Skip to content

สู่วิถีอสุรา 648

ตอนที่ 648 ซือคง ปี้ถู

ข้างหูซูหมิงก้องด้วยคำพูดเฉียนเฉิน สายตามองใบหน้าที่คุ้นเคยกับใบหน้าในความทรงจำเหล่านั้นของสำนักเต๋าเทียนหลัน เขาทำจิตใจให้สงบ เพียงแต่ยังเกิดคลื่นอารมณ์เล็กน้อย และกลายเป็นเสียงถอนหายใจอยู่ภายใน

เขามองเทียนหลันเมิ่ง หญิงสาวคนที่รู้จักกันในสำนักเหมันต์สวรรค์…

มองบรรพบุรุษเทียนหลันที่ทำให้เขาจำต้องออกจากเผ่าหมานมาเมื่อหลายปีก่อน ทุกอย่างสำหรับเขาเหมือนความทรงจำเปื้อนฝุ่น เลือนรางไปบ้าง แต่ก็ไม่ลืม และยังมีหญิงสาวที่เหมือนกับเทียนหลันเมิ่ง ซูหมิงจำได้รางๆ ว่าเป็นพี่สาวนาง

เพียงแต่ว่าบรรพบุรุษเทียนหลันก็ดี สองพี่น้องเทียนหลันเมิ่งและเทียนหลันโยวก็ดี ตอนนี้ค่อยๆ หายไปจากสายตาซูหมิง รวมถึงคนเกือบหมื่นของสำนักเต๋าเทียนหลันเช่นกัน ตอนนี้เลือนรางทั้งหมด…มีเพียง…ร่างหญิงสาวคนหนึ่งที่ชัดเจน

นางเป็นหญิงสาวที่ไม่ได้หน้าตางดงามมากนัก ทว่าก็ยังนับว่าเป็นคนงามและมีรูปร่างค่อนข้างดี อาภรณ์สีฟ้า เส้นผมสีดำไม่ยาว นางยืนอยู่ในกลุ่มคน ดูไม่มีอะไรเตะตา

แต่ถึงแม้จะอยู่ในกลุ่มคน…จุดที่นางอยู่คือตรงหน้าสองพี่น้องเทียนหลัน ขนาบข้างกับบรรพบุรุษเทียนหลัน!

“ที่แท้นางก็ยังไม่กลับไป…” ซูหมิงพึมพำเสียงเบาให้ตัวเองได้ยินคนเดียว เขามองหญิงสาวคนนี้ นางก็คือคนในความทรงจำที่ล้มลงในอ้อมอกของตน หลับตากล่าวคำว่าโม่ซู…อูลา

รูปลักษณ์ในความทรงจำไม่เปลี่ยนไป ไม่มีอะไรต่างมากนัก…ซูหมิงหลับตา ผ่านไปครู่หนึ่งจึงลืมตาอีกครั้ง แล้วมองชายชราคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าอูลากับบรรพบุรุษเทียนหลันท่ามกลางกลุ่มคนนับหมื่นของสำนักเต๋าเทียนหลัน

เขาเป็นชายชราใบหน้าธรรมดา แต่มีประกายวูบผ่านดวงตาประดุจสายฟ้าโอบล้อม ทำให้คนไม่อาจมองตรงๆ ได้

“โจ้วฟางแห่งสำนักเต๋าเทียนหลัน คนผู้นี้ดูแลเรื่องบทลงโทษในสำนักเต๋าเทียนหลันแห่งแดนเซียน สังหารคนมานับไม่ถ้วน กลิ่นอายชั่วร้ายทั้งตัวเขา แม้แต่สำนักอสูรยังต้องปวดหัว บุคคลนี้….ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าสำนักของสำนักเต๋าเทียนหลันในแดนหมาน และก็เป็นผู้อาวุโสสูงสุด!

ชายชราด้านหลังเขาข้าไม่ค่อยคุ้นหน้า ทว่าหญิงสาวข้างๆ คือธิดาสวรรค์ที่หายากยิ่งในสำนักเต๋าเทียนหลัน นามว่าอู่เล่อ!” เมื่อคำพูดเฉียนเฉินเข้าถึงหูซูหมิง เขาละสายตากลับอย่างเงียบๆ แล้วมองไปทางสำนักธุลีอสูรฝ่ายสำนักอสูรที่อยู่ไม่ไกล

คนแรกที่เขาเห็นในสำนักธุลีอสูรคือชายหนุ่มคนหนึ่ง ประดุจดวงตะวันเจิดจ้าและเต็มไปด้วยความโอหัง ศิษย์สำนักรอบด้านพากันออกห่าง เขาจึงดูเด่นตาอย่างยิ่ง ราวกับกลัวว่าคนจะไม่รู้ฐานะตนในสำนักธุลีอสูร

เขาสวมชุดคลุมยาวสีม่วงหรูหรา ใบหน้าขาวประหนึ่งหยก หล่อเหลาอย่างยิ่ง ทว่าความเย็นชาในแววตาวาววับและความโอหังทางสีหน้า ทำให้บุคคลผู้นี้แผ่กลิ่นอายห้ามทุกสิ่งเข้าใกล้

“สำนักธุลีอสูร ซือคง!” ซูหมิงได้ยินคำพูดเฉียนเฉินแล้ว ทว่าต่อให้เฉียนเฉินไม่แนะนำ เขาก็มองออกในแวบแรก อีกฝ่ายคือซือคงแห่งเผ่ามังกรทมิฬในความทรงจำ และเป็นคนเผ่าเดียวกับไป๋หลิง

ท่าทางโอหังเหมือนกับในความทรงจำ พอซูหมิงเห็นในแวบแรกก็เกิดความรู้สึกไม่พอใจอยู่ภายใน

ซูหมิงกวาดสายตามองคนที่มีพลังสูงสุดในสำนักธุลีอสูร ซึ่งก็เป็นใบหน้าคุ้นตาเช่นเคย เขาคือสือไห่แห่งเผ่าร่องลมในความทรงจำ และเป็นชายชราที่พาเขาไปภูเขาร่องลม

ขั้นพลังทรงอำนาจสมบูรณ์ เป็นหนึ่งในสามคนชั้นยอดเหมือนกับเซินตง

เขายืนอยู่ตรงนั้น มุมปากยกยิ้มเยาะ กำลังมองคนสำนักเต๋าเทียนหลัน จิตสังหารเหลือล้นวูบผ่านแววตา

วันนี้สำหรับซูหมิง เขาเห็นใบหน้าคุ้นตาในความทรงจำมากมาย หากเป็นเขาเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้คงเกิดคลื่นอารมณ์ลูกใหญ่ในใจอย่างแน่นอน และคงไม่อาจสงบลงได้ มิหนำซ้ำจะยังสับสนอยู่ในความตะลึง

ทว่าเขามีประสบการณ์มาเยอะนัก เขาในตอนนี้ได้คำตอบจากเป่ยหลิงกับเฉินซินมาแล้ว เพียงแค่รู้สึกไม่อยาก….ไม่อยากเห็นท่านปู่กับเหลยเฉินในกลุ่มคนอยู่บ้างเท่านั้น…

ซูหมิงหลับตาลงอย่างเงียบๆ จนกระทั่งผ่านไปพักหนึ่งก็มีแรงกดดันสั่นสะเทือนฟ้าดินกับเสียงอึกทึกดังขึ้น เขาลืมตามองบนฟ้า และเห็น….ทะเลโลหิตกำลังตรงเข้ามา!

มันเป็นทะเลโลหิตขนาดหลายหมื่นจั้ง ม้วนตลบอยู่บนฟ้าราวกับมีชีวิต ในทะเลโลหิตจะปรากฏศพให้เห็นบ้างเป็นบางครั้ง ในศพเหล่านั้นมีทั้งบุรุษสตรี เด็กและคนชรา ทั้งยังมีเด็กทารกแรกเกิด ซึ่งตอนนี้ล้วนตายหมดแล้ว ต่อให้เป็นศพก็ไม่มีโลหิต เพราะถูกแช่หมักอยู่ในทะเลโลหิตและถูกพามาที่นี่

ทันทีที่เห็นศพเหล่านี้ นัยน์ตาซูหมิงมีจิตสังหารวูบผ่าน แววตาค่อยๆ เย็นชา มือกำแน่น เพราะเขารู้จักศพเหล่านี้ เห็นได้ว่าเป็นชนเผ่าหมานและไม่ใช่แค่ชนเผ่าเดียว…

เผ่าหมานพวกนี้ตายมานานมากแล้ว ทุกอย่างนี้เกิดจากการเข่นฆ่าเผ่าหมานระหว่างทางมาเยือนของสำนักกระหายอสูร จึงเกิดเป็นทะเลโลหิตหลายหมื่นจั้งเช่นนี้

ทะเลโลหิตยังไม่เข้ามาใกล้ก็มีกลิ่นคาวเลือดโชยเข้ามา วนเวียนอยู่รอบที่ราบอยู่นานไม่จางหาย ท่ามกลางเสียงดังกระหึ่ม พริบตาเดียวทะเลโลหิตก็เข้ามาใกล้ หลังจากบินวนรอบฟ้ารอบหนึ่งแล้วก็มีเสียงหัวเราะประหลาดแว่วมาจากข้างใน

สุดท้ายก็เกิดเป็นเสียงโครมดังสนั่น ทะเลโลหิตระเบิดออกกลายเป็นฝนโลหิตตกลงสู่ผืนดิน ขณะทุกหยาดฝนโลหิตกำลังตกลงพื้น มันกลับรวมตัวขึ้นเอง บนพื้นดินข้างๆ สำนักธุลีอสูรท่ามกลางแสงโลหิตเลือนราง มีร่างเงาเกือบหมื่นลดระดับลงสู่พื้น ฝนโลหิตที่รวมกันเหล่านั้นตกลงมาอย่างรวดเร็ว ก่อนกลายเป็นอาภรณ์ยาวสีโลหิตบนร่างคนเหล่านั้น

คนนำหน้าเป็นชายชราสีหน้าถมึงทึง เขาสวมชุดคลุมยาวสีแดง มือถือไม้เท้าสีดำ พอกวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วก็ยกยิ้มมุมปากเหี้ยมเกรียม

คนสำนักกระหายอสูรแทบทั้งหมดด้านหลังเขาก็เป็นเช่นนี้ ยังมีหญิงสาวคนหนึ่ง นางสวมชุดคลุมแดง มีใบหน้างดงามอย่างยิ่ง ทว่ากลับมีกลิ่นอายชั่วร้ายกดดันคน เสื้อคลุมโลหิตบนตัวนางส่องสะท้อนกับสีแดงเข้มตรงมุมปาก ทำให้คนเห็นแล้วแยกไม่ออกเลยว่าสีแดงเข้มนั้นคือโลหิตหรือไม่!

“สำนักกระหายอสูรชอบการเข่นฆ่า ชอบโลหิตสดที่สุด ปี้ถู่ผู้อาวุโสสูงสุดเป็นหนึ่งในสามอันดับสูงสุด มีขั้นพลังพอๆ กับอีกสองคน ทว่าหากวัดกันเรื่องจำนวนการสังหาร เขาคืออันดับหนึ่งในสามคน!

หญิงสาวด้านหลังเขาคนนั้นคือปี้ซู่ซึ่งอยู่อันดับพอๆ กับอูเซินซือคง! นางมีพรสวรรค์สูงส่ง เป็นธิดาสวรรค์ของสำนักกระหายอสูร นางมีพี่ชายคนหนึ่งชื่อปี้ซู่ เพียงแต่ซู่ของนางมาจากคำว่าซู่หรง ส่วนซู่ของพี่ชายนางมาจากคำว่าซู่ย่วน

พี่ชายนางอยู่สำนักเซียนอสูร เป็นโอรสสวรรค์อันดับหนึ่งของสำนักอสูร เขากำราบโอรสสวรรค์ทุกคน ทั้งยังเป็นคนที่สำนักอสูรบ่มเพาะเพื่อให้อยู่ระดับเดียวกับเยี่ยวั่งแห่งสำนักเต๋าเจิ้งเทียน” เฉียนเฉินพลันกล่าวขึ้น

ซูหมิงกวาดสายตามองปี้ถู่ นัยน์ตาเผยจิตสังหารเทียบเท่ากับจิตสังหารต่อตี้เทียนอย่างอดไม่ได้ เพราะปี้ถู่คนนี้คือจ้าวหมานภูผาดำที่ทำลายล้างเผ่าเขาทมิฬในความทรงจำเขา…ปี้ถู!

หรือก็คือคนครึ่งค้างคาวที่ถูกเขาสังหารกลางเวหาภูเขาทมิฬ!

‘คนในความทรงจำส่วนใหญ่ปรากฏมาทีละคนแล้ว ไม่นึกเลยว่าจะได้เจอพวกเขาในสงครามระหว่างสำนักอสูรกับสำนักเซียน…’ ช่วงที่ซูหมิงกวาดสายตามองคนในความทรงจำเหล่านั้น ก็มีแสงสว่างจ้ากลบทุกสิ่งลากยาวลงมาจากน่านฟ้าด้านหลังสำนักซ่อนมังกรกับสำนักเต๋าเทียนหลัน

นั่นคือแสงกระบี่ที่ช่วงชิงแสงทุกอย่างในโลกนี้!

มันคือกระบี่ใหญ่ยาวหลายหมื่นจั้ง กระบี่ที่ใหญ่กว่ามันมีเพียงกระบี่โบราณทองสัมฤทธิ์ที่ซูหมิงเคยเห็นในโลกเก้าหยิน นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีกระบี่ใดเทียบกับมันได้อีก

แสงจากกระบี่เล่มนี้แยกฟ้าดินออกเป็นชิ้นส่วน ขณะลงมาเยือนยังทำให้จิตใจของทุกคนสั่นไหวขึ้นเองเบาๆ คนสำนักซ่อนมังกรต่างพากันยืนขึ้น ผู้ฝึกฌานเกือบหมื่นของสำนักเต๋าเทียนหลันก็เช่นกัน วินาทีที่มองกระบี่ใหญ่ จิงหนานและโจ้วฟางคนสองสำนักมองกันและกัน ก่อนประสานมือคารวะกระบี่ใหญ่ที่กำลังลงมาจากฟ้า

“สำนักซ่อนมังกร คารวะจักรพรรดิสวรรค์!”

“สำนักเต๋าเทียนหลัน คารวะจักรพรรดิสวรรค์!”

เมื่อสองคนเอ่ย ผู้ฝึกฌานทั้งหมดของสำนักเต๋าเทียนหลันกับสำนักซ่อนมังกรล้วนประสานมือคารวะฟ้า แล้วเอ่ยคำคารวะเสียงกึกก้องฟ้าดิน

เสียงคนหลายหมื่นรวมเป็นหนึ่งยังไม่อาจกลบเสียงลากยาวของกระบี่เล่มนั้น ทำได้เพียงคลอควบคู่ไปกับกระบี่ที่เข้ามาใกล้!

ซูหมิงหรี่ม่านตาลง จิตสังหารในร่างกายพลุ่งพล่านตามอำเภอใจ ทว่ากลับไม่เผยออกมา เขาเพียงมองไปด้วยความเย็นชาอย่างยิ่ง

เมื่อกระบี่ใหญ่เข้ามาใกล้ มีร่างจำนวนมากกลายเป็นสายรุ้งยาวบินลงมาจากตัวกระบี่ ทุกร่างเหยียบบนกระบี่เล่มหนึ่ง จำนวนคนไม่ใช่หมื่นแต่มีเกือบสามหมื่นกระจายเต็มฟ้า ตอนที่พวกเขาเข้ามาใกล้และลดระดับลงสู่พื้นดิน กลับมีพลังอำนาจพอจะกำราบสามสำนักอสูรชั้นล่าง!

ในเวลาเดียวกัน บนกระบี่ใหญ่มีร่างเงาอยู่สองคน ร่างเงาสองคนนี้สวมมงกุฎจักรพรรดิ แม้บนกระบี่จะเห็นใบหน้าไม่ชัด แต่คลื่นพลังจากสองคนนี้กลับสามารถกำราบผู้ฝึกฌานขั้นทรงอำนาจได้ทุกคน นั่นไม่ใช่พลังของก้าวแรก!

ภายใต้กฎมรณะหยินของเผ่าหมาน คนที่มีพลังอยู่เหนือกว่าก้าวแรกของเผ่าเซียนนับว่าหายากยิ่ง แทบเป็นวินาทีที่เห็นร่างเงาสองคนนั้น ซูหมิงก็เกิดความรู้สึกคุ้นเคยกับคลื่นพลังอีกฝ่าย นัยน์ตาพลันมีประกายวาววับวูบผ่าน

พร้อมกันนั้นในใจก็หนักหน่วง

‘สองคน!’

ต่อมาซูหมิงก็เห็นว่าในผู้ฝึกฌานสามหมื่นคนที่มาเยือนมีร่างเงาของเป่ยหลิง เฉินซิน และยังมีอีกสองคนในความทรงจำ

บิดาของเป่ยหลิง ผู้นำกองรักษาการณ์เผ่าเขาทมิฬ!

บิดาของเฉินซิน จ้าวเผ่า…เขาทมิฬ!

ชายร่างกำยำสองคนนี้สวมอาภรณ์สีม่วง ยืนอยู่หน้าสุดของผู้ฝึกฌานด้านล่าง มีสีหน้าเย็นชา ระลอกคลื่นพลังขั้นทรงอำนาจสมบูรณ์แผ่มาจากตัวพวกเขา เห็นได้ว่านี่ไม่ใช่ขั้นพลังเดิม แต่เป็นขั้นพลังหลังถูกจำกัดเอาไว้แล้ว!

เพราะในความรู้สึกซูหมิง ความน่าเกรงของสองคนนี้อยู่เหนือกว่าเซินตง!

แววตาซูหมิงสงบนิ่ง สายตามองร่างเงาเสื้อคลุมจักรพรรดิสองคนบนกระบี่ เขาในเวลานี้ไม่มีความคิดฟุ้งซ่านอะไรอีก ในเมื่อรู้แล้วว่าตนต้องทำอะไร เช่นนั้นไม่ว่าจะต้องจ่ายไปในราคาเท่าไร ศึกครั้งนี้ ความคิดสังหารตี้เทียนจะไม่สั่นคลอน!

เขากวาดสายตามองไปทีละคน จากเป่ยหลิง เฉินซิน อูลาแห่งสำนักเต๋าเทียนหลัน

เฉินชงแห่งสำนักซ่อนมังกร ปี้ซู่แห่งสำนักกระหายอสูร และพวกซือคงแห่งสำนักธุลีอสูร

‘คนเหล่านี้คือโอรสสวรรค์จากแต่ละสำนักเซียน ข้ามเรื่องที่ว่าเหตุใดคนพวกนี้ถึงปรากฏในความทรงจำภูเขาทมิฬไปก่อน…ตอนอยู่ภูเขาทมิฬ พวกเขาแพ้ให้กับข้าในเผ่าร่องลม ที่นี่ตอนนี้…พวกเขาก็ต้องแพ้ข้าเช่นเดิม!’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!