Skip to content

สู่วิถีอสุรา 710

ตอนที่ 710 ออกจากหอคอย

ผู้ฝึกเผ่าเซียนจำนวนมากใช้วิธีต่างกัน มุ่งหน้ามายังแผ่นดินใหญ่นับไม่ถ้วนที่ลอยอยู่กลางฟ้ากระจ่างดาวจากทุกทาง ขณะเดียวกัน แท่นบวงสรวงตรงใจกลางแผ่นดินใหญ่ ศพที่นอนอยู่ซึ่งทำให้ซูหมิงรู้สึกได้อย่างเด่นชัดยิ่งกำลังแผ่กระจายกลิ่นอายกระเทือนไปทั้งแดนเซียน

เข็มแหลมที่ปักบนร่างศพกำลังหลุดออกมาข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง ดูจากลักษณะแล้วอีกไม่นานก็จะหลุดออกมาอย่างสมบูรณ์ และศพนี้ก็จะไม่มีผนึกอีกต่อไป

อีกทั้งบนตัวศพยังปรากฏตราสัญลักษณ์พิลึก ดูไปแล้วเหมือนใบไม้แห้ง ทว่าภายใต้การขยับแสงวูบวาบจากตราสัญลักษณ์ จึงให้ความรู้สึกเหมือนใบไม้นี้กำลังจะฟื้นคืนชีพ

แท่นบวงสรวงเกิดเสียงดังกึกๆ และปรากฏรอยร้าวทีละเส้น รอยร้าวเหล่านั้นลุกลามไปรอบๆ อย่างรวดเร็วจนกระทั่งปกคลุมไปทั้งแผ่นดิน หลังจากที่กลิ่นอายพลังจากศพนั้นแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ก็เกิดเสียงโครมทีหนึ่ง เข็มที่ปักบนตัวเกือบสามส่วนถูกบีบออกมา ก่อนแตกสลายไปกลางอากาศ ต่อมา เข็มจำนวนมากกว่าเดิมกำลังจะออกตามมา ทันใดนั้นก็มีสายรุ้งยาวหลายสายขยับวูบไหวเข้ามา กระทั่งยังมีคนแหวกมวลอากาศเดินออกมา รวมทั้งหมดมีเก้าคน!

เก้าคนนี้บ้างกลายเป็นสายรุ้ง บ้างใช้อาคมเคลื่อนย้าย บ้างฉีกแยกมวลอากาศเข้ามาพร้อมกัน ทั่วร่างเก้าคนนี้ถูกหมอกโอบล้อมไว้จึงเห็นใบหน้าไม่ชัด แต่กลับมีเสียงตะโกนแว่วออกมาพร้อมกัน

เสียงตะโกนพร้อมกันของเก้าคนนี้สร้างเป็นคลื่นเสียงม้วนตรงไปยังศพ ในเวลาเดียวกัน เก้าคนนี้ก็ยกมือขวาขึ้นทำสัญลักษณ์มือแล้วกดบนตัวศพตรงเก้าจุดต่างกัน

ฉับพลันนั้น เก้าคนก็ตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรง พยายามกำราบเอาไว้

ช่วงเวลาเดียวกับที่เผ่าเซียนกำราบศพนี้เอง ณ แผ่นดินหมานใต้หมอกมรณะหยิน ครั้นหอคอยรกร้างบูรพามีคนเข้ามาเยือนอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้รอบๆ มีเกือบสี่ถึงห้าแสนคนแล้ว พวกเขาล้วนคุกเข่าคารวะไปทางหอคอยที่แผ่คลื่นวงแสงออกมา

ทว่าซูหมิงยืนอย่างสงบนิ่งในหอคอยรกร้างบูรพา มือขวาถือกระบี่สังหาร สีหน้าเฉยชา แต่กลับมีคลื่นพลังน่ากลัวปะทุมาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณอย่างต่อเนื่อง

กระบี่สังหารในมือสั่นไหวรุนแรง ด้วยกลิ่นอายพลังที่ตื่นขึ้นซึ่งสร้างความหวาดกลัวให้กับมัน สุดท้ายกระบี่สังหารถึงร้องยอมศิโรราบ ขณะเสียงร้องน่าเวทนาดังกึกก้อง แสงครามเส้นสุดท้ายในกระบี่ก็หายไป เมื่อแทนที่ด้วยแสงทองหมดแล้ว มันก็เปล่งแสงสว่างจ้าตาอยู่ในมือ

ซูหมิงคลายมือขวาแล้วชี้ไปยังกระบี่สังหาร กระบี่แสงทองก็ตรงไปยังนิ้วชี้มือขวาตนทันที ขนาดเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา ดูแล้วเหมือนกับมีแสงทองพันรอบนิ้วชี้มือขวาเขา ครู่ต่อมาครั้นแสงทองหายไปแล้ว บนนิ้วชี้มือขวาก็มีเล็บมือสีทองเพิ่มเข้ามา

จนถึงตอนนี้ กระบี่สังหารที่ทำให้เขาตกอยู่ในที่นั่งลำบากมาหนึ่งปีกว่า กระทั่งยอมแผดเผาดวงวิญญาณโดยไม่เสียดาย และยังยืมใช้พลานุภาพของหอคอยรกร้างบูรพามากำราบมันเล่มนี้ หลังจากตระหนักรู้ความหมายโลหิตของฤดูใบไม้ร่วงได้แล้ว ภายใต้การตื่นขึ้นของวิญญาณที่เขาเหมือนจะเข้าใจและไม่เข้าใจ ในที่สุดกระบี่สังหารก็ยอมศิโรราบให้

“ข้า ชอบสีแดง…” ซูหมิงกล่าวเสียงเบา ก่อนยกมือขวากดบนประตูใหญ่หอคอยรกร้างบูรพาเบาๆ

ประตูใหญ่ส่งเสียงอึกทึก ค่อยๆ เปิดออกไปข้างนอก ทันทีที่เปิดออก แสงทองที่ไม่มีสิ้นสุดสาดส่องออกไป สั่นสะเทือนทั้งแผ่นดิน อีกทั้งยามนี้ยังมีเสียงคำรามด้วยความตื่นเต้นแว่วออกมาจากหอคอย

ซูหมิงก้าวเดินออกมาอย่างสงบนิ่ง ช่วงที่เดินออกจากหอคอยภายใต้แสงทองที่โอบล้อมร่างกาย เขาเห็นใบหน้าฮึกเหิมของเผ่าหมานนับไม่ถ้วน

ขณะเดียวกัน กลางอากาศยังปรากฏเทวรูปหมานของเขาขึ้นมาด้วย

เทวรูปหมานพันจั้งตั้งตระหง่านอยู่กลางฟ้าดิน กลิ่นอายพลังสร้างชะตาแผ่กระจายแรงกดดัน ทำให้สายเลือดเผ่าหมานทั้งหมดเดือดพล่าน ทุกอย่างเหล่านี้อธิบายได้เรื่องเดียว

ซูหมิงก็คือเทพหมานที่พวกเขาตามหามาหนึ่งปีกว่า!

“คารวะเทพหมาน!”

“คารวะเทพหมาน!”

“คารวะเทพหมาน!”

เสียงจากคนสี่ห้าแสนดังขึ้น และยังดังอย่างต่อเนื่องในพริบตา ผสานรวมกันเป็นเสียงตะโกนดังสนั่นฟ้าดิน กลายเป็นจิตใจแน่วแน่ กลายเป็นจิตวิญญาณของเผ่าหมาน เวลานี้ขณะเสียงดังกึกก้อง ทุกคนล้วนร้องคำรามสุดเสียง เสียงฮึกเหิมสามารถเขย่านภา กำราบปฐพี และยังเขย่าขวัญจิตใจ ระเบิดจิตวิญญาณ!

ซูหมิงยืนอยู่นอกหอคอยรกร้างบูรพาอย่างเงียบๆ เขามองสีหน้าฮึกเหิมของชาวเผ่าหมานเหล่านี้ ข้างหูได้ยินเสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหว ท่ามกลางคลื่นเสียงและความตื่นเต้นของเผ่าหมาน หัวใจเขาค่อยๆ เกิดความรู้สึกร่วมกับคนเหล่านี้อย่างน่าประหลาด

ความรู้สึกร่วมกันนี้เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เหมือนกับขอเพียงซูหมิงเอ่ยปาก คนเหล่านี้ก็จะทำตามคำสั่งทันที แม้ต้องบุกทะลวงฟ้าก็จะปฏิบัติตามอย่างไม่ลังเล

ราวกับว่าเวลานี้ ซูหมิงคือเทพเจ้าของพวกเขา บางทีอาจไม่ใช่เพียงแค่เวลานี้ แต่เป็นชั่วนิรันดร

“ข้าจะสังหารเผ่าเซียน” ซูหมิงหลับตาลง ครู่ต่อมาคลื่นเสียงข้างหูก็ดังมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีเค้าว่าจะหยุดแม้แต่น้อย แต่ช่วงที่จะเกิดการแปรเปลี่ยนพลิกฟ้าดิน เขากลับลืมตาขึ้นแล้วกล่าวเนิบๆ

เสียงเขาไม่ดังนัก แต่ก็ยังกระจายอยู่ท่ามกลางเสียงร้องของคนสี่ห้าแสนคน กึกก้องไปทั่วฟ้า

เมื่อเสียงดังออกไป ชาวเผ่าหมานทั้งหมดในบริเวณนี้ กระทั่งตาแก่อย่างพวกเสวี่ยซากับเทียนฉี่ ยังระงับความตื่นเต้นของตนไม่ไหว

“สังหารเผ่าเซียน!” นี่คือเสียงร่วมกันของคนสี่ห้าแสนคน เสียงนี้เพียงพอจะสร้างความตื่นตกใจกับเทพและมาร ทำให้สิ่งมีชีวิตทุกสิ่งต้องตัวสั่นภายใต้เสียงนี้

“ข้าจะสังหารผู้ฝึกเผ่าเซียนทั้งหมดบนแผ่นดินหมาน!” ซูหมิงสะบัดแขนเสื้อ เสียงดังขึ้นอีกเล็กน้อย

“สังหารผู้ฝึกเผ่าเซียนทั้งหมดบนแผ่นดินหมาน!” ชาวเผ่าหมานสี่ห้าแสนคนลุกขึ้นเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า ส่งเสียงดังสนั่นพร้อมด้วยจิตสังหารบ้าคลั่ง

“ข้าจะทำให้ฟ้ากระจ่างดาวของแดนเซียนเป็นสีแดงนับจากนี้ไป!” ซูหมิงเดินหน้าหนึ่งก้าว วูบเดียวก็มายืนอยู่กลางอากาศ ภายใต้เสียงดังกังวาน สิ่งที่แลกกลับมาเป็นเสียงคำรามอย่างคลุ้มคลั่งของชาวเผ่าหมานสี่ห้าแสนคน

“ทำให้ฟ้ากระจ่างดาวของแดนเซียนเป็นสีแดงนับจากนี้ไป!” เสียงคำรามที่เหนือกว่าฟ้าผ่ารวมเข้าด้วยกันในพริบตา รวมกับการผงาดขึ้นของเผ่าหมาน แล้วตรงขึ้นฟ้าไปราวกับกระบี่คมออกจากฝัก ส่งเสียงโครมครามสนั่นฟ้า กระทั่งวิญญาณร้ายในหมอกมรณะหยินยังพากันเงียบงัน

อีกทั้งยามนี้เอง กลางฟ้ากระจ่างดาวของเซียน ณ ใจกลางแผ่นดินที่ลอยอยู่จำนวนมาก กายเนื้อซูหมิงที่ถูกคนเก้าคนซึ่งมีหมอกโอบล้อมกำลังกำราบพร้อมกัน ระหว่างนั้นก็มีเข็มเกือบสามส่วนจากทั่วร่างพุ่งออกจากร่างกาย แล้วระเบิดกลางอากาศ

เก้าคนที่กำราบอยู่กระอักเลือดพร้อมกัน กระเด็นถอยไปพร้อมส่งเสียงคำราม ก่อนพยายามฝืนหยุดเอาไว้แล้วกำราบอีกครั้ง ด้านหลังเก้าคนนี้พลันปรากฏมวลอากาศบิดเบี้ยวเก้าจุด

ภายในมวลอากาศบิดเบี้ยวนั้น จะเห็นได้ว่าด้านหลังทั้งเก้าคนมีเงาสะท้อนของโลกอยู่ นั่นคือโลกเก้าทิศ ในหนึ่งโลกจะมีเซียนนับไม่ถ้วนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ และเซ่นไหว้พลังทั้งหมดไหลผ่านเข้าไปตามเงาสะท้อน

“ด้วยคำสั่งของเซียนจวิน (เซียนผู้สูงส่ง) บอกเก้าโลกที่เหลือของเผ่าเซียนว่ากายเนื้อซู่มิ่งในโลกปราการหยินเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หากไม่ส่งคนมาช่วย พวกข้าเก้าคนจะเอาไม่อยู่แล้ว!” หนึ่งในเก้าคนตะโกนออกไป จากนั้นเก้าคนนี้ก็เอาพลังของโลกทั้งเก้าด้านหลังอัดใส่กายเนื้อซูหมิงพร้อมกัน ทำให้เข็มที่ปักอยู่บนตัวไม่ถูกบีบออกมาอีก

แทบเป็นช่วงที่เก้าคนนี้เข้ากำราบอีกครั้ง เสียงคำรามบนแผ่นดินรกร้างบูรพาของเผ่าหมานดังก้องกังวาน ภายใต้เสียงคำรามของคนสี่ห้าหมื่นนี้ ซูหมิงที่อยู่ข้างหอคอยรกร้างบูรพาเงยหน้ามองฟ้า นัยน์ตาเขาเหมือนมองทะลุหมอกมรณะหยิน มองเห็นฟ้ากระจ่างกาวของเซียนภายนอกกระจก

“ข้าคือเทพหมาน! ข้าจะนำพาเผ่าหมานเอาโลหิตไปย้อมฟ้าของเผ่าเซียน!” ประโยคนี้ซูหมิงไม่ได้กล่าวเสียงเบา แต่เงยหน้าตะโกนขึ้นฟ้า ภายใต้เสียงตะโกนนี้ ชาวเผ่าหมานทั้งหมดที่นี่ตะโกนพร้อมกัน ชั่ววินาทีนี้จิตใจแน่วแน่ทั้งหมดล้วนรวมอยู่ในตัวซูหมิง อีกทั้งตอนนี้ซูหมิงยังรู้สึกว่าตนผสานรวมกับโลกหมาน

ภายใต้การตื่นขึ้นบางอย่างของจิตวิญญาณ และการตระหนักรู้ความหมายของฤดูใบไม้ร่วง รวมถึงการผสานรวมจิตใจแน่วแน่ของเผ่าหมานจำนวนมาก ขั้นพลังเขาปะทุขึ้นในร่างกายพร้อมกับส่งเสียงอึกทึก

ครั้นพลังปะทุขึ้น ฟ้าก็ค่อยๆ ปรากฏสีแดง แม่น้ำบนแผ่นดินเหมือนถูกย้อมเป็นสีแดง

ภายในฟ้ากระจ่างดาวของเซียน ตรงจุดที่กายเนื้อซูหมิงนอนอยู่ ยามนี้จากการปะทุขึ้นของซูหมิง เข็มที่ถูกปักเข้าไปใหม่เหล่านั้นล้วนสั่นไหวและทำท่าจะมุดออกมาอีกครั้ง เก้าคนข้างๆ กายเนื้อหน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน

ตอนนี้เอง มีจิตสัมผัสแก่กล้าและดิบเถื่อนทะลวงมวลอากาศมาปรากฏอยู่บนกายเนื้อซูหมิง ยกมือขวาแล้วกดลงไปอย่างแรง จากนั้นจิตสัมผัสพร้อมกลิ่นอายเก่าแก่หลายเส้นก็แหวกอากาศตามมา ก่อนกำราบกายเนื้อซูหมิงพร้อมกัน

หากมองไกลๆ รอบกายเนื้อซูหมิงตอนนี้มีเซียนอยู่มากกว่าร้อยคนที่มากำราบเขา อีกทั้งคนเหล่านี้ล้วนมีขั้นพลังแข็งแกร่งอย่างยิ่ง

ขณะแสงขยับวิบวับ ก็มีจิตสัมผัสที่เหนือกว่าทุกคนที่นี่มาจากที่ใดไม่รู้ ทะยานผ่านอากาศเข้ามากำราบกายเนื้อซูหมิง

“การตื่นขึ้นของยมโลก…หึ ต่อให้ปลุกตื่นก็ต้องเป็นผู้ถวายตัวให้กับเผ่าเซียนของข้าไปชั่วนิรันดร์”

ด้วยการกำราบของยอดฝีมือเผ่าเซียนจำนวนมาก กระทั่งพวกเซียนระดับสูงยังมาร่วมด้วย กายเนื้อซูหมิงจึงค่อยๆ สงบลง ตราสัญลักษณ์ใบไม้แห้งตรงระหว่างคิ้วแน่นิ่งไป

บนแผ่นดินหมาน ซูหมิงไม่รู้สึกถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นในแดนเซียนเลย แต่ช่วงที่กายเนื้อถูกกำราบครั้งสุดท้าย กลับเหมือนมีหินก้อนใหญ่กดทับอยู่ในใจ ทำให้ความแค้นต่อเผ่าเซียนปะทุออกมาลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม

เขามีความรู้สึกเด่นชัดว่า ขั้นพลังของตนขาดเพียงเสี้ยวเดียวก็จะก้าวสู่รูปแบบชะตาตอนกลางแล้ว ความห่างเสี้ยวเดียวนี้คือต้องเปลี่ยนฟ้าดินให้เป็นสีโลหิต ต้องใช้โลหิตกับชีวิตนับไม่ถ้วนแลกเอามา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!