Skip to content

สู่วิถีอสุรา 658

ตอนที่ 658 กับดักแล้วอย่างไร!

สู้หรือไม่สู้!

ลงมือหรืออดกลั้นต่อไป!

นี่คือการเลือกอันยากเย็น ทว่าซูหมิงในยามนี้ต้องตัดสินใจโดยเร็วที่สุด หากการตัดสินใจถูกต้อง โอกาสสังหารร่างแยกของตี้เทียนก็จะมากขึ้น แต่หากพลาดมีโอกาสสูงมากที่ทุกอย่างก่อนหน้านี้จะสูญเปล่า

เวลานี้ร่างแยกตี้เทียนลงมายังพื้นดิน ส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว หมอกทั้งพื้นดินกระจายออกเป็นวงกว้าง มีแนวโน้มคล้ายจะม้วนตลบหมอกบนพื้นออกไปทั้งหมด

แผ่นดินสั่นสะเทือน พัดที่ไล่ตามตี้เทียนในชุดคลุมม่วงก็เข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ดูท่าแล้วเหมือนจะล่าสังหารตี้เทียนด้วยความแค้นเข้ากระดูกดำ

ซูหมิงตาแดงก่ำ เส้นเลือดดำปูดบนใบหน้า การเลือกครั้งนี้สำคัญยิ่งนัก โอกาสก็ยิ่งหายาก ทั้งยังจะทำลายแผนการเดิมของเขาด้วย

ตอนนี้โอกาสอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่จะเป็นโอกาสจริงๆ หรือกับดักใหญ่ยักษ์นั้น

ซูหมิง…..มองไม่ออก

‘ต้องเดิมพัน!’ นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกายสีแดงทันใด เขาไม่ยอมทิ้งโอกาสนี้ไป แม้จะเป็นกับดัก แต่เหยื่อในกับดักกลับมากพอจะทำให้เขาสนใจ

เป้าหมายของเขาคือสังหารตี้เทียน หากให้ร่างแยกสองตนห่างกันได้ สำหรับเขาแล้วถือเป็นโอกาสดีที่สุด ต่อให้เป็นกับดัก…ก็ไม่เป็นไร!

ซูหมิงมีสีหน้าเด็ดเดี่ยว เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ทั่วร่างพลันไม่มีกลิ่นอายพลังใดๆ แผ่ออกมา ก่อนห้อเหยียดเข้าไปอย่างเงียบเชียบประดุจกระบี่พร้อมฝัก

ไม่มีเสียงแหวกมวลอากาศ ไม่มีเสียงลากยาวแหลม มีเพียงบุกไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงกลัว กับจิตสังหารที่หากไม่หลั่งเลือดก็จะไม่ยอมถอย จิตสังหารนี้เก็บงำอยู่ภายใน หรือก็คือหากไม่ใช่ความตายท่ามกลางความเงียบ ก็เป็นจิตใจแน่วแน่ที่ระเบิดออกมาจากความเงียบ!

ร่างเงาซูหมิงตรงไปหาตี้เทียนด้วยความเร็วที่ไม่อาจบรรยาย กระทั่งสายฟ้าแลบยังไม่อาจนำมาเปรียบได้ ทุกอย่างตรงหน้าเขาตอนนี้เลือนราง มีชัดเจนเพียงอย่างเดียวคือร่างสีม่วง หรือคนที่ตนแค้นเข้ากระดูกและสาบานว่าจะต้องสังหารให้ได้

บุคคลนี้คือคนขวางการทะลวงขั้นวิญญาณหมานของเขา ควบคุมกาลเวลาของเขา กระทั่งทำให้ทุกอย่างในภูเขาทมิฬเป็นเพียงภาพมายา!

ต่อสู้กันมาสองครั้ง ครั้งแรกใช้พลังเทพหมานสังหารอีกฝ่าย

ทว่าครั้งสองซูหมิงกลับบาดเจ็บสาหัส…

‘ต่อให้เป็นกับดักก็ต้องลงมือ!’ ซูหมิงร้องตะโกนในใจ เสียงดังกึกก้องอยู่ในกาย แต่กลับไม่ดังสู่ข้างนอกแม้แต่น้อย มันรวมอยู่ในร่างกายและผสานรวมอยู่ในจิตใจแน่วแน่ กลายเป็นความเร็วสะเทือนฟ้าดิน

ชั่วพริบตาเดียว กระทั่งแม้แต่ชั่วพริบตายังไม่อาจใช้บรรยายความเร็วของซูหมิง…

การไหลเวียนของกาลเวลาทุกอย่างในสายตาซูหมิงช้าลงในพริบตา เขาข้ามผ่านระหว่างศิษย์สำนักเซียนกับสำนักอสูร คนเหล่านี้เคลื่อนไหวเชื่องช้ายิ่งนัก ไม่ว่าจะเดินหรือร้องตะโกน ไม่ว่าจะลงมือหรือถอย มองไปก็เหมือนกำลังดิ้นรนครั้งสุดท้ายอยู่ในโคลนตม

ร่างเงาเหล่านี้ ภาพทุกอย่างรอบๆ เลือนรางอยู่ในความเชื่องช้า มีเพียงร่างตี้เทียนที่ยังชัดเจนอยู่ ตอนนี้อีกฝ่ายอยู่บนพื้นดินกำลังเงยหน้า มือเช็ดคราบโลหิตตรงมุมปาก สายตาไม่มองซูหมิง แต่มองพัดที่กำลังเข้ามาใกล้จากบนฟ้า

เวลาหยุดชะงัก!

ซูหมิงเร็วขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับกระบี่ออกจากฝักอย่างเนิบช้า ช่วงที่ห่างจากด้านหลังตี้เทียนหลายสิบจั้ง พลังทั่วร่างเขา พลังชีวิต กลิ่นอายพลัง และจิตใจแน่วแน่ ทั้งหมดล้วนผสานรวมเข้าด้วยกันเป็นจุดเดียว ก่อนฉีกแยกมวลอากาศของฟ้าดินมาปรากฏตัวอยู่ข้างหลังตี้เทียน!

ทุกอย่างของเขากลายเป็นนิ้วมือเดียวกดเข้าไป ฉับพลันนั้นฟ้าดินถอดสี ผืนฟ้าส่งเสียงเลื่อนลั่น คนและสิ่งมีชีวิตทั้งหมดรอบกายเขาไม่ช้าอีก แต่หยุดนิ่งอย่างสมบูรณ์

มีเพียงนิ้วมือนั้นตรงเข้าไปหาตี้เทียนชุดคลุมม่วงประหนึ่งเงามืดมรณะ!

วินาทีที่นิ้วใกล้จะสัมผัส ตี้เทียนที่หันหลังให้ซูหมิงอยู่กลับหันหน้ามามองโดยพลัน ดวงตาน่าเกรงขามเป็นประกายพร่างพราว

“ล่อเจ้า…ออกมาได้จริงๆ…”

ช่วงที่ตี้เทียนเอ่ยประโยคนี้ ในใจซูหมิงไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ คำพูดประโยคนี้อธิบายได้ว่าความลังเลก่อนหน้านี้ของเขาใช่ว่าจะไม่มีสาเหตุ และยังหมายความอีกว่าตี้เทียนลงมาข้างล่างนี้เพราะจงใจให้ร่างแยกสองตนห่างกัน เพื่อล่อซู่มิ่งที่เขาคิดว่าบางทีอาจมาให้ปรากฏตัว!

ซูหมิงรู้ซึ้งนานแล้วว่าตี้เทียนเป็นคนมีแผนการแยบยล ยามนี้ประสบอีกครั้ง แม้จะเดิมพันล้มเหลว ทว่า…เหยื่อล่อตัวนี้กลับทำให้เขารู้ทั้งรู้ว่าอันตราย แต่ก็ยังคงเลือกเช่นนี้!

ตี้เทียนตกปลาโดยการโปรยเหยื่อลงไป หากเป็นปลาทั่วไปคงต้องตายอย่างแน่นอน แต่ตี้เทียนกลับไม่นึกเลยว่า…ไม่เพียงแต่ไม่เสียเหยื่อเท่านั้น กลับตกได้มังกรชั่วร้ายกินคนมาตัวหนึ่ง!

ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง นิ้วมือปะทะเข้ากับมือขวาที่ยกขึ้นของตี้เทียน

วินาทีที่ปะทะกัน กลิ่นอายพลังของซูหมิง พลังชีวิตและจิตใจแน่วแน่เหล่านี้ผสานรวมเป็นจุดเดียวกัน ก่อนระเบิดออกดุจดั่งกระบี่ออกจากฝัก มิหนำซ้ำจิตสังหารที่ระงับมานานยังปะทุออกทุกด้าน!

“ตี้เทียน!” ซูหมิงคำรามเสียงต่ำ เสียงนั้นผสานรวมกับเสียงครึกโครมเขย่าฟ้าดิน แล้วปลดปล่อยทั้งหมดของเขาราวอานุภาพแห่งสวรรค์

เสียงกึกก้องดังสนั่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ต่อให้เป็นเสียงเข่นฆ่ากันนับไม่ถ้วนบนสนามรบก่อนหน้านี้ก็ยังไม่เคยเกิดเสียงดังเช่นนี้ เสียงมันเหมือนว่าไม่ควรปรากฏอยู่ในโลกใบนี้ วินาทีที่ดังก้องกังวาน ศิษย์สำนักเซียนและอสูรโดยรอบจำนวนมากตัวสั่น กระอักเลือดพร้อมกับกระเด็นถอยไป

มีอยู่ไม่น้อยที่ไม่อาจรับเสียงดังสนั่นไหว ร่างระเบิดกระจุยในทันที

ระลอกคลื่นแผ่กระจายเป็นวงกว้างในชั่วพริบตาโดยมีซูหมิงกับตี้เทียนเป็นใจกลาง หมอกบนพื้นดินม้วนถอยไป ศิษย์ของสองสำนักพากันลอยขึ้น ก้อนหินจำนวนมากบนพื้นกลายเป็นฝุ่นละออง!

ท่ามกลางเสียงโครมคราม ตี้เทียนร่างสั่นสะท้าน ตรงมุมปากมีโลหิตไหล

เดิมทีร่างกายเขามีบาดแผลจากการสู้กับจี๋อั้นมาก่อน เวลานี้ภายใต้แรงปะทะ พลังของซูหมิงสร้างความตื่นตะลึงกับเขา หนำซ้ำตัวเขายังถอยหลังไปหลายก้าว

นิ้วชี้มือขวาซูหมิงระเบิดกลายเป็นแผลเหวอะหวะ และตัวเขาเองยังกระอักเลือดกองใหญ่ ทว่ากลับฝืนต้านไม่ให้ถอยไป จากนั้นตรงไปหาตี้เทียนด้วยความเร็วสูงกว่าเดิม

“ข้าหาเจ้ามานานมาก ข้าว่าแล้วเชียว ถ้าเจ้ารู้เรื่องสงครามกับสำนักอสูรครั้งนี้ เจ้าจะต้องแฝงตัวมาอย่างแน่นอน…แล้วเจ้าก็ไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ……”

นัยน์ตาตี้เทียนวาววับ สงครามกับสำนักอสูรครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อซู่มิ่งคนเดียว แต่เพื่อครองสิทธิ์หอคอยรกร้างบูรพาจริงๆ แต่ก็ใช้เรื่องนี้ล่อซู่มิ่งออกมาได้ด้วย ซึ่งนี้ก็เป็นความคิดของตี้เทียนคนเดียว

เขาตามหาซู่มิ่งไม่เจอ ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็หาไม่พบ นั่นเป็นความรู้สึกเหมือนติดอยู่ในลำคอ ทุกครั้งที่นึกถึงการต่อสู้กับซูหมิงในครั้งนั้นจะทำให้ในใจเขาเกิดจิตสังหาร

ทั้งแดนเซียนล้วนรู้เรื่องของซู่มิ่ง แต่มีเพียงเขาคนเดียวที่วางแผนกับซู่มิ่ง แผนการนี้ยิ่งใหญ่นัก เขาจึงดึงสำนักอื่นๆ มาร่วมด้วย ทว่ากลับปิดบังความจริงเอาไว้ หากสำเร็จ…เขาจะมีเสี้ยวโอกาสเข้ามาแทนยุคสมัยของเต้าเฉิน!

เพียงแต่ว่า…ตอนนั้นที่ประมือกับซูหมิง เขาได้เห็นพลังแห่งการย้อนเวลา ได้เห็นซูหมิงแปลงเป็นซู่มิ่ง เขาไม่มีวันลืมภาพนั้นได้ กระทั่งส่วนลึกในใจยังสั่นไหวอย่างที่พบเห็นได้ยาก

ตอนนั้นเขาเพิ่งพบว่า…..แผนการกับซู่มิ่งของตนปรากฏช่องโหว่ถึงชีวิต ปรากฏรอยแยกที่ไม่อาจผสานรวม โอกาสที่แผนการจะสำเร็จจึงริบหรี่ลง กระทั่งเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว

ดังนั้นเขาจึงต้องลงมายังพื้นดิน ความน่ากลัวในการเติบโตของอีกฝ่ายและยังมีคนที่รู้เรื่องนี้มากขึ้นสร้างปัญหาให้กับเขาไม่หยุดหย่อน ฉะนั้น……ความคิดเขาจึงเปลี่ยนไป

เขาอดกลั้นความเจ็บปวด ยอมละทิ้งแผนการที่รอมาหมื่นปีก็ยังไม่สำเร็จ เขาจะทำลายซู่มิ่งเพื่อลบหลักฐานทุกอย่างในแผนการให้หายไป ส่วนสงครามสำนักเซียนกับอสูร ในสายตาตี้เทียนมันคือโอกาสดีที่จะล่ออีกฝ่ายออกมา ดังนั้น…เขาจึงลงมาบนพื้น แล้วใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อซูหมิงออกมา

เพราะเขารู้ว่าด้วยฐานะของตน การลงมายังสนามรบจะไม่มีใครกล้าลงมือด้วย แต่หากจะมีคนลอบโจมตี……ต้องเป็นซู่มิ่งที่เขาหาตัวไม่เจออย่างแน่นอน!

เพียงแต่เขานึกไม่ถึงเลยว่าเพียงเวลาไม่กี่ปี ซูหมิงจะแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก โดยเฉพาะดัชนีนี้ที่ทำให้เขาเกร็งดวงตา กระทั่งยังกระตุ้นอาการบาดเจ็บในร่างกาย

เวลานี้ขณะตี้เทียนร่นถอยไป ซูหมิงก็พุ่งเข้ามาพลางยกมือซ้ายกดอากาศ ทันใดนั้นมือซ้ายมีหมอกดำแผ่มาจำนวนมาก หมอกดำเหล่านี้กระตุ้นกลิ่นอายมรณะของสนามรบแล้วสูบเข้ามา ทันทีที่เขายกมือขวาขึ้นก็เกิดเสียงโครมครามก้องฟ้าดิน

“กับดักแล้วอย่างไร แค่เหยื่อน่าสนใจมันก็เพียงพอแล้ว!” หมอกดำกระจายมาจากซูหมิงเป็นเงามายาสีดำเจ็ดเส้น พวกมันขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พริบตาเดียวก็โอบล้อมรอบฟ้าดิน ดึงดูดความสนใจของทุกคนบนสนามรบทันที!

บนสนามรบ เวลานี้หมอกที่จี๋อั้นปล่อยไปทั่วสนามรบกระจายออกเป็นส่วนๆ จากแรงปะทะเมื่อครู่และยังม้วนตลบถอยไป ราวกับว่ามีมือใหญ่ไร้รูปหลายมือขับไล่มัน ทำให้สนามรบชัดเจนขึ้นเป็นครั้งแรก!

อีกทั้งยามนี้ คนหลายหมื่นที่เหลือรอดอยู่บนสนามรบล้วนมองซูหมิงกับตี้เทียน!

กระทั่งจี๋อั้นที่กำลังสู้กับตี้เทียนชุดคลุมทองยังนัยน์ตาวาววับ พลันก้มหน้ามองซูหมิง นัยน์ตาฉายแววประหลาดใจ แล้วค่อยๆ ยกยิ้มพิลึกที่มุมปาก

“ที่แท้…ก็เป็นเช่นนี้เอง!” รอยยิ้มจี๋อั้นกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!