยขึ้นสูง แผ่นดินไม่มืดมากนัก แต่นอกจากแสงจันทร์สุกสกาวรอบๆ ตัวแล้ว หากมองไกลออกไปยังคงขมุกขมัว มองเห็นไม่ชัดเจน
บนหุบเขามีกองเพลิงอ่อนๆ กองหนึ่ง บิดเบี้ยวไปมากลางสายลม ควันดำลอยขึ้นท้องฟ้า และผสานรวมกับค่ำคืนมืดมิด
หนานกงเหินนั่งอยู่ข้างกองเพลิง กล่าวเสียงกังวานเบาๆ คล้ายกับควันดำที่ผสานรวมกับความมืดเงียบๆ
ซูหมิงนั่งเงียบอยู่ตรงหน้าเขา ฟังคำบรรยายเมื่อสิบห้าปีก่อนจากหนานกงเหิน ในความคิดเขาค่อยๆ วาดเป็นภาพเมื่อตอนนั้นขึ้นมา
ในใจเขาเองยังตื่นตะลึงกับแผนหนีภัยพิบัติมาที่นี่ของเผ่าเชมัน หากเผ่าเชมันทำสำเร็จจริงๆ หลังจากภัยพิบัติรกร้างบูรพาจบลง ส่วนใหญ่เผ่าใหญ่เชมันจะไม่สูญเสียใดๆ เลย
“เผ่าล่องลอยที่เจ้าว่าคือวิญญาณที่เหมือนไม่มีสติปัญญา และล่องลอยอยู่บนผืนดินใช่หรือไม่?” ซูหมิงนึกถึงอาหู่ในเมืองเชมัน พลางลอบถอนหายใจ
“นั่นคือเผ่าล่องลอยระดับต้นสุด พวกเขาไม่มีสติเหมือนตอนยังมีชีวิต จากประสบการณ์ที่ข้าต่อสู้กับเผ่าล่องลอยมาสิบห้าปี เผ่านี้คือเผ่าศักดิ์สิทธิ์ที่จะเติบใหญ่ด้วยวิธีการคล้ายกาฝาก
พวกมันจะฝังตัวอยู่ในสิ่งมีชีวิต และสูบกินวิญญาณเพื่อเติบใหญ่ เมื่อวิญญาณสูญสิ้นพวกมันก็จะเติบโตเต็มที่ ด้วยความที่วิญญาณกาฝากแข็งอ่อนต่างกัน พวกมันจึงมีความแข็งแกร่งต่างกันด้วย” หนานกงเหินกล่าวอย่างสงบนิ่ง
“มีวิธีแก้หรือไม่?” ซูหมิงมองหนานกงเหิน
“พวกข้าเคยทดลองมาแล้ว ใช้ทุกวิธีก็ยังไม่สำเร็จ หากถูกเผ่าล่องลอยฝังตัวผสานรวมกับวิญญาณ ก็จะเหมือนเป็นร่างเดียวกัน ยากจะแยกออก…ทว่าข้าได้ยินว่าในเผ่าหมานของท่านมีเผ่าแดนภูตอยู่ เล่าลือกันว่าเผ่านี้ศึกษาวิชาเกี่ยวกับวิญญาณจนถ่องแท้นัก บางทีพวกเขาอาจทำได้” หนานกงเหินเงยหน้ามองซูหมิง หากจนถึงตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าซูหมิงมาจากเผ่าหมาน เขาคงไม่มีทางเป็นผู้นำเผ่าชะตาชีวิตได้
ความจริงแล้วหลังจากซูหมิงถอดหน้ากาก ลายหมานของเขาก็อธิบายทุกอย่างแล้ว อีกทั้งตอนต่อสู้กับลิ่วล้อของตี้เทียน จากคำพูดของทั้งสองคนรวมถึงวิชาที่ต่างกัน จึงมีหลายคนที่มองออกในจุดนี้
ทว่าพวกเขาไม่ใช่เผ่าเชมันอีกต่อไป พวกเขาคือเผ่าชะตาชีวิต ไม่ว่าซูหมิงจะมาจากที่ใด ต่อให้เป็นเผ่าหมานแล้วอย่างไร
“นี่คือทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อสิบห้าปีก่อน ท่านโม่ เรื่องงานพนันสมบัติในครั้งนั้นได้โปรดอย่าถือสา ตอนนั้นข้าตัดสินใจในสิ่งที่ไม่เป็นผลดีกับวิหารเทพเชมันไม่ได้จริงๆ”
หนานกงเหินสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วยืนขึ้นประสานมือคารวะซูหมิง
“สหายหนานกงไม่ต้องทำเช่นนี้” ซูหมิงส่ายศีรษะ
“หวังว่าท่านโม่จะยินยอมเป็นจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าชะตาชีวิตเรา…” หนานกงเหินคารวะอีกครั้ง
ซูหมิงลังเลครู่หนึ่ง
“ด้วยขั้นพลังของท่านโม่ เกรงว่าเป็นหมายเลขหนึ่งในเชมันระดับกลางแล้ว ต่อให้ยังไม่อาจเทียบกับเชมันระดับสูงสุด ก็ต้องกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สั่นสะเทือนแดนอรุณใต้อย่างแน่นอน!
แม้พวกข้าจะออกไปไม่ได้ ทว่าที่นี่ เผ่าชะตาชีวิตอยู่รอดกันลำบากมาก หากท่านโม่ทอดทิ้งพวกเรา อีกไม่นานเผ่าชะตาชีวิตจะตายกันหมด…ข้าตายก็ช่าง ไม่เป็นไร แต่ในเผ่าชะตาชีวิตยังมีเด็กเกิดใหม่ที่นี่อีกไม่น้อย ข้า…”
หนานกงเหินมองซูหมิงพลางกล่าวเบาๆ
ซูหมิงมองอีกฝ่าย ผ่านไปนานจึงหลับตาลง เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป เขาถึงลืมตาขึ้นแล้วพยักหน้าให้หนานกงเหิน
“หากไม่มีวิธีออกไปจริงๆ ข้าจะปกป้องเผ่าชะตาชีวิต ทว่าขณะเดียวกัน หากข้าหาเส้นทางออกจากที่นี่ได้ หลังจากกลับไปถึงแดนอรุณใต้แล้ว พวกเจ้าก็ต้องทำเช่นนี้เหมือนเดิม
เผ่าชะตาชีวิตของเจ้าตกลงเรื่องนี้หรือไม่?” ซูหมิงกล่าวเนิบช้า เผ่าชะตาชีวิตสร้างความสะเทือนใจให้เขา เมื่อหนานกงเหินกล่าวขึ้น เขาจึงไม่อาจปฏิเสธ
ทว่าหากเพียงจ่ายแต่ไม่ได้อะไรกลับมา เรื่องนี้ถือว่าไม่เป็นธรรมกับซูหมิง ฉะนั้นตอนที่เขาตกลงจึงเสนอเงื่อนไขของตัวเองไป
“เผ่าชะตาชีวิตถูกทอดทิ้ง ท่านโม่มีบุญคุณใหญ่หลวง ย่อมไม่มีวันลืม! พวกเราจะปฏิบัติตามจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไปชั่วชีวิต!” หนานกงเหินกล่าวอย่างจริงจัง
ซูหมิงมองหนานกงเหิน ผ่านไปพักหนึ่งก็พยักหน้าให้ แล้วยืนขึ้นเดินไปในหุบเขา ในหุบเขานี้มีถ้ำแห่งหนึ่งว่างเอาไว้สำหรับเขาโดยเฉพาะ
หนานกงเหินมองซูหมิงเดินไกลออกไป สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนมองท้องฟ้า
“จะกลับไปได้หรือไม่…สิบห้าปี ตอนนั้นนางก็หายตัวไปในโลกเก้าหยิน ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ใด….” หนานกงเหินพึมพำเบาๆ
ซูหมิงที่กลับมาถึงถ้ำมีสีหน้าสงบนิ่ง เขานั่งขัดสมาธิลงแล้วสะบัดแขนเสื้อ ตรงหน้าพลันขมุกขมัว เมื่อความเลือนรางหายไป ก็ปรากฏเป็นชายชราเสื้อคลุมดำแขนขาขาด
“เหตุใดเจ้าถึงเรียกข้าว่าซู่มิ่ง?” ซูหมิงกล่าวช้าๆ
ชายชราหน้าซีดขาว หลับตาคล้ายหลับใหล ไม่กล่าวใดๆ
ซูหมิงรออยู่ครู่หนึ่งก่อนยกมือขวาขึ้น พลันมีกระบี่แสงดำลอยขึ้นในมือเขา จากนั้นจับแทงส่วนคอแล้วค่อยๆ ลากลงมายังหน้าอกของอีกฝ่าย
“ก่อนหน้านี้ข้าเคยปลูกสมุนไพรในร่างคนมาก่อนหลายครั้ง สมุนไพรเหล่านี้จะสูบพลังชีวิตในตัวคนจนเติบใหญ่ ทุกคนที่ข้าปลูกสมุนไพรล้วนเจ็บปวดทรมานกันนัก” ซูหมิงกล่าวเนิบนาบ
ชายชรานิ่งปานไม่ได้ยิน และยังหลับอยู่
“เผ่าเซียนชิงร่างคนอื่นได้ เจ้าคงไม่สนใจเรื่องทรมานร่างกาย” ซูหมิงใช้กระบี่เล็กในมือเปิดแผลเท่าฝ่ามือตรงหน้าอกชายชรา มีโลหิตไหลออกมา ทว่าชายชรากลับไม่สนใจ
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะทนไปได้ถึงเมื่อใด” ซูหมิงกล่าวนิ่งๆ พร้อมดึงกระบี่เล็กกลับมา จากนั้นสองมือกดแผลของชายชรา พลันมีสายลมตรงเข้ามาและไหลเข้าไปในร่างกายตามบาดแผล
สายลมนี้มาจากตัวเขาที่เป็นหมานวายุ หลังจากสายลมเข้าไปในร่างกายชายชรา มันก็ฉีกอวัยวะภายในอย่างต่อเนื่อง ความเจ็บปวดนี้ทำให้ชายชราตัวสั่นอย่างรุนแรง พลันลืมตาขึ้น นัยน์ตาเต็มไปด้วยเส้นเลือด จ้องซูหมิงเขม็ง
“เหตุใดถึงเรียกข้าว่าซู่มิ่งมาตลอด?” ซูหมิงมองชายชราแล้วกล่าวเรียบๆ
“เจ้าเดรัจฉาน เจ้าอยากทำอะไรก็เชิญ แม้แต่ความตายข้าก็ไม่กลัว คิดหรือว่าข้าจะกลัวลูกไม้ตื้นๆ ของเจ้า ข้าจะไม่มีวันบอกเรื่องที่เจ้าอยากรู้!
หากเจ้าอยากรู้จริงๆ ก็มาค้นวิญญาณข้า ทว่าด้วยขั้นพลังกล่อมเกลาจิตของเจ้าในตอนนี้ ต่อให้ข้าอ่อนแอเช่นนี้และถูกเจ้าทรมาน เจ้าก็ไม่มีทางค้นวิญญาณข้าได้!” ชายชราอดกลั้นความเจ็บปวดในใจ กัดฟันยิ้มเยาะ
แม้เขาจะดูหนักแน่นมากก็จริง แต่ความจริงแล้วในใจกลับหวาดกลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นยิ่งนัก